เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1777 เปิดสุสานกษัตริย์
ตอนที่ 1,777 เปิดสุสานกษัตริย์
“เฮอะ”
สุดท้าย เด็กสาวก็ต้องกระทืบเท้าเดินจากมาด้วยความเดือดดาล
นางยังคงไม่เชื่อว่าหลินเป่ยเฉินจะเป็นยอดฝีมือที่แท้จริง
เขาก็แค่ไปแอบซ่อนตัวอยู่ในเงามืด เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ถึงได้กล้าปรากฏตัวออกมาต่างหาก
อีกไม่นานหรอก ทุกคนจะได้เห็นธาตุแท้ของหลินเป่ยเฉิน!
เสี่ยวติงยกมือขึ้นแตะขมับพร้อมกับมองแผ่นหลังของพี่สาวที่เดินจากไป
“ว่าด้วยประสบการณ์จากการอ่านนิยายประโลมโลกของเรา ในบทที่หนึ่งของเรื่องสารานุกรมความรัก นี่สามารถอ้างอิงได้ถึง… จุดเริ่มต้นของชะตากรรมรักทุกข์ระทมแล้วสินะ”
…
สามวันผ่านไปว่องไวในพริบตาเดียว
อาณาจักรซือเว่ยกลับสู่ความสงบ
ยุคสมัยของผู้คุมสภาฮวาไป๋จบสิ้นลงแล้ว กลุ่มอำนาจเก่าถูกถอนรากถอนโคนไม่เหลือสิ้น
พระอาทิตย์ยังมีขึ้นและยังมีตก
ชีวิตของผู้คนยังดำเนินต่อไป
สำหรับสามัญชน การสิ้นสุดยุคสมัยในอำนาจของฮวาไป๋ถือเป็นเรื่องที่ดี
เพราะทุกคนพบว่าเมื่อบรรดาขุนนางฉ้อฉลหายไป ชีวิตของพวกเขาก็ดีขึ้นมาทันตาเห็น
หน่วยงานราชการ ไม่ว่าจะเป็นสำนักสืบสวน สำนักมือปราบ หรือหน่วยงานอื่น ๆ ต่างก็กลับมาเป็นหน่วยงานที่รับใช้ประชาชนอย่างแท้จริง
เหล่าคหบดีและผู้คนจากตระกูลใหญ่ก็เริ่มบริจาคเงินให้แก่การกุศลมากขึ้น
มีการตั้งซุ้มแจกจ่ายอาหารให้แก่ผู้ยากไร้เพิ่มมากขึ้น
แม้ว่าในเมืองอื่น ๆ จะยังคงมีความวุ่นวายโกลาหลอยู่บ้าง แต่สงครามโดยรวมก็ถือว่ายุติลงแล้ว
เพราะนั่นเป็นคำสั่งที่ถูกส่งตรงออกมาจากวังหลวง
การบริหารบ้านเมืองไม่เคยราบรื่นถึงเพียงนี้มาก่อน
ด้วยเหตุนี้ อาณาจักรซือเว่ยจึงฟื้นฟูขึ้นมาในเวลาอันรวดเร็ว
แต่ในเวลาเดียวกันนี้ ก็ยังมีเรื่องราวอื่น ๆ เกิดขึ้น
มีการค้นพบยอดฝีมือต่างแดนปรากฏตัวขึ้นตามเมืองต่าง ๆ ในอาณาจักรซือเว่ย
โดยเฉพาะภายในเมืองเทียนหลางซิง ยังคงมีการปรากฏตัวของยอดฝีมือจากอาณาจักรอื่นเพิ่มขึ้นไม่หยุด
ซึ่งล้วนแต่เป็นบุคคลที่มีสถานะไม่ธรรมดา
นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งข่าวลือเริ่มแพร่กระจายไปในกลุ่มคนใหญ่คนโต…
สุสานกษัตริย์กำลังจะถูกเปิดอีกครั้ง
สุสานกษัตริย์ประจำเมืองเทียนหลางซิงถูกปิดตายนับตั้งแต่ที่จักรพรรดิองค์เก่าขึ้นครองบัลลังก์
แต่บัดนี้ เมื่อทุกอย่างกำลังจะเริ่มต้นใหม่ สุสานกษัตริย์ก็กำลังจะถูกเปิดออกอีกครั้ง
ย่อมมีผู้คนมากมายอยากเข้าร่วมการสำรวจสุสานในครั้งนี้
หากการเปิดสุสานกษัตริย์เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน เกรงว่าการปรากฏตัวของเหล่ายอดฝีมือจากต่างแดนก็คงมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
แต่บัดนี้ ทุกคนล้วนทราบดีว่าราชสำนักกลับมามีความแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่เกรียงไกร โดยมีเซียนกระบี่นักล่าหัวหลินเป่ยเฉินคอยรับใช้ด้วยความจงรักภักดี
สำหรับเรื่องการเปิดสุสานกษัตริย์นั้น เต้าเจี๋ยนเซียวไม่ได้ปิดบังหลินเป่ยเฉินแต่อย่างใด
เจ้าอ้วนบอกเขานานแล้ว
ของวิเศษที่ถูกเก็บอยู่ในสุสานกษัตริย์นั้น มีจำนวนมากมายเกินกว่าที่ทางราชสำนักจะครอบครองเอาไว้ได้แต่เพียงผู้เดียว
และผลจากการประชุมเรื่องการเปิดสุสานกษัตริย์ในครั้งนี้ก็ได้ข้อสรุปออกมาว่า พวกเขาสมควรแบ่งกลุ่มกันเข้าไปสำรวจสุสาน และหลินเป่ยเฉินก็ยังได้แนะนำให้เจ้าอ้วนเปิดการประมูลต่อสาธารณชน ผู้ใดที่ให้เงินประมูลเยอะมากที่สุด ผู้นั้นก็จะได้เข้าร่วมการสำรวจสุสานพร้อมกับพวกเขาด้วยเช่นกัน
เต้าเจี๋ยนเซียวเห็นด้วยโดยทันที
และบัดนี้ การประมูลก็จบลงแล้ว ปรากฏว่ามีห้าสำนักใหญ่ที่ได้รับสิทธิ์ให้เข้าร่วมการสำรวจสุสานกษัตริย์
ในที่สุด ประตูสุสานกษัตริย์ก็ถูกเปิดออก
ทุกคนเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับสุสานกษัตริย์มานานแล้ว
แต่ไม่เคยมีผู้ใดพบเห็นด้วยตาของตนเองมาก่อน
บริเวณที่ตั้งของสุสานกษัตริย์นั้นจะมีหมอกขาวปกคลุม ไม่ว่าเป็นมนุษย์ สิ่งของ หรือสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใด ๆ เมื่อเข้าไปใกล้ม่านหมอกขาวเหล่านั้นก็จะถูกดีดสะท้อนกลับออกมา
มีผู้คนมากมายอยากจะเข้าไปสำรวจ แต่ก็ล้มเหลว
ยอดฝีมือบางท่านสามารถทะลวงฝ่าสายหมอกเข้าไปได้สำเร็จ แต่สุดท้ายก็ต้องตกตายอยู่ในนั้น แม้แต่โครงกระดูกก็ไม่มีเหลือ
เมื่อมียอดฝีมือจำนวนมากพบชะตากรรมที่น่าเศร้าเช่นนั้น ก็ไม่มีผู้ใดคิดจะฝ่าสายหมอกเข้าไปอีกเลย
เบื้องหลังม่านหมอกขาวนั้นเป็นที่ตั้งของกลุ่มคฤหาสน์ขนาดใหญ่ พวกมันล้วนเป็นคฤหาสน์ที่งดงามเหนือจินตนาการ แต่ก็ยังคงมีเสน่ห์น่าค้นหา
ตำนานเล่าขานว่าเคยมีผู้แข็งแกร่งผู้หนึ่งทำหน้าที่รักษาความสงบสุขให้กับเส้นทางดาราจักรอันกว้างใหญ่
และในท้ายที่สุด ผู้แข็งแกร่งท่านนั้นก็เลือกอาณาจักรซือเว่ยเป็นสถานที่สร้างสุสานให้ตนเองได้หลับใหลตลอดกาล
ดังนั้น ในสุสานแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยทรัพย์สินของมีค่าที่ผู้แข็งแกร่งท่านนั้นเก็บรวบรวมเอาไว้ตลอดชีวิต
แน่นอนว่าสุสานล้ำค่าเช่นนี้ย่อมเป็นที่หมายปองของผู้คน เพราะฉะนั้น ท่านผู้แข็งแกร่งจึงจัดวางค่ายอาคมเอาไว้อย่างแน่นหนารัดกุม เพื่อที่ผู้บุกรุกเข้าสู่สุสานจะต้องตายอย่างไร้แผ่นดินกลบฝังและกลายเป็นผีเฝ้าสุสานไปโดยปริยาย
ตัดภาพกลับมา ณ ปัจจุบัน กลุ่มคฤหาสน์เหล่านั้นยังคงอยู่
ทางราชสำนักได้จัดส่งกองทัพมาเฝ้าระวังอยู่หน้าทางเข้าสุสานกษัตริย์ เพื่อป้องกันไม่ให้สามัญชนคนธรรมดาหรือผู้ฝึกยุทธ์ระดับต่ำแอบลักลอบเข้าไปหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว
มีแต่เพียงผู้แข็งแกร่งระดับจอมเทพจักรพรรดิเท่านั้นถึงจะได้รับอนุญาตให้เข้าสู่พื้นที่ของสุสานกษัตริย์ได้
และเมื่อเข้าสู่เขตพื้นที่ของสุสานกษัตริย์แล้ว ทุกคนก็ต้องพึ่งพาความสามารถของตนเองทั้งสิ้น
เพียงไม่กี่ชั่วยาม ผู้คนหลายพันคนก็มาปรากฏตัว
แต่แทบไม่มีผู้ใดเลยที่จะมีคุณสมบัติดีพอได้เข้าสู่สุสานกษัตริย์
พวกเขามีวาสนาเป็นได้เพียงผู้เฝ้าดูเท่านั้น
หรือบางคนก็ยังคิดหาโอกาสแฝงตัวเข้าไป
“เฮ้อ ในที่สุดเราก็จะได้สำรวจสุสานกษัตริย์แล้ว แต่มีผู้คนมารวมตัวกันเยอะเหลือเกิน ยิ่งกว่าสุนัขได้กลิ่นอาจมอีกนะเนี่ย”
หลินเป่ยเฉินฉีกยิ้มด้วยความชั่วร้าย
เขายังคงสวมใส่ชุดสีขาว ใบหน้าหล่อเหลาราวกับรูปปั้นแกะสลัก
แต่คำพูดของเขาช่างร้ายกาจ จนทำให้เหล่ายอดฝีมือจำนวนมากที่ยืนอยู่ในบริเวณนั้นต้องหันมาจ้องมอง
“เจ้าเด็กหน้าขาวนี่เป็นผู้ใด กล้าดีอย่างไรถึงพูดจายโสโอหังเช่นนี้? ไม่ทราบว่าอยากตายใช่หรือไม่?”
บุรุษหนุ่มผู้มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิระดับ 2 ชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ และพร้อมที่จะเข้ามาหาเรื่องหลินเป่ยเฉิน
แต่ศิษย์พี่ที่มาด้วยกันก็รีบคว้าแขนห้ามเอาไว้
“เจ้าไม่รู้หรือว่าเขาคือผู้ใด?”
ศิษย์พี่ลดเสียงลงเป็นกระซิบ “อย่าได้ไปมีเรื่องขัดแย้งกับเขาเด็ดขาด… เด็กหนุ่มผู้นี้มีพื้นเพไม่ธรรมดา พวกเราปล่อยผ่านไปเถอะ”
บุรุษหนุ่มผู้เป็นศิษย์น้องตอบกลับไปอย่างไม่พอใจ “ข้าไม่สนว่ามันจะเป็นผู้ใดมาจากไหน แต่ข้าคือศิษย์ของสำนักซิงอวิ๋นแห่งเมืองลู่อิน…”
ศิษย์พี่กล่าวตัดบทว่า “เขาคือหลินเป่ยเฉิน”