เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1761 ทำความเข้าใจสำเร็จ
ตอนที่ 1,761 ทำความเข้าใจสำเร็จ
ทันใดนั้น…
เคร้ง!
เสียงกระบี่สั่นสะเทือนก็ดังออกมาจากร่างกายของปี๋อวิ่นเถา
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโต
เสียงกระบี่ยิ่งดังชัดเจนและยาวนานมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในท้องพระโรง สีหน้าของทุกคนแปรเปลี่ยนไป
ลำแสงกระบี่สาดประกายเจิดจ้าล้อมรอบร่างกายของปี๋อวิ่นเถา
คล้ายกับว่ามีสุดยอดกระบี่เล่มหนึ่งได้ถูกชักออกมาจากฝัก
“นี่มัน…”
“เป็นปราณกระบี่ที่รุนแรงอะไรเช่นนี้”
“พวกเรารีบถอย เร็วเข้า”
บรรดาขุนนางและแม่ทัพใหญ่ในท้องพระโรงต่างก็รีบถอยหนีด้วยความลนลาน
พวกเขาเพียงคิดว่าคัมภีร์กระบี่สยบฟ้าก็เป็นข้ออ้างจากหลินเป่ยเฉินในการรักษาอาการบาดเจ็บให้แก่ปี๋อวิ่นเถา ดังนั้น ทุกคนจึงคิดไม่ถึงเลยว่าคัมภีร์เล่มนี้จะสามารถใช้งานได้จริง
ในระยะเวลาเพียงหนึ่งก้านธูปเท่านั้น ปี๋อวิ่นเถาก็สามารถทำความเข้าใจคัมภีร์เล่มนี้ได้สำเร็จแล้ว
พลังปราณที่แผ่กระจายออกมาจากร่างของปี๋อวิ่นเถายิ่งเพิ่มความหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อย ๆ
ดวงตาของหลินเป่ยเฉินยิ่งเป็นประกายระยิบระยับมากขึ้น…
นับว่าปี๋อวิ่นเถาเป็นมือกระบี่อัจฉริยะสมคำเล่าลือจริง ๆ
ในรอบพันปีน่าจะมีเพียงหนึ่งคนเท่านั้น
และพลังกดดันจากวิชากระบี่สยบฟ้าก็หนักหน่วงและรุนแรงมากกว่าที่หลินเป่ยเฉินเคยคิดเอาไว้
พลัน ปี๋อวิ่นเถาลืมตากลับขึ้นมา
และทุกครั้งที่เขากะพริบตา ลำแสงกระบี่ก็จะพุ่งออกมาจากดวงตาของเขา
ไม่ใช่จะมีปราณกระบี่เพิ่มขึ้นมาเท่านั้น
แต่อาการบาดเจ็บของปี๋อวิ่นเถายังหายดีเป็นปลิดทิ้งอีกด้วย
ขั้นพลังของบุรุษหนุ่มในขณะนี้บรรลุสู่ขอบเขตจอมเทพจักรพรรดิระดับ 1 แล้ว
เขาก้มหน้ามองแผ่นศิลาซึ่งเป็นคัมภีร์กระบี่สยบฟ้าที่ถืออยู่ในมือ
นี่คือวิชากระบี่ที่เขาไม่เคยค้นพบมาก่อน
มันเป็นวิชาที่บอกให้ปี๋อวิ่นเถารู้ว่า เมื่อมีกระบี่อยู่ในมือ ก็ไม่มีสิ่งใดเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว
นี่คือวิชากระบี่ที่สามารถกวาดล้างผู้คนได้ทั้งโลกเลยด้วยซ้ำ
“สำเร็จแล้วหรือ?”
หลินเป่ยเฉินสอบถาม
“สำเร็จแล้ว”
ปี๋อวิ่นเถากล่าวตอบ
“ท่านมีความเข้าใจลึกซึ้งเพียงใด?”
หลินเป่ยเฉินถามต่อไป
ปี๋อวิ่นเถานิ่งคิดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เพียงหยดน้ำในมหาสมุทร”
หลังกล่าวจบ เขาก็ประสานมือคำนับหลินเป่ยเฉินด้วยความเคารพสูงสุด “ขอบคุณท่านแม่ทัพสำหรับคัมภีร์กระบี่นี้”
“แล้วท่านจะทำอย่างไรต่อไป?”
หลินเป่ยเฉินถามด้วยความสนใจ
ปี๋อวิ่นเถาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ชำระหนี้แค้นต่อไป”
“ฮ่า ๆๆ”
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะ “ประเสริฐ”
ในที่สุด ปี๋อวิ่นเถาก็ประพฤติตนอย่างที่เขาต้องการเสียที
ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์มอบคัมภีร์กระบี่สยบฟ้าให้ทั้งหมด
ในที่สุด ปี๋อวิ่นเถาก็ไม่ได้ยึดมั่นในหลักการอันน่าเบื่อหน่ายนั้นอีกแล้ว
หลินเป่ยเฉินเดินกลับขึ้นไปบนขั้นบันไดทองคำและทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งรองผู้คุมสภาอีกครั้ง ก่อนกล่าวว่า “ต่อไปนี้จะเป็นการแสดงที่น่าสนใจ… ข้าขอให้ทุกท่านรับชมอย่างสนุกสนานและอนุญาตให้มีการเดิมพันได้เป็นกรณีพิเศษ เชิญทุกท่านเดิมพันได้เลยว่าผู้ใดจะเป็นฝ่ายชนะในการชำระหนี้แค้นครั้งนี้”
ในท้องพระโรง ทุกคนมีสีหน้าเรียบเฉย ด้วยรู้ดีว่าบรรยากาศแปลกประหลาดมากเกินไป จึงไม่มีผู้ใดกล้าพูดอะไรออกมา
“เตรียมตัวรับกระบี่!”
ปี๋อวิ่นเถายื่นมือออกไปข้างหน้า
วูบ!
แล้วกระบี่ยาวสีดำทมิฬเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
นี่เป็นการเปลี่ยนพลังปราณให้กลายเป็นวัตถุกระบี่
ทันใดนั้น กระบี่ที่เกิดขึ้นจากพลังปราณภายในร่างกายของปี๋อวิ่นเถาก็สะท้อนประกายระยิบระยับไปทั่วตำหนักหมาป่า
ไม่มีผู้ใดกล้าจ้องมองไปที่กระบี่เล่มนั้น
นี่คือสุดยอดกระบี่ที่แท้จริง มันแผ่รังสีสังหารคุกคามผู้คนจนให้รู้สึกหนาวเหน็บไปจนถึงขั้วหัวใจ
“สวีฉานหลี่!”
ปี๋อวิ่นเถาถลึงตาจ้องมองไปที่ยอดหญิงงามแห่งสภาขุนนางอีกครั้ง “ได้เวลาที่เจ้าจะต้องชดใช้หนี้เลือดในครั้งนี้แล้ว!!”
ใบหน้าที่สวยงามของสวีฉานหลี่แสดงรอยยิ้มเหยียดหยาม ก่อนตอบว่า “เจ้าจะเอาชนะข้าด้วยวิชากระบี่ที่เพิ่งเข้าใจได้ไม่ถึงหนึ่งก้านธูปเนี่ยนะ?”
สวีฉานหลี่โบกมือวูบ
“แม่ทัพสวี ช่วยไปศึกษาวิชากระบี่สยบฟ้าแทนข้าทีเถอะ”
รองผู้คุมสภาสวีฉานหลี่ไม่มีเจตนาจะลงมือด้วยตนเอง
สวีหม่าน แม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพจางจุนรับคำสั่งด้วยความกระตือรือร้น “ได้เลยขอรับ”
แม้เขาจะรู้ตัวดีว่าตนเองกำลังถูกหลอกใช้ แต่สวีหม่านก็เต็มใจเป็นอย่างยิ่ง
เพื่อทำงานรับใช้สวีฉานหลี่ แม่ทัพใหญ่ผู้นี้ยินดีสละได้แม้แต่ชีวิตของตนเอง
สวีหม่านเดินเข้ามายืนขวางหน้าปี๋อวิ่นเถา
แสงสว่างเป็นประกายระยิบระยับ
แล้วชุดเกราะสีน้ำตาลเข้มก็ปรากฏขึ้นบนร่างกายของสวีหม่าน
นี่เป็นชุดเกราะประจำตำแหน่งแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพจางจุน
ในมือของเขาคือดาบยักษ์ ที่มีด้ามจับเป็นสีน้ำตาลเข้ม และมีคมดาบเป็นสีเงินแวววาว
ทั้งชุดเกราะและดาบคู่กายต่างก็เป็นอาวุธชื่อดังประจำตัวสวีหม่าน พวกมันคือวัตถุเล่นแร่แปรธาตุระดับ 19 ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วอาณาจักรซือเว่ย
“ทารกน้อย เจ้าอยากแก้แค้นอย่างนั้นหรือ?”
สวีหม่านยกมือกระดิกนิ้วเรียกปี๋อวิ่นเถา “ข้าและนายทหารในกองทัพจางจุนนี่แหละที่ถูกส่งไปสังหารครอบครัวของเจ้าในวันนั้น นี่เป็นคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา… หากเจ้าอยากแก้แค้น ก็อยู่ที่ว่าเจ้ามีความสามารถหรือมะ…”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
รังสีกระบี่ก็สาดประกายเจิดจ้า
ไม่ต่างจากแสงดาวกะพริบวิบวาวบนฟ้า
ตัวคนยืนโงนเงน
สวีหม่านยังพูดไม่ทันจบประโยค
การต่อสู้ก็ยุติลง
เปรี๊ยะ!
ชุดเกราะบริเวณหน้าอกเกิดรอยแตกร้าว
ปรากฏรูพรุนที่เป็นระเบียบ
เส้นเลือดบนขมับของหลินเป่ยเฉินปูดโปน
เคร้ง!
ดาบใหญ่ในมือของสวีหม่านถูกตัดครึ่ง
หลินเป่ยเฉินรู้สึกเหมือนความดันโลหิตกำลังจะพุ่งขึ้นสูง
เสียของ!
เสียของจริง ๆ!!
ชุดเกราะที่สวีหม่านสวมใส่มีราคาแพงเท่าใดกันนะ?
ต้องมาถูกทำลายไปเช่นนี้
หลินเป่ยเฉินแทบอยากจะร้องไห้ออกมาแล้ว
ตุบ!
ร่างของสวีหม่านล้มลงไป
ดวงตาของสวีหม่านเบิกโพลงราวกับว่าต้องการจะจ้องมองลำแสงกระบี่ที่เป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาเห็นในชีวิตนี้
ร่างกายที่ฝึกวิชายุทธ์มาไม่ต่ำกว่าร้อยปีปรากฏบาดแผลฉกรรจ์อย่างน่าตกตะลึง
บาดแผลฉกรรจ์ที่ทำให้ถึงขั้นเสียชีวิต
ในท้องพระโรงได้ยินเสียงอุทานด้วยความตกใจ
นับเป็นการโจมตีที่น่ากลัวมากเกินไป
ความตายของสวีหม่านน่าตกตะลึงมากเกินไป
เพียงกระบวนท่าเดียวเท่านั้น ท่านแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพจางจุนก็ต้องถึงแก่ชีวิต
หลายคนถึงกับมองไม่ทันด้วยซ้ำว่าการโจมตีเมื่อสักครู่นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
ปี๋อวิ่นเถาลดกระบี่ในมือลงขณะถามเสียงดังว่า “มีผู้ใดอีกหรือไม่?”
สวีฉานหลี่หรี่ตามอง ดวงตาคู่งามของนางปรากฏความตกตะลึงขึ้นมาเล็กน้อย
เพราะเมื่อสักครู่นี้ นางเองก็มองการโจมตีไม่ทันเช่นกัน!