เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1780 ออกสำรวจ
ตอนที่ 1,780 ออกสำรวจ
เด็กหนุ่มนำโทรศัพท์มือถือออกมาดู
การอัปเดตของแอปไป่ตู้ แมปคืบหน้าไปแล้วกว่าเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์
อีกไม่เกินหนึ่งชั่วยาม การอัปเดตก็จะเสร็จสิ้น
เมื่อเวลานั้นมาถึง เขาก็จะ… โฮะโฮะโฮะ
หลินเป่ยเฉินจดจำเส้นทางในแผนที่ซึ่งมารดาของเจ้าอ้วนให้มาจนขึ้นใจ จากนั้นจึงออกเดินสำรวจในที่สุด
สิ่งที่หลินเป่ยเฉินต้องการตามหาก็คือ ‘โลหิตพิสุทธิ์’
ด้วยความที่หลินเป่ยเฉินมีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ การเลื่อนขั้นพลังของเขาจึงยากลำบากมากกว่าคนทั่วไป หากไม่มีพลังมากพอ ก็จะไม่สามารถเลื่อนขั้นพลังได้เด็ดขาด ดังนั้นหลินเป่ยเฉินจึงจำเป็นต้องใช้โลหิตพิสุทธิ์ในการเลื่อนขั้นพลังอีกครั้ง
บัดนี้ เขารู้สึกว่าตนเองหยุดชะงักอยู่ที่ขอบเขตเดิมมานานมากเกินไปแล้ว
หากเขาอยากเลื่อนขั้นพลังให้สำเร็จ เขาก็จำเป็นต้องใช้พลังจากโลหิตพิสุทธิ์เป็นครั้งที่สอง
และที่สำคัญก็คือโลหิตพิสุทธิ์ที่นำมาใช้งานในครั้งนี้ สมควรเป็นโลหิตพิสุทธิ์ที่มีความสูงส่งมากกว่าครั้งก่อน ซึ่งหลินเป่ยเฉินได้รับมอบมาจากท่านผู้เฒ่า ซึ่งเป็นเจ้าของกระบี่ฆ่าวาฬนั่นเอง
หลินเป่ยเฉินหวังว่าตนเองจะมีวาสนาเช่นนั้นอีกสักครั้ง
เด็กหนุ่มเดินไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว
ระหว่างที่เขาเดินไปข้างหน้า บรรยากาศรอบข้างก็มีแต่ความเงียบสงัด
สุสานกษัตริย์แห่งนี้ไม่ต่างจากวังหลวงที่ถูกทิ้งร้างดี ๆ นี่เอง
พื้นที่ด้านในมีตั้งแต่ศาลานั่งเล่น รูปปั้นหิน เสาหิน แท่นบูชา ไปจนถึงสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ อีกมากมาย
ถนนทางเดินก็วกวนคดเคี้ยว ยิ่งทำให้กลุ่มคฤหาสน์เหล่านี้ไม่ต่างจากเส้นทางเขาวงกต
คลื่นพลังลอยตัวอยู่ในอากาศ ราวกับต้องการจะต่อต้านผู้บุกรุก
แต่ยิ่งเดินลึกเข้าไปมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งพบกับความใหญ่โตหรูหราอลังการของกลุ่มคฤหาสน์มากเท่านั้น
ในขณะที่มองจากระยะไกล บรรดาคฤหาสน์ดูเก่าแก่ทรุดโทรมตามกาลเวลา แต่เมื่อเดินเข้ามาสำรวจดูใกล้ ๆ บรรดาคฤหาสน์ซึ่งอยู่ในอาณาเขตของสุสานกษัตริย์ที่แท้จริงนั้น สิ่งปลูกสร้างทั้งหมดยังคงมีสภาพใหม่เอี่ยมราวกับไม่เคยถูกใช้งานมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น
ควรค่าแล้วที่จะได้รับการตั้งชื่อว่าสุสานจันทรามิลืมเลือน
สิ่งปลูกสร้างที่ตั้งอยู่โดยรอบไม่ว่าจะเป็นความสูงหรือรูปทรงต่างก็มีความงดงามหรูหราสมบูรณ์แบบชวนให้ผู้คนรู้สึกสนเท่ห์หลงใหล หากไม่รู้จักเส้นทางมาก่อน ก็คงจะหลงทางได้ง่าย
โชคดีที่หลินเป่ยเฉินรู้จักเส้นทางแล้ว
ตลอดเส้นทาง เด็กหนุ่มจึงไม่พบกับยอดฝีมือผู้อื่นเลย
และภายใต้แสงสว่างของดวงไฟเหนือศีรษะ ก็ไม่มีสิ่งแปลกประหลาดเกิดขึ้นเช่นกัน
สุสานกษัตริย์ยังคงเงียบสงบและน่ากลัว อากาศดูเหมือนจะหนาวเย็นขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินก็เดินมาหยุดยืนอยู่หน้าสิ่งปลูกสร้างที่มีลักษณะคล้ายกับพีระมิดหลังหนึ่ง
มาถึงแล้ว
วิหารอานเซิน!
“หากเครื่องหมายในแผนที่ระบุเอาไว้ไม่ผิด โลหิตพิสุทธิ์ก็จะต้องถูกเก็บอยู่ในวิหารหลังนี้แน่นอน”
หลินเป่ยเฉินเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบน ซึ่งมีทั้งหมดยี่สิบสองขั้น
เขาเดินขึ้นไปจนถึงหน้าประตูทางเข้าพีระมิด
สองฝั่งซ้ายขวาของประตูมีรูปปั้นหินหยกขาวสองตัวตั้งตระหง่าน
พวกมันถือกระบี่คอยทำหน้าที่เฝ้าวิหาร
รูปปั้นมือกระบี่นี้เป็นรูปปั้นของสตรี พวกมันถูกแกะสลักอย่างละเอียดละออจนแทบจะคล้ายกับเป็นสิ่งมีชีวิตจริง ๆ เครื่องแบบที่รูปปั้นนี้สวมใส่เป็นชุดกระโปรงสีแดงเข้ม คาดเข็มขัดหนัง ช่วงขาเรียวยาว ใบหน้าค่อนข้างดุร้าย เรียกได้ว่าเป็นรูปปั้นของหญิงงาม แต่ก็มีความดุดันอยู่ภายในตัวเอง
รูปปั้นทั้งสองตัวกำลังเงยหน้ามองขึ้นไปทางด้านบน
ดวงตาของรูปปั้นมีผ้าผูกปิดเอาไว้
ยิ่งทำให้รูปปั้นคู่นี้ลึกลับและเป็นปริศนามากขึ้นไปอีก
“หรือว่านี่จะเป็นรูปปั้นของเซี่ยเต๋อจี?”
เห็นว่านางตาบอดนี่นา
หลินเป่ยเฉินใช้ความคิดในความเงียบ
ระหว่างทางที่เดินมาที่นี่ เขาก็เคยเห็นรูปปั้นลักษณะนี้มาแล้วหลายตัว
และถ้าเขาจำไม่ผิด รูปปั้นสตรีที่มีผ้าปิดตาเช่นนี้ น่าจะตั้งอยู่ตั้งแต่ทางเข้าสุสานแล้วด้วยซ้ำ
หลินเป่ยเฉินเดินเข้าไปในประตูพีระมิด
หลังจากนั้น เขาก็ก้าวลงไปตามขั้นบันไดที่ทอดนำลงไปสู่ส่วนลึกของพีระมิด
ไม่มีกลไก!
ไม่มีผีดิบเฝ้าสุสาน!!
ไม่มีม่านพลังป้องกัน!!!
หลินเป่ยเฉินเดินทะลุไปจนถึงพื้นที่ใจกลางพีระมิดได้อย่างง่ายดาย
เด็กหนุ่มเดินมาหยุดยืนอยู่บนแท่นบูชาที่สูงเสียจนเขาต้องแหงนมองคอตั้งบ่า
นับเป็นแท่นบูชาที่ใหญ่โตยิ่งนัก
นี่คือแท่นบูชาที่ทำขึ้นมาจากหินหยกขาวขนาดใหญ่…
บนแท่นบูชาวางไว้ด้วยชามบรรจุโลหิตใบหนึ่ง
โลหิตพิสุทธิ์
หลินเป่ยเฉินรับรู้ได้โดยทันที
ง่ายดายถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
หลินเป่ยเฉินอดประหลาดใจไม่ได้
เขาชักรู้สึกไม่ไว้วางใจ
นี่มันจะง่ายเกินไปหน่อยไหม?
เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนมีคนนำมาวางเตรียมเอาไว้ให้เขาแล้วอย่างไรอย่างนั้น
ที่นี่จะไม่มีอันตรายเลยจริงสิ?
หรือว่ามันจะเป็นโลหิตพิษ?
หรือว่ามันจะเป็นกับดัก?
หลินเป่ยเฉินคิดไปคิดมาก็นำโทรศัพท์มือถือออกมาสแกนโดยเร็ว
‘ติ๊ง…’
‘ตรวจพบโลหิตพิสุทธิ์ของต้วนมู่ฉยง ผู้ใช้สายเลือดผู้บ้าคลั่ง อายุพันปี…’
นี่คือคำตอบที่ยืนยันว่าสิ่งที่หลินเป่ยเฉินพบเจอนั้นเป็นโลหิตพิสุทธิ์ของจริง
และโทรศัพท์มือถือก็ได้ให้รายละเอียดว่าโลหิตพิสุทธิ์เป็นของผู้ใช้สายเลือดผู้บ้าคลั่งที่มีอายุถึงพันปี โลหิตในชามใบนี้รวบรวมเอาไว้ทั้งประสบการณ์ต่อสู้ มวลพลังที่สะสมตลอดชีพ เช่นเดียวกับความรู้ความเข้าใจในการฝึกวิทยายุทธ์
เป็นสิ่งที่ไม่สามารถตามหาได้ง่าย ๆ
และเป็นสิ่งที่ไม่สามารถดูดซับได้ง่าย ๆ ด้วยเช่นกัน
หากหลินเป่ยเฉินไม่เคยดูดซับพลังจากโลหิตพิสุทธิ์มาก่อน ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะดูดซับโลหิตพิสุทธิ์จากชามใบนี้
“โลหิตพิสุทธิ์ของต้วนมู่ฉยง ผู้ใช้สายเลือดผู้บ้าคลั่ง อายุพันปี ทำไมฟังดูเหมือนชื่อผู้หญิงจังเลยวะ… เดี๋ยวก่อนนะ แล้วทำไมถึงอายุพันปี? นั่นมันไม่ใช่ยุคสมัยที่สร้างสุสานกษัตริย์แห่งนี้ขึ้นมานี่”
หลินเป่ยเฉินปลดปล่อยพลังปราณและควบคุมโลหิตในชามตรงหน้าให้ลอยขึ้นมาในอากาศ ก่อนที่เขาจะควบคุมพวกมันให้เปลี่ยนรูปทรงกลายเป็นก้อนกลมที่มีขนาดเท่ากับกำปั้นเด็กทารก
“รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลแฮะ”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่น
และในเวลาเดียวกันนั้นเอง…
‘ติ๊ง!’
‘แอปพลิเคชันไป่ตู้ แมปได้รับการอัปเดตเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ’
เสียงสวรรค์ดังขึ้นในหัวของหลินเป่ยเฉิน
เขายิ้มด้วยความดีใจ
เมื่อมีแอปไป่ตู้ แมปอยู่ในมือ ทุกอย่างต่อจากนี้ก็ง่ายดายขึ้นแล้ว
หลินเป่ยเฉินย่อมไม่ได้มาที่สุสานกษัตริย์แห่งนี้เพื่อโลหิตพิสุทธิ์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
แต่ที่นี่ยังมีทรัพย์สมบัติหายากมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแก้วแหวนเงินทอง คัมภีร์ฝึกวิชา เครื่องมือเล่นแร่แปรธาตุ อาวุธระดับสูง และอื่น ๆ อีกมากมาย สิ่งเหล่านี้ต่างก็เป็นเป้าหมายของเขาทั้งสิ้น
หลินเป่ยเฉินไม่ลังเลที่จะเก็บโลหิตพิสุทธิ์เหล่านี้เอาไว้ก่อน เขาตัดสินใจที่จะไม่ดูดซับพลังจากพวกมันในตอนนี้