เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1748 เหตุเพลิงไหม้
ตอนที่ 1,748 เหตุเพลิงไหม้
อาณาจักรซือเว่ย เมืองเทียนหลางซิง
เกิดเหตุเพลิงไหม้ขนาดใหญ่ในชุมชนแออัดประจำเขตพื้นที่ตะวันออกเฉียงเหนือ
เปลวไฟสีแดงฉานพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้ายามราตรี ศูนย์กลางของเหตุเพลิงไหม้ขณะนี้มาจากกระท่อมไม้สามหลัง ซึ่งได้ถูกเผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว
เหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ทำให้มีชาวบ้านผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายร้อยคน…
นับเป็นภาพที่น่าสลดหดหู่ใจ
“ท่านแม่ ท่านแม่ ข้าเจ็บเหลือเกิน ท่านอยู่ที่ไหน...”
เด็กหญิงที่ร่างกายเปรอะเปื้อนเขม่าควันดำถูกช่วยเหลือออกมาจากกองไฟร่ำร้องด้วยความหวาดกลัว
“ภรรยาของข้า ตื่นขึ้นมาสิ ตื่นขึ้นมาได้แล้ว…” ชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งร้องไห้โหยหวนในขณะที่ประคองกอดซากศพที่ไหม้เกรียมของภรรยาตนเอง เขาจำได้ว่านี่เป็นศพของภรรยาก็จากกำไลที่สวมใส่
“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ มารดาของข้ายังอยู่ในกองเพลิง ปล่อยข้าเข้าไป ข้าจะเข้าไปช่วยเหลือมารดา…” เด็กหนุ่มอายุประมาณสิบห้าสิบหกปีผู้ที่เส้นผมบนศีรษะถูกไฟไหม้จนหมดเกลี้ยงและได้รับบาดเจ็บสาหัส แสดงกิริยาคลุ้มคลั่ง พยายามที่จะกลับเข้าไปในกองเพลิงขนาดใหญ่อีกครั้งเพื่อช่วยเหลือผู้คน
“ตั้งสติหน่อยสิ”
เจ้าหน้าที่หนุ่มในเครื่องแบบผู้หนึ่งเดินเข้ามาวางมือไว้บนหัวไหล่ของเด็กหนุ่ม “ด้านในกองไฟอันตรายเกินไป ข้าเพิ่งได้รับข้อมูลมาว่าไม่มีผู้ใดรอดชีวิตอีกแล้ว”
เจ้าหน้าที่หนุ่มผู้นี้มีกลิ่นควันไฟติดเต็มอยู่ทั่วกาย เห็นได้ชัดว่าเขาคือคนที่บุกเข้าไปช่วยเหลือผู้คนออกมาจากในกองไฟก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่หนุ่มมีคิ้วเข้ม ตาโต ย่อมต้องเป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษปี๋อวิ่นเถา
“ไม่นะ ท่านแม่ยังไม่ตาย… ท่านโกหก อย่ามาขวางทางข้า…”
เด็กหนุ่มพยายามลุกขึ้นยืนด้วยความหมดหวัง แต่สุดท้ายร่างกายก็หมดแรง ต้องทรุดลงไปนอนร้องไห้อยู่บนพื้นดิน “ตายหมดแล้ว ทุกคนตายหมดแล้ว ในชีวิตของข้าไม่เหลือใครอีกแล้ว… เพราะเหตุใดกัน?”
ปี๋อวิ่นเถาไม่ได้พูดคำใดอีก
สำหรับคนยากจน โลกใบนี้มีแต่ความโหดร้ายเสมอ
หากไม่อดตาย ก็ต้องถึงแก่ความตายเพราะถูกผู้อื่นทุบตี มิเช่นนั้น ก็ต้องป่วยตายหรือถูกสัตว์อสูรฆ่าตาย บางคนถึงแก่สิ้นชีวิตเพียงเพราะดื่มน้ำที่สกปรกมากเกินไปด้วยซ้ำ…
สำหรับคนยากจน ไม่มีผู้ใดรู้เลยว่าชีวิตของบุคคลอันเป็นที่รักจะถึงจุดจบลงเมื่อใด
บรรยากาศรอบกายเต็มไปด้วยเสียงร้องไห้โหยหวน
ยังคงมีชาวเมืองจำนวนมากวิ่งเข้ามาช่วยดับไฟและบางคนก็ถือโอกาสเข้าไปขโมยทรัพย์สินที่ยังหลงเหลืออยู่ในสถานที่เกิดเหตุ
“พี่ปี๋ เหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ไม่ชอบมาพากล นี่ไม่ใช่เหตุเพลิงไหม้ธรรมดา”
เจ้าหน้าที่ผู้ติดตามปี๋อวิ่นเถาแสดงสีหน้าเคลือบแคลงสงสัยออกมา
ปี๋อวิ่นเถาไม่ตอบคำใด
สีหน้าของเขาเคร่งขรึม
เขาเองก็รู้ดีว่าเหตุเพลิงไหม้ชุมชนในครั้งนี้ มียอดฝีมือผู้หนึ่งเป็นผู้ควบคุมเปลวเพลิง
มิเช่นนั้น เปลวเพลิงคงไม่ลุกลามกินพื้นที่กว้างขวางและก็คงไม่เกิดความเสียหายใหญ่โตถึงเพียงนี้ด้วยเช่นกัน
ปี๋อวิ่นเถาไม่ทราบเลยว่าอะไรกันคือแรงผลักดันที่ทำให้ผู้ร้ายต้องวางเพลิงในชุมชนแออัดแห่งนี้จนเป็นผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
แน่นอนว่ายังคงมีอีกหลายเรื่องราวที่ปี๋อวิ่นเถาไม่ทราบคำตอบ
อย่างเช่น การที่ตนเองถูกลดตำแหน่ง
นับตั้งแต่ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษ ปี๋อวิ่นเถาประพฤติตนตามหลักการในตำราทุกอย่าง เขาจัดการสืบสวนทุกคดีด้วยความตรงไปตรงมา คุ้มค่ากับเงินเดือนที่ได้รับทุกตำลึง ปี๋อวิ่นเถาไม่เคยสร้างความผิดพลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อสองวันก่อน ปี๋อวิ่นเถากลับได้รับการแจ้งเตือนว่าตนเองโดนลดตำแหน่งและกลายเป็นเพียงเจ้าหน้าที่สืบสวนระดับสามเท่านั้น
ไม่เพียงแต่ตัวของปี๋อวิ่นเถาจะโดนลดตำแหน่งเท่านั้น แต่บรรดาผู้ติดตามของเขาอีกหลายคนก็โดนลดตำแหน่งและถูกย้ายมาประจำการอยู่ในชุมชนแออัดแห่งนี้เพื่อสืบสวนเรื่องการหายตัวไปของคนที่ไม่มีความสำคัญใด ๆ หรือว่าเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ ผู้ร้ายมีเจตนาเล่นงานพวกเขากันแน่?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ปี๋อวิ่นเถาก็สั่นเทาไปทั้งตัว
แต่บุรุษหนุ่มก็รู้สึกว่านั่นยังไม่ใช่คำตอบสุดท้ายอยู่ดี
“ใต้เท้าขอรับ มีผู้รอดชีวิตทั้งสิ้นร้อยหกสิบคน ครึ่งหนึ่งถูกเพลิงไหม้อย่างหนักได้รับบาดเจ็บสาหัส… พวกเราจะทำอย่างไรกันดี?”
ผู้ใต้บังคับบัญชาอีกคนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงาน
ปี๋อวิ่นเถาตอบกลับไปว่า “จัดส่งผู้บาดเจ็บทุกคนตรงไปยังสำนักพยาบาลประจำสภา”
“สำนักพยาบาลประจำสภาหรือขอรับ?”
ผู้ใต้บังคับบัญชาหยุดชะงักไปเล็กน้อย “คนเจ็บจำนวนมากถึงเพียงนี้ พวกเขาจะยินดีรับตัวหรือขอรับ? แล้วค่าพยาบาลก็ไม่ใช่น้อย ๆ เสียด้วย”
ปี๋อวิ่นเถากล่าวว่า “ก็เมื่อวานพวกเขาเพิ่งประกาศเองไม่ใช่หรือว่ายินดีดูแลชาวเมืองผู้ยากจนโดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ น่ะ?”
สำนักพยาบาลประจำสภาควบคุมโดยรองผู้คุมสภาที่มีนามว่าสวีฉานหลี่
สวีฉานหลี่เป็นเพียงสตรีผู้เดียวที่อยู่ในกลุ่มรองผู้คุมสภาทั้งห้า รูปลักษณ์ของนางงดงามดุจเทพธิดา เป็นที่ต้องตาต้องใจของเหล่าวีรบุรุษในอาณาจักรซือเว่ย แม้ว่านางจะมีผู้ติดตามไม่มากเท่าหลินซิงเฉิง แต่ทุกคนล้วนเป็นยอดฝีมือชื่อดัง และยอดฝีมือเหล่านั้นก็มีความเคารพซื่อสัตย์ต่อสวีฉานหลี่เป็นอย่างยิ่ง
ในเวลาเดียวกันนี้ สวีฉานหลี่ก็พยายามโฆษณาชวนเชื่อเพื่อปรับภาพลักษณ์ของตนเองให้กลายเป็นนางฟ้านางสวรรค์ ด้วยการป่าวประกาศว่าสำนักพยาบาลของนางยินดีรักษาผู้ยากไร้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
“แต่ว่า…”
ผู้ใต้บังคับบัญชาของปี๋อวิ่นเถาพยายามจะโต้แย้ง
เพราะถ้อยคำโฆษณาชวนเชื่อ ไม่มีทางปฏิบัติได้ในความเป็นจริงอยู่แล้ว
ปี๋อวิ่นเถาโบกมือตัดบทว่า “ไม่ต้องโต้แย้งแล้ว เสี่ยวไป๋ แค่ทำตามที่ข้าสั่งก็พอ”
จังหวะนั้น ได้ยินเสียงคำรามดังขึ้นจากด้านข้างว่า
“ผู้ใดเป็นหัวหน้าพวกเจ้า?”
เสียงแหลมสูงดังขึ้น
ในความมืดมิด เมียวอวี้ผู้สวมใส่เครื่องแบบเจ้าหน้าที่พิเศษประจำหน่วยสืบสวนพิเศษเดินตรงเข้ามา “พวกเราได้รับข่าวว่ามีการก่อเหตุวางเพลิงเกิดขึ้นที่นี่ ผู้ร้ายซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มผู้รอดชีวิต นับจากนี้ไป ผู้รอดชีวิตทุกคนจะต้องถูกนำตัวมาสอบสวน ส่งตัวพวกเขามาให้เราแต่โดยดีเถอะ”
ปี๋อวิ่นเถาขมวดคิ้วนิ่วหน้า “แต่ข้าไม่เห็นได้รับคำสั่งใด”
“งั้นเจ้าก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป”
เมียวอวี้หัวเราะเยาะเสียงเย็นชา “ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ระดับสามอย่างเจ้าอยู่แล้ว”
ปี๋อวิ่นเถารู้สึกว่าเหตุการณ์นี้ยิ่งไม่ชอบมาพากลมากขึ้นเรื่อย ๆ
จากการวิเคราะห์ของเขา ผู้วางเพลิงในครั้งนี้ต้องมีขั้นพลังไม่ต่ำกว่าจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ตอนปลาย
ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ผิดปกติอย่างยิ่ง
และบัดนี้ หน่วยสืบสวนพิเศษยังได้ส่งผู้คนมารับทำคดีนี้โดยเฉพาะ… พวกเขากำลังตามหาอะไรอยู่กันแน่?
แต่ไม่ว่าจะเกิดเรื่องราวใดขึ้น ปี๋อวิ่นเถาก็ไม่คิดจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวอีกแล้ว
“พวกท่านจะนำตัวผู้รอดชีวิตไปก็ได้”
ปี๋อวิ่นเถากล่าว “แต่ทุกคนต้องได้รับการรักษาก่อน”
เมียวอวี้หัวเราะในลำคอ ตอบกลับมาว่า “เรื่องนั้นเจ้าอย่าได้สนใจไป… พวกเราพาตัวไปให้หมด”
แล้วบรรดาเจ้าหน้าที่จากหน่วยสืบสวนพิเศษก็รีบกรูเข้ามาฉุดลากกลุ่มผู้ได้รับบาดเจ็บออกไปด้วยความโหดร้ายทารุณ
“ลุกขึ้น”
“ออกเดินเดี๋ยวนี้ พวกเจ้าอยากตายหรืออย่างไร?”
บรรดาผู้รอดชีวิตที่ได้รับบาดเจ็บถูกต้อนให้ออกเดินไม่ต่างจากกลุ่มสัตว์เลี้ยง ลำพังแค่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกเพลิงไหม้ก็ทำให้เดินได้อย่างยากลำบากอยู่แล้ว บัดนี้ ทุกย่างก้าวของพวกเขาได้ทิ้งรอยเลือดไว้เป็นทางยาวบนพื้นดิน
ชาวบ้านที่เฝ้ามองเหตุการณ์อยู่สองข้างทางล้วนมีสีหน้าโกรธแค้น แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าพูดคำใดออกมา
ความโกรธแค้นปรากฏขึ้นบนสีหน้าของปี๋อวิ่นเถา
บุรุษหนุ่มกำลังจะก้าวเดินออกมาข้างหน้าเพื่อกล่าวอะไรบางอย่าง
แต่ก็ถูกสหายสนิทและผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเองอย่างเสี่ยวไป๋ฉุดรั้งเอาไว้เสียก่อน
“พี่ปี๋ อย่าเข้าไปยุ่งเลย เรื่องนี้แปลกประหลาดมากเกินไป”
เสี่ยวไป๋ส่ายศีรษะกระซิบว่า “บัดนี้ ท่านถูกลดตำแหน่ง ท่านไม่ใช่เจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษอีกแล้ว อย่าวุ่นวายเรื่องราวของผู้อื่นเลย คอยดูแลตนเองให้อยู่รอดก่อนเถอะ วันพรุ่งนี้ท่านก็จะแต่งงานกับเสี่ยวอี้แล้ว ไม่ว่าท่านจะโกรธแค้นสักเพียงใด แต่ก่อนจะทำสิ่งใด ช่วยนึกถึงคนที่อยู่รอบตัวท่านด้วย”
แล้วปี๋อวิ่นเถาก็ลังเลขึ้นมาเล็กน้อย