เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1784 ปาท่องโก๋ครึ่งซีก
ตอนที่ 1,784 ปาท่องโก๋ครึ่งซีก
เจ้าก้อนกลมนี้คือโลหิตพิสุทธิ์ เพียงหยดเลือดที่ไหลทะลักออกมาเล็กน้อยเท่านั้น มันก็ยังปลดปล่อยมวลพลังกดดันได้ถึงเพียงนี้… นี่แสดงให้เห็นว่าโลหิตพิสุทธิ์กลุ่มก้อนนี้มีพลังแรงกล้ามากกว่าโลหิตพิสุทธิ์ของต้วนมู่ฉยงที่หลินเป่ยเฉินได้มาจากวิหารอานเซินอย่างเทียบกันไม่ติด
ถือเป็นสิ่งที่ล้ำค่ายิ่งนัก
“ขอบคุณพี่สาวมากแล้ว”
หลินเป่ยเฉินรับน้ำใจด้วยรอยยิ้ม
“เปิดดูกล่องที่สองเถอะ”
เซี่ยเต๋อจีกล่าวเสียงเรียบ “ของที่อยู่ในนั้นก็เป็นของท่านเช่นกัน”
หลินเป่ยเฉินรีบเก็บโลหิตพิสุทธิ์โบราณและเปิดกล่องใบที่สองบนโต๊ะทันที
ด้านในบรรจุคัมภีร์แผ่นพับทองคำเล่มหนึ่ง
เด็กหนุ่มหยิบขึ้นมาดูก็เห็นตัวอักษรปรากฏบนหน้าปกว่า…
‘คัมภีร์แปดชั้นฟ้า’
คัมภีร์ฝึกวิชายุทธ์อย่างนั้นหรือ?
หลินเป่ยเฉินลองเปิดคัมภีร์ออกดูจึงได้รู้ว่าแผ่นพับข้างในมีอยู่ด้วยกันทั้งหมดแปดแผ่น
แต่ละแผ่นจะมีข้อความและภาพวาดอธิบายการฝึกท่วงท่าต่าง ๆ
กระบวนท่าแรกคือภูผาชมดาว เป็นกระบวนท่าสำหรับการป้องกันตัว
กระบวนท่าที่สองคือปราณถล่มดารา เป็นกระบวนท่าสำหรับการระเบิดพลังปราณ
กระบวนท่าที่สามคือเด็ดชีพพยัคฆ์ เป็นกระบวนท่าสำหรับการโจมตีโดยใช้พลังกาย
กระบวนท่าที่สี่คือสะบั้นฟ้า เป็นกระบวนท่าสำหรับการทำลายล้างศัตรู
กระบวนท่าที่ห้าคือต้านทานคลื่นลม เป็นกระบวนท่าสำหรับใช้หยุดยั้งการโจมตีด้วยพลังปราณจากคู่ต่อสู้
กระบวนท่าที่หกคือทะลวงค่าย เป็นกระบวนท่าสำหรับใช้ในการทะลวงออกมาจากค่ายอาคม
กระบวนท่าที่เจ็ดคือผนึกวิญญาณทิพย์ เป็นกระบวนท่าสำหรับใช้ป้องกันวิญญาณและอวัยวะภายในไม่ให้ได้รับความเสียหายเมื่อถูกโจมตีอย่างหนัก
กระบวนท่าที่แปดคือดับวิญญาณจิตแตกซ่าน เป็นกระบวนท่าสำหรับใช้โจมตีจิตใจและวิญญาณของศัตรู
หลินเป่ยเฉินดูแผ่นพับทีละแผ่น แล้วเขาก็รู้สึกว่าคัมภีร์แปดชั้นฟ้าเหมาะสมกับผู้ฝึกวิชาสายเลือดคงกระพันยิ่งนัก มิหนำซ้ำ เขาน่าจะนำกระบวนท่าต่าง ๆ มาดัดแปลงต่อยอดได้อีกด้วย
“เอามาใช้กับวิชากระบี่ก็น่าจะได้มั้ง”
เมื่ออ่านคัมภีร์จบลง หลินเป่ยเฉินก็รู้ว่านี่คือโอกาสดีของตนเอง
หากเขาฝึกคัมภีร์แปดชั้นฟ้า การต่อสู้ในระยะประชิดตัวของเขาก็แทบจะถูกจัดอยู่ในระดับไร้เทียมทานแล้ว
โดยเฉพาะการเสริมสร้างความแข็งแกร่งในเรื่องการป้องกันการโจมตี คัมภีร์เล่มนี้ราวกับถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ
หากเขาสามารถฝึกคัมภีร์เล่มนี้ได้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัวหรือการต่อสู้แบบหมาหมู่ หลินเป่ยเฉินก็ไม่ต้องกลัวสิ่งใดอีกแล้ว
“คัมภีร์แปดชั้นฟ้าเล่มนี้เป็นข้าคิดค้นขึ้นมาเองโดยอาศัยประสบการณ์ทั้งชีวิต ด้านในจึงได้บันทึกกระบวนท่าสำหรับป้องกันตัวและกระบวนท่าสำหรับโจมตีศัตรูเอาไว้ ประสิทธิภาพในการใช้งานวิชานี้จะขึ้นอยู่กับระดับชั้นพลังของแต่ละคน ยิ่งผู้ใดฝึกวิชาตามสายเลือดผู้คงกระพันก็จะยิ่งได้เปรียบเป็นพิเศษ”
เซี่ยเต๋อจีกล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ
“ในอดีต ข้าเคยนำกระบวนท่าสะบั้นฟ้ามาดัดแปลงเป็นกระบวนท่ากระบี่ และมันก็เป็นกระบวนท่ากระบี่ที่ทรงพลังมาก... บางทีท่านอาจจะลองนำไปใช้งานดูได้”
หัวใจของหลินเป่ยเฉินกระตุกวูบ
นี่ไงล่ะ เขาสามารถนำกระบวนท่าต่าง ๆ ในคัมภีร์แปดชั้นฟ้ามาดัดแปลงเข้ากับกระบวนท่ากระบี่ได้จริงด้วย!
เดี๋ยวรอให้นักพรตหญิงชินกลับมาก่อนเถอะ เขาจะให้นางช่วยวิเคราะห์คัมภีร์เล่มนี้ บางที นางอาจจะสามารถรวมกระบวนท่าต่าง ๆ เข้ากับคัมภีร์กระบี่สิบเจ็ดคาบสมุทรจนกลายเป็นสุดยอดวิชากระบี่ชนิดใหม่ก็เป็นได้
“ขอบคุณพี่สาวมากขอรับ”
หลินเป่ยเฉินหันไปขอบคุณด้วยความนอบน้อมอีกครั้ง “คัมภีร์แปดชั้นฟ้าเล่มนี้นับว่ามีเอกลักษณ์ไม่เหมือนผู้ใด ข้าน้อยรับปากว่าจะต้องสร้างชื่อเสียงให้คัมภีร์ของท่านยิ่งใหญ่เกรียงไกรอย่างแน่นอน... พี่สาวไม่ต้องเป็นห่วงนะขอรับ ข้าน้อยจะทำให้สมกับที่ท่านใช้ประสบการณ์ทั้งชีวิตเขียนคัมภีร์เล่มนี้ขึ้นมา แต่ไม่ทราบว่าข้าน้อยจะขอเปลี่ยนชื่อคัมภีร์ใหม่เป็นคัมภีร์กระบี่ตาบอดได้หรือไม่…”
ซวยแล้วสิ!
กว่าจะนึกขึ้นมาได้ว่านั่นเป็นชื่อคัมภีร์ที่ฟังดูไม่เข้าท่าเอาซะเลย เด็กหนุ่มก็ห้ามปากตนเองไม่ทันเสียแล้ว
เซี่ยเต๋อจีเลิกคิ้วขึ้นสูง
“ท่าน...”
ดูเหมือนนางอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจและหันมากล่าวว่า “เอาตามที่ท่านพอใจเถอะ”
หลินเป่ยเฉินหันกลับมาจ้องมองไปยังกล่องหยกขาวใบที่สาม
มีอะไรอยู่ข้างในนะ?
“เชิญเปิดออกดูได้เลย”
เซี่ยเต๋อจีกล่าวเมื่อเห็นสีหน้าของหลินเป่ยเฉิน
จากนั้นเขาก็เปิดกล่องหยกใบที่สามออกดูโดยไม่ลังเล
“หา?”
สีหน้าของเด็กหนุ่มมีแต่ความประหลาดใจ
นี่มันปาท่องโก๋… ครึ่งซีก?
แต่เมื่อมองดูดี ๆ นี่คือรากโสมไม่ใช่หรือ?
เป็นรากโสมที่ถูกแบ่งครึ่งซะด้วย
หลินเป่ยเฉินนำรากโสมชิ้นนั้นขึ้นมาดูด้วยความพินิจพิเคราะห์
ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึก น้ำหนัก หรือวัตถุดิบ ไม่ว่ามองอย่างไรนี่มันก็รากโสมธรรมดาชัด ๆ
พี่สาวตาบอดกำลังล้อเขาเล่นอยู่ใช่หรือไม่?
นางจะมอบรากโสมหักครึ่งให้เขาเพื่ออะไร?
หรือว่าเขาจะเปิดกล่องผิดวิธี
หลินเป่ยเฉินวางรากโสมกลับเข้าไปในกล่องและเปิดออกดูอีกครั้ง
ทว่ายังคงไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง
หลินเป่ยเฉินยกมือขยี้ดวงตา ก่อนจะนำโทรศัพท์มือถือออกมาสแกนข้อมูลรากโสมชิ้นนี้
‘ติ๊ง! รากโสมหักครึ่ง’
นั่นคือคำตอบจากโทรศัพท์มือถือ
หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
นี่มันอะไรกันเนี่ย
“พี่สาว ไม่ทราบว่าของสิ่งนี้คือ…?”
เขาอดหันไปถามอีกฝ่ายไม่ได้
“นี่คือคำตอบ”
เซี่ยเต๋อจีกล่าว “นี่คือสิ่งที่สามารถตอบคำถามในใจของท่านได้ทั้งหมด”
หลินเป่ยเฉินกะพริบตาปริบ ๆ
เดี๋ยวนะ รากโสมชิ้นนี้มันทำให้เกิดคำถามมากกว่าสามารถตอบคำถามของเขาไม่ใช่หรือ?
“ก่อนหน้านี้ ท่านสงสัยไม่ใช่หรือว่าเพราะเหตุใด ข้าถึงปล่อยให้เต้าอู่หมิงขโมยทรัพย์สินของมีค่าไปหมดทั้งแปดชั้น?” เซี่ยเต๋อจีกล่าว “นี่แหละคือคำตอบ”
“เท่ากับว่าท่านยอมแลกรากโสมแบ่งครึ่งชิ้นนี้กับทรัพย์สมบัติพวกนั้นทั้งหมดน่ะหรือ?”
หลินเป่ยเฉินอุทานด้วยความเหลือเชื่อ “หรือว่ารากโสมชิ้นนี้เป็นของวิเศษ?”
เซี่ยเต๋อจีตอบว่า “ใช่แล้ว มันเป็นของวิเศษ ข้ายอมปล่อยให้เต้าอู่หมิงขโมยสมบัติไปทั้งหมด เพื่อแลกกับเครื่องรางวิเศษชิ้นนี้ เมื่อมีเครื่องรางชิ้นนี้อยู่ในมือ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาออกไปสร้างอยู่นอกเขตสุสานของข้า ก็จะกลายเป็นของท่านโดยทันที”
หืม?
เข้าใจแล้ว!
หลินเป่ยเฉินพลันเบิกตาโตด้วยความตื่นเต้น
รากโสมที่ถูกแบ่งครึ่ง อีกครึ่งหนึ่งก็คงอยู่ในมือของเต้าอู่หมิงสินะ
“ตอนนั้น เขายังเป็นเพียงบุรุษหนุ่มไร้ชื่อเสียงที่มีแต่ความทะเยอทะยาน เขาพลัดหลงเข้ามาในสุสานของข้าโดยบังเอิญ และเขาก็อยากจะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในเส้นทางดาราจักร เขาอยากจะได้ลิ้มลองรสชาติของความสำเร็จ และข้าเองก็ต้องการสร้างกองกำลังเอาไว้เพื่อรอคอยคนผู้หนึ่งให้กลับมา ดังนั้น นี่จึงเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่พวกเราเห็นชอบด้วยกันทั้งสองฝ่าย”
เซี่ยเต๋อจีอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต
นางกล่าวต่อไปว่า “บัดนี้ เครื่องรางเป็นของเจ้า เจ้าสามารถใช้ชื่อข้าครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างในอาณาจักรซือเว่ยได้โดยชอบธรรม แม้แต่ชีวิตของเต้าอู่หมิงก็เป็นของเจ้าเช่นกัน… เมื่อมีเครื่องรางชิ้นนี้อยู่ในมือ มันก็มีสถานะไม่ต่างไปจากป้ายอาญาสิทธิ์”
ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเศร้า