เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1770 เจ้าทำให้ข้าผิดหวังจริง ๆ
ตอนที่ 1,770 เจ้าทำให้ข้าผิดหวังจริง ๆ
“ในเมื่อเจ้ารู้จักเผ่าพันธุ์ปีศาจ ก็คงทราบดีแล้วใช่หรือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น?”
หวงเฉิงอี้ปลดปล่อยพลังกดดันออกมาเพิ่มมากขึ้น “หากไม่อยากตายก็จงคุกเข่าซะ”
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที
เขารู้สึกเกลียดชังและขยะแขยง ในหัวใจร้อนผ่าวดั่งมีเปลวไฟแผดเผา
หลินเป่ยเฉินยกมือกระดิกนิ้วเรียกอย่างท้าทาย “เข้ามาสิ ข้าจะทำให้เจ้าได้เห็นเองว่า ไม่ว่าจะแข็งแกร่งสักเพียงใด สุดท้ายเจ้าก็ต้องเป็นผู้พ่ายแพ้อยู่ดี”
“มดปลวกต่ำต้อยอย่างเจ้าจะมาเป็นคู่ต่อกรของข้าได้อย่างไร?”
ใบหน้าที่งดงามของหวงเฉิงอี้แสดงออกถึงความโกรธแค้นและดูถูกเย้ยหยัน “ข้าไม่มีเวลามาเสียไปกับเจ้าอีกแล้ว หากเป็นเช่นนี้ เจ้าก็จงเสียใจต่อความยโสโอหังของตนเองเสียเถอะ… เถาวัลย์ดาราพิฆาต!”
ขาดคำ
นางก็โปรยเมล็ดพันธุ์ออกมาจากปลายนิ้วมือเป็นจุดสีทองคำเล็ก ๆ
จุดสีทองคำเหล่านั้นลอยล่องในอากาศ
เพียงพริบตาเดียว พวกมันก็เติบโตเป็นเถาวัลย์ทองคำหลายสิบเส้น
และเถาวัลย์ที่อยู่ตรงกลางก็มีขนาดใหญ่โตมากที่สุด มันพุ่งตรงเข้ามาหาหลินเป่ยเฉินไม่ต่างจากงูเหลือมยักษ์ที่กำลังหิวโหย
ความน่ากลัวของเถาวัลย์เหล่านี้ก็คือพวกมันมีหนามแหลมคม สามารถเคลื่อนที่ได้ว่องไวไม่ต่างจากสิ่งมีชีวิต แม้จะเผชิญหน้ากับพลังกดดันที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวของหลินเป่ยเฉิน แต่เถาวัลย์เหล่านี้ก็ไม่ได้มีลักษณะเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโต
นี่คืออิทธิฤทธิ์ของผู้ใช้สายเลือดนักพฤกษาใช่หรือไม่?
ก่อนหน้านี้ หลินเป่ยเฉินเคยรับมือกับผู้ใช้สายเลือดนักพฤกษามาแล้ว เพราะฉะนั้น เขาจึงไม่ตื่นตระหนก
หลินเป่ยเฉินกระทืบเท้ากลางอากาศ
วูบ! วูบ! วูบ!
แล้วลำแสงกระบี่จำนวนมากก็พุ่งกระจายออกไปรอบทิศทาง
นี่คือการทดสอบความแข็งแกร่งของเถาวัลย์ทองคำในขั้นแรก
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
สะเก็ดไฟสาดกระจาย
เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นตลอดเวลา เป็นการกระทบกันด้วยความหนักหน่วงรุนแรง
“หืม?”
สีหน้าของหลินเป่ยเฉินแปรเปลี่ยนไป
เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าลำแสงกระบี่ของตนเองไม่สามารถสร้างความเสียหายให้แก่เถาวัลย์ทองคำเหล่านี้ได้เลยแม้แต่น้อย
ลำแสงกระบี่ของเขาไม่สามารถตัดเถาวัลย์ได้สักเส้นเดียว
ประเสริฐ… แข็งแกร่งก็ดีแล้ว
หลินเป่ยเฉินทราบดีว่าพลังปราณของตนเองไม่เพียงพอที่จะสู้กับผู้ที่อยู่ในขั้นจอมเทพจักรา แม้แต่เถาวัลย์ของฝ่ายตรงข้าม เขาก็ยังไม่มีปัญญาตัดขาดเลยด้วยซ้ำ
“เห็นแล้วใช่หรือไม่ว่าขั้นพลังของพวกเรานั้นแตกต่างกันมากเกินไป จงยอมรับชะตากรรมของเจ้าเสียเถอะ”
หวงเฉิงอี้หัวเราะเยาะด้วยความขบขัน ก่อนระเบิดเสียงคำรามออกมาอีกครั้ง “เถาวัลย์ดาราพิฆาต… เผด็จศึก!”
ควับ! ควับ! ควับ!
เถาวัลย์ทองคำจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าไปพันธนาการทั่วร่างกายหลินเป่ยเฉินจนไม่สามารถมองเห็นร่างของเขาได้อีกแล้ว
หนามแหลมบนเถาวัลย์ทิ่มแทงเข้าใส่ผิวหนังของหลินเป่ยเฉิน
บัดนี้ เด็กหนุ่มไม่ต่างไปจากมนุษย์เถาวัลย์ แม้แต่หูตาจมูกปากของเขาก็ถูกเถาวัลย์ปกคลุมหมดสิ้น…
“จบสิ้นแล้ว!”
ใบหน้าที่งดงามของหวงเฉิงอี้แสดงออกถึงความสะใจ “หากเจ้าได้มีโอกาสเติบโตมากกว่านี้ เจ้าก็คงกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในอนาคต แต่น่าเสียดายที่เจ้าไม่ได้รับโอกาสนั้น เพราะว่าเจ้าเลือกเป็นศัตรูกับเผ่าพันธุ์ปีศาจของข้า… หืม?”
ทันใดนั้น หวงเฉิงอี้ก็ต้องเลิกคิ้วสูงด้วยความตกตะลึง
แคว่ก!
แคว่ก! แคว่ก! แคว่ก!
เสียงอะไรบางอย่างฉีกขาดดังขึ้น
แล้วนิ้วมือเรียวยาวห้านิ้วก็ทะลวงออกมาจากใต้ม่านเถาวัลย์ทองคำ
ตามมาด้วยฝ่ามืออีกข้าง
หลังจากนั้น มือทั้งสองข้างก็ช่วยกันฉีกกระชากเถาวัลย์ทองคำออกไป
เถาวัลย์ทองคำมีความแข็งแกร่งไม่ต่างไปจากเหล็กกล้า แต่บัดนี้ พวกมันกลับถูกฉีกกระชากขาดออกจากกันอย่างง่ายดาย
หลินเป่ยเฉินกลับมาเป็นอิสระอีกครั้ง
“เปราะบางเกินไป เถาวัลย์วิเศษของเจ้าสามารถทำลายได้ง่ายดายเหลือเกิน”
เสื้อผ้าอาภรณ์ของเด็กหนุ่มขาดวิ่น แต่ผิวหนังของเขายังคงเรียบเนียนไร้บาดแผล ไม่มีร่องรอยของการถูกหนามแหลมทิ่มแทงแม้แต่จุดเดียว
ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขากล่าวด้วยความผิดหวังว่า “ข้านึกว่าการโจมตีของผู้ที่มีพลังขั้นจอมเทพจักราจะน่ากลัวมากกว่านี้เสียอีก คิดไม่ถึงเลยว่าแม้แต่การสร้างบาดแผลให้แก่ร่างกายของข้า เจ้าก็ยังทำไม่สำเร็จเลยด้วยซ้ำ”
หวงเฉิงอี้เบิกตาโตขึ้นมาทันที
หนามแหลมบนเถาวัลย์ดาราพิฆาตของนางมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะโจมตีผู้ใช้สายเลือดผู้คงกระพันระดับจอมเทพจักราได้ด้วยซ้ำ
ไม่ว่าผู้ใดตกอยู่ในภายใต้การพันธนาการของเถาวัลย์ดาราพิฆาต ก็จะมีชะตากรรมไม่ต่างจากสัตว์ร้ายที่อยู่ในกรงขัง รอเวลาถูกสังหารเท่านั้น
“ร่างกายของเจ้า…”
หวงเฉิงอี้ตั้งสติกลับคืนมาได้อีกครั้งและกล่าวถามโดยไม่รู้ตัวว่า “เจ้าใช้สายเลือดศักดิ์สิทธิ์เพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกายของตนเองใช่หรือไม่?”
วูบ!
หลินเป่ยเฉินทำลายเถาวัลย์ทั้งหมดทิ้งไปอย่างง่ายดาย
“เจ้าพูดอะไรของเจ้า?”
เส้นผมสีดำของเด็กหนุ่มยาวสยายลงมาถึงช่วงเอว รูปร่างของเด็กหนุ่มไม่ต่างจากงานแกะสลักชั้นเลิศ หลินเป่ยเฉินเคลื่อนไหวร่างกายอย่างเชื่องช้า แต่ก็ยิ่งขับเน้นให้เห็นถึงมัดกล้ามที่มีเส้นเลือดปูดโปนขึ้นมา
“ฮ่า ๆๆ”
หลินเป่ยเฉินเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะใส่ท้องฟ้า “เอาเลย จงแสดงพลังของปีศาจระดับจอมจักราออกมา ทำให้ข้าได้สนุกมากกว่านี้หน่อย มิเช่นนั้น เจ้าก็คงทำให้ข้าผิดหวังแล้วจริง ๆ…”
ตู้ม!
หลินเป่ยเฉินกระแทกหมัดออกไปข้างหน้า
คลื่นพลังแผ่กระจายสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
คลื่นพลังพุ่งออกไปคล้ายกับกระบี่เล่มยาว
พรึ่บ!
ทันใดนั้น ร่างของหวงเฉิงอี้ก็แตกกระจายกลายเป็นจุดสีทองคำจำนวนมากบนท้องฟ้า
แน่นอนว่าผู้ที่มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักรา คงไม่ถึงแก่ความตายอย่างง่ายดายเพียงนี้
เพียงพริบตาเดียว หวงเฉิงอี้ก็สามารถรวมร่างกลับคืนมาได้อีกครั้ง
สีหน้าของนางบอกถึงความตกตะลึงและความโกรธแค้น
นางไม่เคยถูกผู้ใดบดขยี้อย่างหนักหน่วงถึงขั้นนี้มาก่อน
นางไม่เคยรู้สึกโกรธแค้นถึงเพียงนี้มาก่อน
แต่การทำลายเถาวัลย์ดาราพิฆาตของนางด้วยฝีมือหลินเป่ยเฉินและรอยยิ้มรวมถึงถ้อยคำอวดดีของเขานั้น ก็ทำให้หวงเฉิงอี้รู้สึกโกรธแค้นขึ้นมาแล้วจริง ๆ
“วิชาพฤกษากลืนดารา!”
แววตาของนางเป็นประกายเย็นชาขณะที่ยกมือขึ้นมาอีกครั้ง
แล้วเมล็ดพันธุ์สีเขียวก็ถูกโปรยออกไปจากปลายนิ้วมือของหวงเฉิงอี้
ภายใต้การควบคุมด้วยพลังจิตและพลังปราณปีศาจ เมล็ดพันธุ์สีเขียวเหล่านั้นก็รวมตัวกันกลายเป็นม่านฝุ่นหนาแน่นพุ่งเข้าไปหาหลินเป่ยเฉินราวกับเป็นสิ่งมีชีวิต พวกมันไม่สนใจม่านพลังคุ้มกันร่างกายของเด็กหนุ่ม ม่านฝุ่นเหล่านั้นเกาะติดอยู่บนผิวหนังของเขาอย่างแนบแน่น
“จงเติบโต”
เมื่อสิ้นเสียงคำรามของหวงเฉิงอี้ฝุ่นสีเขียวเหล่านั้นก็เติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
พวกมันเติบโตขึ้นมาเป็นพฤกษาคล้ายกับรากไม้เลื้อยชนิดหนึ่ง
ตอไม้ขนาดเล็กปรากฏขึ้นบนผิวหนัง
การเติบโตของมันคือสิ่งที่เหนือจินตนาการ
ไม้เลื้อยชนิดนี้เติบโตอย่างรวดเร็วและพยายามจะขยายรากของมันเจาะลงไปใต้ผิวหนังหลินเป่ยเฉิน เพื่อให้รากของมันเติบโตขึ้นไปพร้อมกับลำต้นที่อยู่บนผิวหนังของเขา