เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1790 ยังมีชีวิตอยู่
ตอนที่ 1,790 ยังมีชีวิตอยู่
“เรื่องนั้นไว้คุยกันทีหลังเถอะ”
หลินเป่ยเฉินสามารถทำให้เรื่องยาวกลายเป็นเรื่องสั้นได้ด้วยวิธีนี้เอง “ข้ามีของขวัญมามอบให้เจ้า”
หลังจากนั้น เขาก็นำค้อนคว่ำนภาออกมา
“ท่านนำมันคืนมาจากหลินรั่วหูได้แล้วสินะ…”
หลินเป่ยเฉินรับฟังคำพูดของหลิงเฉินด้วยความตั้งใจ
นางและเสด็จลุงต้องสูญเสียค้อนวิเศษไปให้แก่หลินรั่วหูซึ่งเป็นผู้ส่งสารลับจากเผ่ามนุษย์ทะเลทราย แต่บัดนี้ ค้อนคว่ำนภาได้กลับมาอยู่ในมือของหลินเป่ยเฉิน นี่ย่อมหมายความว่าหลินรั่วหูคงเสียชีวิตด้วยน้ำมือของเด็กหนุ่มไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หลิงเฉินจึงไม่เคยสงสัยเลยว่าหากหลินเป่ยเฉินรู้จากปากของหลินรั่วหูว่าพวกนางถูกคุมขังอยู่ที่นี่ เขาก็ต้องมาช่วยเหลืออย่างแน่นอน
เด็กสาวยกมือขึ้น
แล้วค้อนวิเศษก็ระเบิดแสงสว่างราวกับแสงจันทร์ก่อนจะลอยเข้าไปอยู่ในมือของนาง
ค้อนคว่ำนภาสั่นสะเทือนเล็กน้อย ไม่ต่างจากสัตว์เลี้ยงผู้ซื่อสัตย์ที่ได้หวนคืนสู่อ้อมอกของผู้เป็นเจ้านายอีกครั้ง
ลำแสงสีเงินจากตัวค้อนหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของหลิงเฉิน
พลังที่ถูกปิดผนึกในร่างกายได้รับการทะลุทะลวงโดยทันที
พลังปราณฟื้นฟูกลับมา
“ทำไมท่านถึงเปลี่ยนแปลงไปมากนัก?”
หลิงเฉินพิจารณายักษ์ใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าตนเอง
ใบหน้ายังคงหล่อเหลาดังเดิม เพียงแต่มีขนาดใหญ่ขึ้นเท่านั้น
แต่ร่างกายก็เปลี่ยนไปมากมายเช่นกัน
กล้ามเนื้อของหลินเป่ยเฉินแข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้า ชุดเกราะและเสื้อผ้าที่สวมใส่ขาดกระจาย บนร่างกายเหลือเสื้อผ้าอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่บริเวณช่วงเอวและหน้าท้องมีหมอกขาวหนาแน่นลอยปกคลุมส่วนลับเอาไว้
“ทุกครั้งเวลาที่ข้าโมโห ตัวข้าก็จะใหญ่ขึ้นเช่นนี้ล่ะ”
หลิงเฉินได้ยินดังนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะ
คำพูดเหลวไหลจากปากของหลินเป่ยเฉินคือเสียงที่น่าฟังมากกว่าเสียงธรรมชาติที่สวยงามที่สุดในโลกเสียอีก
ณ ด้านในกระท่อมไม้
หางตาขององค์ชายหลิงกระตุกไม่หยุด เขาได้แต่เงยหน้ามองขึ้นไปบนหลังคาที่ถูกยกออกไป
เลิกโปรยเสน่ห์ใส่กันได้แล้ว เจ้าพวกเด็กโง่
ข้ายังยืนอยู่ในกรงขังตรงนี้อยู่ทั้งคน
ไม่คิดเป็นห่วงเป็นใยกันบ้างเลยหรือไร?
“อะแฮ่ม…”
องค์ชายหลิงได้แต่ส่งเสียงกระแอมไอขึ้น
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย “แถวนี้หนวกหูมากเกินไป พวกเราไปหาที่อื่นนั่งคุยกันเถอะ”
“ดีเลยเจ้าค่ะ”
เด็กสาวพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
แล้วทั้งสองคนก็กำลังจะเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อนสิ… ข้ายังอยู่ตรงนี้นะ!”
องค์ชายหลิงรีบส่งเสียงตะโกน
“อ้าว ลืมเสด็จลุงไปเสียสนิทเลยขอรับ”
หลินเป่ยเฉินอุทานด้วยความประหลาดใจ ซึ่งไม่ว่าจะดูอย่างไร มันก็เป็นการเสแสร้งแกล้งเล่นละครเห็น ๆ เด็กหนุ่มยิ้มให้กับองค์ชายหลิง “แต่ข้าก็ทำลายกรงขังให้ท่านแล้วไง ต่อจากนี้ไป ท่านต้องช่วยตัวเองแล้ว”
องค์ชายหลิงถึงกับพูดคำใดไม่ออก
นี่มันอะไรกันเนี่ย?
เขาจะขัดขวางความรักของเด็กคู่นี้ให้ได้ คอยดูเถอะ!
ในเวลาเดียวกันนี้ ระเบิดควันจากรอบบริเวณก็เริ่มเสื่อมอานุภาพของมันลง
บรรดาผู้คุ้มกันตลาดอวิ๋นม่อฟางเริ่มปรากฏตัวออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ
“หลินเป่ยเฉินอยู่ที่นี่แล้ว เหตุไฉนพวกเจ้าจึงยังไม่ไสหัวไปอีก?”
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงคำรามปานฟ้าผ่า ทำให้กลุ่มคนฝ่ายตรงข้ามหยุดชะงักโดยทันที
บัดนี้ พวกเขารู้แล้วว่าตนเองกำลังต่อสู้อยู่กับผู้ใด
“พวกเราถอย”
“รีบหนีเร็วเข้า”
“อยู่ไม่ได้แล้วเฟ้ย”
กลุ่มยอดฝีมือที่ยังรอดชีวิตพร้อมใจกันอุทานด้วยใบหน้าซีดขาว ก่อนจะวิ่งหลบหนีกันไปคนละทิศคนละทาง
ชื่อเสียงของเด็กหนุ่มผู้นี้เลื่องลือไปทั่วอาณาจักรซือเว่ย
ในปัจจุบัน มีใครบ้างไม่เคยได้ยินชื่อเซียนกระบี่นักล่าหัวหลินเป่ยเฉิน?
แม้ว่าก่อนหน้านี้ ทุกคนจะพยายามคุ้มกันตลาดอย่างสุดความสามารถ แต่บัดนี้ ทุกคนก็ได้แต่รีบหนีด้วยความรวดเร็วมากที่สุดในชีวิต โดยไม่ลืมก่นด่าวิชาตัวเบาของตนเองว่าเชื่องช้ามากเกินไป
“พวกมันเป็นสุนัขรับใช้ของเผ่ามนุษย์ทะเลทราย”
ดวงตาของหลิงเฉินเป็นประกายวาวโรจน์ แล้วค้อนคว่ำนภาในมือของนางก็พุ่งตัวเป็นลำแสงสีเงินยวงแผ่รัศมีปกคลุมทั่วบริเวณ และในไม่ช้า แสงสว่างที่เจิดจ้านั้นก็สลายหายไป
ในตลาดอวิ๋นม่อฟางเหลือแต่เพียงความว่างเปล่า ไม่มีผู้ใดเหลืออยู่อีกแล้ว
หลินเป่ยเฉินเข้าใจทุกอย่างดี
หลิงเฉินชำนาญในการใช้อาวุธวิเศษชิ้นนี้มากกว่าบุคคลปริศนาในชุดเสื้อคลุมสีดำนามว่าหลินรั่วหูหลายร้อยเท่า เพราะฉะนั้น นางจึงสามารถใช้งานค้อนคว่ำนภาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
มวลอากาศปั่นป่วน
แล้วร่างของหลินเป่ยเฉินก็ย่อขนาดลงมาจนเท่ากับตัวคนปกติอีกครั้ง
แสงสว่างเป็นประกายระยิบระยับ
ชุดเสื้อคลุมสีขาวปรากฏขึ้นบนร่างกายของเด็กหนุ่ม
แต่มันก็มีเพียงเสื้อคลุมชั้นนอกเท่านั้น เพราะเวลาที่ลมพัดผ่านด้านล่างทีไร หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกหนาวเย็นหว่างขาขึ้นมาทุกที
…
“คิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น”
วังหลวง ตำหนักหมาป่า
มารดาของเจ้าอ้วนและทุกคนกลับมาจากสุสานกษัตริย์พร้อมกับความเป็นกังวล “สุสานกษัตริย์ปิดเร็วก่อนกำหนดเวลา พวกเรายังไม่มีเวลาได้ไปพูดคุยกับท่านผู้อาวุโสเซี่ยเต๋อจีเลยด้วยซ้ำ แผนการทั้งหมดก็พังทลาย… แล้วข้าจะอธิบายกับเสด็จพ่อของเจ้าได้อย่างไร”
“ท่านแม่ยังจะต้องห่วงอะไรอีกขอรับ?”
เจ้าอ้วนจะไม่ติดอ่างเวลาที่พูดกับมารดาของตนเอง “อาณาจักรของพวกเรา… ปลอดภัยดีแล้ว วิญญาณของท่านพ่อ… ก็สมควรไปสู่สุคติ เมื่อมีพี่ใหญ่หลินอยู่ทั้งคน พวกเราก็ไม่ต้องเป็นกังวลอันใดอีกแล้ว…”
หญิงชราหันมามองหน้าบุตรชาย ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เจ้าจะไปรู้อะไร? เสด็จพ่อของเจ้านั้น…”
เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ หญิงชราก็มีท่าทางลังเล
เจ้าอ้วนจึงถามว่า “ท่านแม่… ท่านปิดบังอะไรข้าอยู่ใช่หรือไม่?”
“ไม่มีอะไรหรอก เรื่องบางเรื่องเจ้าก็ไม่ควรรู้”
หญิงชราผู้เป็นมารดาเงียบไปอึดใจใหญ่ นางเอาแต่จ้องมองบุตรชายของตนเองที่แต่งกายด้วยเสื้อคลุมประจำตำแหน่งกษัตริย์ หลังจากนั้น หญิงชราจึงได้รู้ตัวว่าบุตรชายของนางไม่ได้เป็นเด็กน้อยอีกต่อไปแล้ว… เขาไม่สามารถซ่อนตัวอยู่ด้านหลังนางไปได้ตลอดชีวิต ดังนั้นหญิงชราจึงเปิดเผยความลับที่น่าตกตะลึงที่สุด
“เสด็จพ่อของเจ้ายังมีชีวิตอยู่”
เจ้าอ้วนตกตะลึงและคิดว่าตนเองหูฝาดไป
แต่เขาก็ได้ยินมารดากล่าวต่อไปว่า “อันที่จริง เสด็จพ่อของเจ้าแกล้งตายเพื่อหลบหนีการไล่ล่า… เรื่องนี้มีคนเพียงสองคนเท่านั้นที่ล่วงรู้ คนแรกก็คือข้า ส่วนคนต่อมาก็ได้หายตัวไปนานแล้ว และเขาก็ถูกหมายหัวจากกลุ่มกองกำลังหลายฝ่ายเช่นกัน ซึ่งคนผู้นั้นก็คืออาจารย์เฉินปี้หยางนั่นเอง”