เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1751 รับตัวสองพี่น้อง
ตอนที่ 1,751 รับตัวสองพี่น้อง
“แต่ว่า…”
เด็กสาวก้มหน้าลงด้วยความเศร้า “คนกลุ่มนั้นอำมหิตมากเกินไป พวกมันสามารถกระทำได้ทุกอย่าง เมื่อคืนนี้ถึงกับวางเพลิงทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องตกตายนับร้อยชีวิต วันพรุ่งนี้พวกมันก็สามารถเปลี่ยนที่นี่เป็นแดนสังหารได้เช่นกัน ท่านปู่เจ้าคะ เราไม่สามารถเอาชนะพวกมันได้หรอก”
“เจ้าเชื่อมั่นในตัวปู่เถอะ”
ชายชรายิ้ม “แค่นำไผ่สามกษัตริย์มาให้ได้ก็พอ…”
ชายชราหยุดชะงัก เสมือนกับคำว่าไผ่สามกษัตริย์พูดออกมาได้ยากลำบากเสียเหลือเกิน แต่เขาก็กล่าวต่อไป “เจ้านำไผ่สามกษัตริย์กลับมาให้ปู่ ปู่จะได้หลอมโอสถหมอกสูญสลาย เมื่อได้ในจำนวนที่เพียงพอแล้ว พวกเราก็จะได้มีโอกาสแก้แค้นเสียที”
…
คฤหาสน์ลู่หลิว
“เจ้าว่าอะไรนะ?”
หลินเป่ยเฉินจ้องมองเด็กสาวกับน้องชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความเหลือเชื่อ “พวกเจ้าเนี่ยนะที่เป็นคนหลอมโอสถคืนวิญญาณ?”
เด็กสาวเชิดหน้าขึ้นและกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ “ท่านไม่เชื่อหรือ?”
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าตอบตามความจริง “ข้าไม่เชื่อ”
เด็กสาวยืดหน้าอกขึ้น “ข้าสามารถพิสูจน์ได้”
หลินเป่ยเฉินรีบดึงสายตาของตนเองกลับมาทันที “บอกความจริงมาซะ”
เด็กสาวจ้องมองเขาด้วยแววตาดุร้าย “ความจริงอันใด?”
“เจ้าไปมีเรื่องกับผู้ใดกันแน่?”
หลินเป่ยเฉินยกมือกอดอกและเอนกายพิงพนักเก้าอี้ ก่อนยกเท้าขึ้นมาวางพาดเอาไว้บนโต๊ะ “เจ้าพบว่าตนเองไม่สามารถหลบหนีศัตรูได้อีกต่อไป จึงอยากจะมาขอที่หลบภัยกับข้าใช่ไหมล่ะ?”
“ไม่ใช่สักหน่อย…”
“ใช่แล้วขอรับ”
เด็กสาวและน้องชายของนางตอบออกมาพร้อมกัน
หลังจากนั้น สองศรีพี่น้องก็หันมองหน้ากัน ผู้เป็นพี่สาวจ้องมองน้องชายด้วยแววตาโกรธเคือง
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
พี่น้องคู่นี้ไม่เหมือนกันเลยจริง ๆ
น่าสนใจดีแฮะ
เขาสังหรณ์ใจว่าพี่น้องคู่นี้ต้องมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดาแน่นอน
“เจ้าบอกมาเถอะ”
หลินเป่ยเฉินยิ้มกว้างและกล่าวต่อ “ในอาณาจักรซือเว่ย ไม่มีผู้ใดที่ข้าจะรับมือไม่ได้”
เด็กชายหันไปมองหน้าพี่สาว
ผู้เป็นพี่สาวเชิดหน้าขึ้นและกล่าวด้วยความดื้อรั้น “ไร้ประโยชน์!”
“ตามใจเจ้าก็แล้วกัน”
เด็กหนุ่มไม่ได้คาดคั้นอีกต่อไป “งั้นมาคุยกันเถอะว่าเจ้าสามารถหลอมโอสถคืนวิญญาณได้แน่นะ? เจ้าจะสามารถส่งมอบโอสถให้กับข้าได้เมื่อไหร่? แต่ละครั้งเจ้าจะสามารถส่งมอบได้กี่เม็ด?”
เด็กสาวคิดคำนวณอยู่ในใจ สุดท้ายก็ให้คำตอบออกมา “ข้าสามารถส่งมอบได้ทุก ๆ สิบวัน การส่งมอบหนึ่งครั้งจะมีจำนวนโอสถสิบเม็ด… ไม่ทราบว่าท่านต้องการมากเพียงได้?”
“ยิ่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น”
หลินเป่ยเฉินตอบด้วยความพอใจ “เจ้าสามารถหลอมมาได้เลยเต็มที่”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหา”
เด็กสาวตอบรับอย่างว่าง่าย “แต่ท่านต้องเป็นคนจัดหาวัตถุดิบ”
“ย่อมได้”
เขาพยักหน้า “เจ้าต้องการวัตถุดิบชนิดใดบ้างโปรดบอกมา ข้าจะส่งคนไปมอบให้แก่เจ้าเอง นอกจากนี้ ทุก ๆ การจัดส่งโอสถหนึ่งครั้ง ข้าจะจ่ายให้เจ้าร้อยตำลึงเงินดีหรือไม่?”
เด็กสาวเบิกตาโต “ครั้งละร้อยตำลึงเงิน?”
“ไม่พอหรือ?”
หลินเป่ยเฉินพูดอย่างรู้สึกผิด “งั้น… สองร้อยตำลึงเงินเป็นอย่างไร?”
เด็กสาวนิ่งเงียบ แต่แล้วก็กล่าวว่า “ไม่ต้อง แค่ให้อาหารกับที่อยู่พวกเราก็พอแล้ว”
หลินเป่ยเฉินก็นิ่งเงียบใช้ความคิดเช่นกัน สุดท้ายก็ตอบว่า “ตามแต่ที่เจ้าต้องการเถอะ”
หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็สั่งให้ผู้คนไปเตรียมวัตถุดิบและจัดหาสถานที่พัก รวมถึงอุปกรณ์สำหรับการหลอมโอสถให้แก่สองศรีพี่น้องเป็นการเร่งด่วน
“หากเป็นเช่นนี้ ดูเหมือนว่าเราคงไม่จำเป็นต้องตามหาตัวอาจารย์เฉินปี้หยางอีกแล้ว”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่น “ถ้านางสามารถหลอมโอสถคืนวิญญาณได้จริง ๆ น่ะนะ!”
หลังจากนั้นไม่นาน
ในกระท่อมไม้หลังเล็กแห่งหนึ่ง
“ท่านพี่ ท่านรักเงินยิ่งกว่าชีวิต เหตุไฉนครั้งนี้ถึงไม่คิดเงิน?”
เด็กชายถามด้วยสีหน้าสงสัย “จงบอกความจริงมาเถอะ ท่านตกหลุมรักพี่หลินแล้วใช่หรือไม่? ที่ท่านทำเช่นนี้ก็เพราะอยากได้รับความสนใจจากเขา”
เพียะ!
ผู้เป็นพี่สาวลุกขึ้นตบศีรษะน้องชายเสียงดังสนั่น ก่อนจ้องมองด้วยแววตาดุร้ายอำมหิต “ข้าจะไปหลงรักคนอวดดีอย่างนั้นได้อย่างไร?”
เด็กชายยกมือลูบศีรษะตนเองด้วยความเจ็บปวด “แต่การกระทำของท่าน ไม่ต่างจากสตรีผู้โง่เขลาที่กำลังมีความรักในนิยายประโลมโลกเลยนะขอรับ”
“เฮ้อ ข้าไม่ไหวจะทนกับเจ้าแล้วจริง ๆ”
เด็กสาวแสดงสีหน้าฉุนเฉียว “เจ้ายังเป็นเพียงเด็กน้อย จะเข้าใจอันใดเรื่องราวความรักของผู้ใหญ่?”
เด็กชายตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ท่านปู่บอกว่าความรักคือความรู้สึกที่บริสุทธิ์ที่สุดและเป็นความรู้สึกที่สวยงามที่สุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์…”
“เจ้าน่ะเงียบไปเลย”
เด็กสาวขัดจังหวะอีกครั้ง “นับจากนี้ไป ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าอ่านนิยายประโลมโลกเหล่านั้นอีกแล้ว เจ้าต้องอยู่ที่นี่เพื่อหลอมโอสถ”
“ข้าเคยหลอมโอสถคืนวิญญาณมาแล้วตั้งหลายครั้ง แค่นี้รับรองว่าสบายมาก”
เด็กชายกล่าวอย่างไม่ยี่หระ “แต่ข้าเป็นห่วงท่านปู่เล็กน้อย… ว่าแต่ท่านพี่เถอะ สรุปว่าท่านไม่ได้หลงรักพี่หลินจริง ๆ หรือ?”
ผู้เป็นพี่สาวถึงกับพูดคำใดไม่ออก
“งั้นทำไมท่านไม่เก็บเงินเขาล่ะ?”
เด็กชายยังคงติดใจสงสัยไม่หาย
เด็กสาวตอบกลับไปอย่างหงุดหงิดใจว่า “นั่นก็เพราะเขาให้ที่พักกับอาหารแก่เรา และยังมอบวัตถุดิบสำหรับหลอมโอสถอีกด้วย แล้วเจ้าคิดว่าข้าเป็นคนที่หน้าหนาขนาดไหนกันถึงจะได้ไปเก็บเงินเขาอีก? ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่าแค่พวกเรามาอยู่ที่นี่ เขาก็ต้องตกอยู่ในอันตรายมากแล้ว หากวันหนึ่งมีผู้คนค้นพบว่าเขาให้ที่พักพิงแก่เรา ตัวชั่วร้ายเหล่านั้นก็จะต้องตามมารังควานเขาเป็นแน่แท้”
“ท่านพี่ห่วงใยเขาจริง ๆ ด้วย”
ผู้เป็นน้องชายพยักหน้าอย่างใช้ความคิด ว่ากันตามประสบการณ์นักอ่านนิยายประโลมโลกอย่างเขา เด็กชายก็สามารถวินิจฉัยได้ทันที “ท่านพี่ ท่านตกหลุมรักพี่หลินเข้าให้แล้วล่ะ”
เด็กสาวยืนนิ่งอยู่กับที่
นางเป็นผู้ใด นางอยู่ที่ไหน และนางมาทำอะไรที่นี่?
“ยอมรับความรู้สึกในหัวใจตัวเองเถอะ”
เด็กชายกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
เมื่อการสนทนาดำเนินมาถึงจุดนี้ พวกเขาก็ได้ยินเสียงประตูรั้วเปิดออก
อากวงสูบบุหรี่พ่นควันโขมงขี่หลังเจ้าเสืออสูรกลายพันธุ์เข้ามาหยุดยืนที่หน้ากระท่อมของสองพี่น้องพร้อมกับวัตถุดิบสำหรับการหลอมโอสถคืนวิญญาณจำนวนมาก
“นี่มันอะไรกัน?”
ความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กสาว
หนูอสูรกับสุนัขตัวนี้สมควรไปไล่จับคนร้ายวางเพลิงไม่ใช่หรือ?
ทำไมพวกมันถึงได้กลับมาเร็วนัก?
สงสัยพวกมันคงกลับมาพร้อมกับความล้มเหลว หรือมิเช่นนั้น ก็คงหลบหนีกลับมาด้วยความหวาดกลัวเมื่อค้นพบความจริงสินะ
เหอ ๆๆ
คิดอยู่แล้วเชียวว่าหลินเป่ยเฉินก็เพียงปากเก่งไปเท่านั้นเอง!!