เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1792 ข้ามาที่นี่เพื่อครอบครอง
ตอนที่ 1,792 ข้ามาที่นี่เพื่อครอบครอง
คฤหาสน์ลู่หลิว
ประตูรั้วสวยงาม
หน้าประตูรั้วมีนายทหารจากกองทัพเซียนกระบี่เดินตรวจตราอย่างหนาแน่น
ร่างของบุคคลสี่คนปรากฏตัวขึ้นหน้าประตูรั้วและเดินเข้าไปอย่างช้า ๆ
“หลินเป่ยเฉินอาศัยอยู่ที่นี่เองหรือ? ฮ่า ๆๆ…”
ไฉจูต้าซือแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย เขาจ้องมองตรงไปที่ประตูขณะเดินเข้าไปอย่างแช่มช้า
“พวกเจ้าเป็นผู้ใด?”
หัวหน้ากลุ่มทหารยามสังเกตเห็นผู้มาเยือนทั้งสี่จึงรีบส่งเสียงร้องเตือนว่า “ที่นี่เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ไม่ต้อนรับแขก”
“ฮ่า ๆๆ…”
เป็นเสียงหัวเราะที่เย็นชา
แล้วเส้นด้ายทองคำจำนวนมากก็พุ่งออกไปจากมือของไฉจูต้าซือ เส้นด้ายเหล่านั้นทะลวงเข้าไปตามจุดต่าง ๆ ในร่างกายของหัวหน้ากลุ่มทหารยาม ชอนไชเข้าไปตามเส้นเลือดและโครงกระดูก
“อ๊าก...”
ทหารยามคนอื่น ๆ ก็ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน
พวกเขาส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ไม่สามารถควบคุมร่างกายได้อีกแล้ว
“จงนำทางไป”
แววตาของไฉจูต้าซือเป็นประกายด้วยความวิปริต
หัวหน้ากลุ่มทหารยามหมุนตัวเปิดประตูและเดินนำทางเข้าสู่ด้านในคฤหาสน์
รองผู้คุมสภาม่อเฟิงอดส่งเสียงเตือนขึ้นมาไม่ได้ว่า “ท่านอาจารย์ เรื่องนี้ต้องรู้ไปถึงหูหลินเป่ยเฉินแน่ เขาขึ้นชื่อเรื่องความห่วงใยกำลังพลของตนเองเป็นที่สุด เราทำร้ายคนของเขาเช่นนี้ เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่ อย่าลืมสิว่าเรามาเพื่อทำข้อตกลงกับเขา”
“ทำข้อตกลงอันใด?”
ไฉจูต้าซือตอบกลับมาเสียงเรียบ “ผู้ใดบอกว่าข้ามาที่นี่เพื่อทำข้อตกลง? ข้ามาที่นี่เพื่อ… ยึดครองต่างหาก”
ม่อเฟิงได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งรู้สึกใจคอไม่ดี
แต่เขาก็ไม่กล้าพูดอะไร
ม่อเฟิงรู้จักไฉจูต้าซือเพียงผิวเผิน หากไม่ใช่เพราะว่าไฉจูต้าซือต้องการคนในพื้นที่ช่วยนำทาง ม่อเฟิงก็คงไม่ได้มาติดตามอยู่ข้างกายเช่นนี้ และหากเขาทำให้ไฉจูต้าซือไม่พอใจขึ้นมาละก็ ม่อเฟิงก็ทราบดีว่าตนเองอาจจะถูกเส้นด้ายทองคำชอนไชเข้าสู่ร่างกายได้ทุกเมื่อเช่นกัน
แม้ว่าหลินเป่ยเฉินจะเคยเอาชนะผู้ที่อยู่ในขั้นจอมเทพจักรามาแล้ว แต่เมื่อเทียบกับปีศาจเฒ่าผู้นี้ จอมเทพจักราผู้นั้นก็ถือว่ายังมีฝีมือห่างไกลกันอีกมาก ดังนั้น หากเกิดการต่อสู้ขึ้นมาจริง ๆ ก็ไม่มีสิ่งใดที่ม่อเฟิงควรเป็นกังวลมากนัก
ม่อเฟิงยังคงรู้สึกว่าตนเองเป็นฝ่ายกุมความได้เปรียบเหนือหลินเป่ยเฉิน
และเขาจะต้องใช้โอกาสนี้ก้าวขึ้นสู่ความยิ่งใหญ่ให้ได้
กลุ่มคนเดินเข้าไปในพื้นที่สวนหย่อมด้านหน้าคฤหาสน์ลู่หลิว พบเจอนายทหารจากกองทัพเซียนกระบี่ออกมาสกัดขัดขวางตลอดเส้นทาง แต่เมื่อเผชิญหน้าการโจมตีจากเส้นด้ายทองคำของไฉจูต้าซือ นายทหารเหล่านั้นก็ไม่ต่างไปจากหุ่นกระบอก แม้แต่ผู้ที่อยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิก็ยังต่อต้านขัดขืนได้เพียงไม่กี่ลมหายใจ สุดท้ายพวกเขาก็ต้องทำตามคำสั่งของไฉจูต้าซือโดยสมบูรณ์
บรรยากาศในคฤหาสน์ขณะนี้ยังคงไม่มีสิ่งใดผิดปกติ
นายทหารทุกคนยังคงเดินตรวจตราตามปกติ
แต่ในความเป็นจริง นายทหารเหล่านั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของไฉจูต้าซือโดยสมบูรณ์ ตราบใดที่ไฉจูต้าซือออกคำสั่งผ่านทางพลังจิต อย่าว่าแต่จะสั่งให้นายทหารเหล่านั้นสังหารศัตรูเลย ต่อให้เขาสั่งนายทหารเหล่านั้นฆ่าตัวตาย พวกเขาก็ต้องทำตามคำสั่งโดยไม่ลังเล
ม่อเฟิงเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุและมีพลังยุทธ์ไม่ต่ำต้อย แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังอดตกตะลึงในวิธีการลงมืออันอำมหิตของไฉจูต้าซือไม่ได้
นี่คือพลังที่แท้จริงของปีศาจผู้แปรธาตุใช่หรือไม่?
นับว่าน่ากลัวเกินไปแล้ว
คฤหาสน์ลู่หลิวเปลี่ยนเจ้านายคนใหม่อย่างเงียบงัน
“พวกเจ้าเป็นผู้ใด?”
จนกระทั่งพวกของไฉจูต้าซือบุกมาถึงหน้าประตูคฤหาสน์ชั้นใน สุยหลิวกวงก็สัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติ นางจึงปรากฏตัวออกมาเพื่อสกัดขัดขวางผู้บุกรุก “กล้าดีอย่างไรถึงได้… เอ๊ะ?”
คำพูดยังไม่ทันขาดหาย
ลำแสงสีทองคำก็พุ่งเข้ามา
ดวงตาของหญิงสาวเป็นประกายด้วยความโกรธแค้นขณะจ้องมองไปที่ไฉจูต้าซือ นางพยายามใช้พลังจิตต่อสู้กับเส้นด้ายทองคำที่กำลังชอนไชเข้าสู่ภายในร่างกาย
“ข้าไม่ชอบสายตาของเจ้าเลย”
ไฉจูต้าซือกล่าวเสียงเรียบ
ขาดคำ
เส้นด้ายทองคำสองเส้นก็ทะลวงออกมาจากเบ้าตาของสุยหลิวกวง ส่งผลให้ดวงตาของนางหลุดออกมาจากเบ้า โลหิตไหลทะลักอาบแก้ม กล้ามเนื้อบนใบหน้าสุยหลิวกวงกระตุกด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส
“เป็นเช่นนี้ค่อยดีขึ้นหน่อย”
ไฉจูต้าซือยิ้มออกมาด้วยความพอใจ
ตู้ม!
พลัน บังเกิดการระเบิดคลื่นพลัง
มวลอากาศปั่นป่วน
กำปั้นขนาดใหญ่ยักษ์พุ่งเข้ามาดั่งสายฟ้าฟาด
เป็นเจ้าหุ่นอสูรน้ำเงิน 3 ลงมือแล้ว
“นี่มันอะไรกัน?”
ไฉจูต้าซือแสดงความประหลาดใจออกมาบนใบหน้า “หูเว่ย”
ชายฉกรรจ์ร่างยักษ์ที่ยืนอยู่ด้านข้างระเบิดเสียงคำรามก่อนจะเหวี่ยงหมัดออกไป
เปรี้ยง!
กำปั้นของทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างรุนแรง
แล้วแขนข้างหนึ่งของเจ้าหุ่นอสูรน้ำเงิน 3 ก็ระเบิดกระจาย
กระดูกสีขาวลอยกระเด็น
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
ชายฉกรรจ์ร่างยักษ์ผู้มีนามว่าหูเว่ยยังคงโจมตีด้วยหมัดต่อเนื่อง ส่วนเจ้าหุ่นอสูรน้ำเงิน 3 ก็ใช้แขนที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวพยายามตอบโต้กลับไปอย่างสุดความสามารถ แต่ฝีมือของมันเป็นรองฝ่ายตรงข้าม สุดท้ายร่างกายขนาดใหญ่ยักษ์ก็แตกกระจาย เศษกระดูกร่วงกราวบนพื้นดิน แสงสีม่วงเรืองรองออกมาจากโครงกระดูก
เคร้ง!
หูเว่ยยกกําปั้นทุบหน้าอกตนเองด้วยความสะใจ
จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงโลหะถูกเคาะดังกังวาน
ปรากฏว่าหูเว่ยไม่ใช่มนุษย์ที่มีเลือดเนื้อ
แต่เป็นหุ่นเชิดที่ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับการต่อสู้
เช่นเดียวกับหุ่นยักษ์อีกตัวหนึ่งที่มีนามว่า ‘หลงเซียง’ พวกมันล้วนเป็นผลงานหุ่นเชิดที่ไฉจูต้าซือภาคภูมิใจยิ่งนัก
บัดนี้ หุ่นอสูรตัวอื่น ๆ อย่างเจ้าน้ำเงิน 1 และเจ้าน้ำเงิน 2 ซึ่งได้รับภารกิจให้อารักขาความปลอดภัยคฤหาสน์ต่างก็รีบปรากฏตัวออกมาสกัดขัดขวางผู้บุกรุกโดยเร็ว
“หลงเซียง… จัดการพวกมันซะ”
ไฉจูต้าซือออกคำสั่งเสียงเรียบ
หุ่นเชิดสังหารอีกตัวหนึ่งลงมือโดยทันที
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
การต่อสู้ดำเนินไปด้วยความดุเดือด
ชิ้นส่วนกระดูกกระจัดกระจาย
แต่เห็นได้ชัดกว่า หุ่นเชิดสังหารที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยนักแปรธาตุระดับจอมเทพจักรามีความแข็งแกร่งน่าสะพรึงกลัวมากเกินไป แม้แต่เจ้าหุ่นอสูรที่มีประสบการณ์ต่อสู้มาอย่างโชกโชน อีกทั้งยังมีสติปัญญาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกมัน
เพียงพริบตาเดียว เจ้าหุ่นอสูรน้ำเงินทั้ง 3 ตัวก็ชิ้นส่วนแตกกระจาย และล้มลงไปนอนอยู่บนพื้นอย่างหมดสภาพในที่สุด