เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1801 รับพระราชสาส์น
ตอนที่ 1,801 รับพระราชสาส์น
“เจ้าคือราชครูหลินเป่ยเฉินจริง ๆ หรือ?”
ฮ่าวจื้อเหยียนจ้องมองเด็กหนุ่มตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนตวาดว่า “งั้นเจ้ายังจะรออะไรอยู่อีก เหตุไฉนถึงไม่จัดขบวนต้อนรับ?”
“ในเมื่อท่านมาแล้ว ข้าก็ออกมาต้อนรับแล้วนี่ไง”
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะเหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญ “เห็นว่าท่านมีพระราชสาส์นต้องการนำส่งไม่ใช่หรือ? รีบเอามาให้ข้าเถอะ”
“สามหาวนัก”
ใบหน้าของฮ่าวจื้อเหยียนกระตุกด้วยความโกรธเคือง
นี่คือการไม่ให้เกียรติกันชัด ๆ
ฮ่าวจื้อเหยียนสูดหายใจลึกและยกมือชี้หน้าหลินเป่ยเฉิน คำรามว่า “เจ้าคิดจะรับพระราชสาส์นด้วยสภาพเช่นนี้หรือ? ข้าจะให้เวลาเจ้าหนึ่งก้านธูป ไปอาบน้ำแต่งตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าสวมใส่ชุดประจำตำแหน่งที่เหมาะสม… มิเช่นนั้น เจ้าจะไม่มีวันได้รับสาส์นจากราชวงศ์อี้จื่อเด็ดขาด”
แต่ไม่ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งก้านธูป เพียงมีลำแสงสีทองครอบคลุมร่างกายหลินเป่ยเฉินเท่านั้น เสื้อผ้าบนตัวเขาก็เปลี่ยนเป็นชุดเสื้อคลุมประจำตำแหน่งราชครูเต็มยศทันที
ฮ่าวจื้อเหยียนพยักหน้าด้วยความพอใจ
หลังจากนั้นจึงส่งมอบพระราชสาส์นให้อีกฝ่าย
พระราชสาส์นคือม้วนกระดาษสีแดงเข้มม้วนหนึ่ง
เมื่อคลี่ออกดูก็จะพบกับตัวอักษรที่ถูกเขียนด้วยลายมืออยู่ในนั้น
หลินเป่ยเฉินอ่านจบก็ต้องเงยหน้าขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“สรุปว่าพวกท่านต้องการจะให้อาณาจักรซือเว่ย ตกอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์อี้จื่อสินะ”
“ส่วนจักรพรรดิองค์เก่าและเหล่าขุนนางใหญ่ที่ดูแลบ้านเมืองในขณะนี้ ยังสามารถทำหน้าที่ได้ต่อไป เพียงแต่ต้องคอยรับคำสั่งจากราชวงศ์อี้จื่อเท่านั้น…”
“ผลประโยชน์ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นจากการเกษตร จากการขุดเหมือง จากการค้าขาย ล้วนต้องส่งมอบให้แก่ราชวงศ์อี้จื่อทั้งหมด…”
“ผู้สำเร็จราชการแทนแผ่นดินจากราชวงศ์อี้จื่อ มีนามว่าหลี่อี้สวิ่น ซึ่งกำลังจะเดินทางมาถึงในอีกสิบวันข้างหน้า…”
“ในระหว่างการทำสงคราม อาณาจักรซือเว่ยต้องส่งมอบกองกำลังสนับสนุนให้แก่ราชวงศ์อี้จื่อโดยไม่มีข้อแม้…”
ข้อบังคับเหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้หลินเป่ยเฉินมีสีหน้าเคร่งเครียด
ให้ตายเถอะ
นี่มันการยึดอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเลยไม่ใช่หรือ?
นอกจากจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากอาณาจักรซือเว่ยแล้ว แม้แต่พวกของหลินเป่ยเฉินกับเจ้าอ้วนก็ยังต้องคอยรับคำสั่งจากราชวงศ์อี้จื่ออีกด้วย ไหนยังจะต้องคอยส่งมอบกำลังพลสนับสนุนทางการทหารอีก...
และที่สำคัญก็คือ หลินเป่ยเฉินพบว่าผู้ที่ลงนามในพระราชสาส์นฉบับนี้ มีสถานะเป็นเพียงหนึ่งในองค์ชายของราชวงศ์อี้จื่อเท่านั้น หาใช่การลงนามโดยองค์จักรพรรดิไม่
นี่เท่ากับเป็นการดูถูกอาณาจักรซือเว่ยกันอย่างซึ่งหน้า
ฟึบ!
หลินเป่ยเฉินโยนพระราชสาส์นในมือใส่หน้าฮ่าวจื้อเหยียนโดยทันที
ฮ่าวจื้อเหยียนตวัดมือรับอย่างรวดเร็ว
แต่ก็ยังถูกม้วนพระราชสาส์นกระแทกหน้าผากอยู่ดี
พระราชสาส์นฉบับนี้มีสถานะเป็นกระเป๋าเก็บของวิเศษ ด้านในบรรจุด้วยทองคำล้ำค่าอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของการสานสัมพันธไมตรีระหว่างสองอาณาจักร
ฮ่าวจื้อเหยียนรู้สึกได้ว่าน้ำหนักของพระราชสาส์นเปลี่ยนไป
เขาจึงโคจรพลังเปิดดูทองคำที่เก็บอยู่ด้านใน
ปรากฏว่าทองคำที่เคยมีอยู่เต็มในกระเป๋าเก็บของวิเศษกลับอันตรธานหายไปแล้ว
ใบหน้าของฮ่าวจื้อเหยียนกระตุกด้วยความเดือดดาลขึ้นมาทันที
ขันทีหนุ่มกำลังจะลงมือโจมตี แต่ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกเจ็บแปลบบริเวณหน้าผาก ก่อนที่โลหิตจะค่อย ๆ ไหลย้อยลงมาเข้าสู่ดวงตา
“บัดซบ พวกท่านเห็นอาณาจักรซือเว่ยเป็นตัวอะไร?”
หลินเป่ยเฉินชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจสุดขีด “คิดว่าจะมากดขี่ข่มเหงพวกเราได้ง่าย ๆ อย่างนั้นหรือ?”
“เจ้า…”
ฮ่าวจื้อเหยียนยกมือขึ้นแตะหน้าผากของตนเองและพบว่ามีอัญมณีที่ประดับพระราชสาส์นเม็ดหนึ่งฝังอยู่บนหน้าผากของเขา
อันที่จริง การกระแทกของม้วนพระราชสาส์นเมื่อสักครู่นี้ เกือบจะทำให้กะโหลกศีรษะของฮ่าวจื้อเหยียนแตกร้าวแล้วด้วยซ้ำ
“พวกเราฆ่ามัน”
ฮ่าวจื้อเหยียนออกคำสั่งเสียงเข้ม
แล้วองครักษ์ที่มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักราก็ลงมืออย่างไม่รอช้า
กระบี่ถูกชักออกจากฝักอย่างรวดเร็ว
คลื่นพลังแผ่กดดันในอากาศ ลำแสงกระบี่สาดประกายเจิดจ้า
“ตายซะเถอะ”
บรรดาองครักษ์ผู้สวมใส่หน้ากากมีเขี้ยวระเบิดเสียงคำรามด้วยความดุร้าย
หลินเป่ยเฉินยืนนิ่งเฉย
ลำแสงกระบี่หกสายปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา
หลินเป่ยเฉินไม่ได้ปัดป้อง
กระบี่ถูกฟันเข้าใส่ร่างกายของเด็กหนุ่ม
เสื้อผ้าฉีกขาด
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นสัมผัสหน้าอกของตนเองและพบรอยถลอกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“นี่คือวิชากระบี่แยกดารา ร่างกายของเจ้าจะถูกแยกเป็นชิ้นชิ้น”
จอมเทพจักราผู้เป็นหัวหน้าองครักษ์หัวเราะเยาะ ก่อนที่เสียงหัวเราะจะขาดหายไปอย่างกะทันหัน “ปะ… เป็นไปได้อย่างไร?”
นอกจากเสื้อผ้าที่ฉีกขาดแล้ว หลินเป่ยเฉินก็ไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ ทั้งสิ้น
แม้แต่ขนหน้าอกสักเส้นก็ไม่มีหลุดร่วง
หลินเป่ยเฉินสามารถรับกระบวนท่านี้ได้อย่างไร?
“เจ้าทำให้เสื้อผ้าของข้าเสียหาย”
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้น “เฉินเอ๋อร์… จัดการพวกมันให้กับข้า”
พูดยังไม่ทันจบประโยค
แสงสีเงินก็สว่างเรืองรองรอบบริเวณ
ได้ยินเสียงคลื่นความถี่ต่ำแปลกประหลาด
ค้อนคว่ำนภา…
อาวุธเล่นแร่แปรธาตุระดับ 70 พร้อมใช้งานอยู่ในมือของหลิงเฉินอีกครั้ง
กลุ่มคณะทูตจากราชวงศ์อี้จื่อรู้สึกดวงตาพร่าพราย พลังปราณในร่างกายแตกกระจาย ร่างกายไม่สามารถขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้ กาลเวลาคล้ายกับเชื่องช้าลง
“ฆ่าพวกมันซะ”
หลินเป่ยเฉินออกคำสั่ง
ชายฉกรรจ์จากสำนักเงาแดงและอาจารย์อาวุโสจากสำนักเจิ้งฉี แม้จะตื่นตระหนกตกใจสักเพียงใด แต่พวกเขาก็ไม่กล้าลังเลรีรอที่จะปฏิบัติตามคำสั่ง
โลหิตสาดกระจาย
คณะทูตจากราชวงศ์อี้จื่อซึ่งนำมาโดยฮ่าวจื้อเหยียนและกลุ่มองครักษ์ต้องล้มลงนอนจมกองเลือด
องครักษ์ที่อยู่ในระดับจอมเทพจักราไม่สามารถต้านทานการโจมตีได้แม้แต่น้อย สุดท้าย พวกเขาก็ถึงแก่ความตายอย่างน่าอนาถ
การต่อสู้ยุติลง
หลินเป่ยเฉินนำโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปเอาไว้ด้วยความพึงพอใจ
ค้อนคว่ำนภาลอยกลับเข้าไปอยู่ในมือของหลิงเฉิน
หลินเป่ยเฉินเก็บโทรศัพท์มือถือและเดินเข้าไปตรวจค้นซากศพเพื่อหาทรัพย์สินมีค่า
แม้ว่าบัดนี้เขาจะมีตำแหน่งเป็นท่านราชครูประจำตัวองค์จักรพรรดิ แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ลืมประเพณีเก่าแก่ของตนเอง
หลินเป่ยเฉินพบเจอกับคัมภีร์ระดับสูง สกุลเงินตำลึงทอง ชุดเกราะและอาวุธเล่นแร่แปรธาตุอีกจำนวนมาก
น่าเสียดายที่อาวุธเหล่านั้นเป็นของผู้ใช้สายเลือดผู้ใช้เงา ซึ่งแทบจะไม่มีประโยชน์กับหลินเป่ยเฉินเลย
และคนรอบตัวเขาก็ไม่มีผู้ใดใช้งานได้ทั้งสิ้น
คงต้องรอให้แอปซื้อขายของมือสองในโทรศัพท์อัปเดตเสร็จสิ้นเสียก่อน หลินเป่ยเฉินก็จะนำของเหล่านี้ไปขายเลหลัง
“เอาศพไปโยนให้สุนัขรับประทานให้หมด”
เมื่อหลินเป่ยเฉินออกคำสั่งจบสิ้น ตัวเขาและเจ้าอ้วนพร้อมด้วยกลุ่มองครักษ์ก็หมุนตัวเดินกลับเข้าไปสู่ด้านในคฤหาสน์ลู่หลิว