เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1803 แล้วข้าล่ะ?
ตอนที่ 1,803 แล้วข้าล่ะ?
นี่คือเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริง ๆ
เฮอะ
เซียวปิงยังคงกล่าวต่อไปว่า “แต่ปัญหาก็คือ พลังปราณในร่างกายของข้ามีเยอะเกินไป แต่กลับสามารถนำออกมาใช้งานได้ทีละเล็กทีละน้อยเท่านั้น ไม่สามารถนำพลังทั้งหมดออกมาใช้ได้เต็มประสิทธิภาพ”
เด็กหนุ่มร่างอ้วนกัดไส้กรอกและกล่าว “กอปรกับเป็นช่วงที่ข้าสามารถเลื่อนขั้นพลังได้พอดี พลังปราณเหล่านั้นจึงระเบิดออกมา ร่างกายของข้าจึงเกิดความเสียหายไม่ใช่น้อย”
“เจ้าก็เลยต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งของร่างกายสินะ?”
หลินเป่ยเฉินอดเอามือไปบีบกล้ามเนื้อบนหน้าอกของน้องชายร่วมสาบานไม่ได้ “แต่ข้าว่ามันก็ดูสมบูรณ์ดีนี่นา”
“ถึงกระนั้นก็ยังไม่ได้ดั่งใจข้าอยู่ดีขอรับ”
เซียวปิงว่าด้วยความเศร้า “หากร่างกายของข้ามีความแข็งแกร่งเดียวกับระดับของพลังปราณที่เก็บอยู่ในร่าง ข้าก็มั่นใจว่าตนเองสามารถสังหารอากวงกับพี่ใหญ่นับพันคนได้ในหมัดเดียวด้วยซ้ำ”
ไอ้อ้วนนี่…
ข้านี่แหละที่จะฆ่าเจ้าก่อน
หลินเป่ยเฉินเริ่มรู้สึกหมั่นไส้เด็กหนุ่มร่างอ้วนขึ้นมาชอบกล
เขานิ่งเงียบใช้ความคิดอยู่เล็กน้อย สุดท้ายก็กล่าวออกมาว่า “ข้าขอแนะนำให้เจ้าระมัดระวังคำพูดสักหน่อยนะ เพราะบัดนี้ อากวงสามารถปลดผนึกสายเลือดผู้กลืนกินขั้นราชาได้สำเร็จแล้ว ว่ากันว่ามันจะมีความแข็งแกร่งเกินต้านทาน แม้แต่เจ้าก็อาจจะตายด้วยน้ำมือของมันได้ง่าย ๆ …สำหรับการเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายนั้น เจ้าลองมาฝึกวิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณของข้าดูบ้างไหมล่ะ?”
พูดจบ หลินเป่ยเฉินก็ยื่นส่งคัมภีร์เคลื่อนย้ายกระแสปราณให้แก่เซียวปิงและยิ้มอย่างมีเลศนัย “ลองเอาไปฝึกดูก่อน บางทีมันอาจจะเหมาะสมกับเจ้าก็เป็นได้”
คัมภีร์เล่มนี้เป็นหวังจงหยิบมาให้เขาจากตลาดมืด
และมันเป็นคัมภีร์ที่ไม่ธรรมดา
หากมีผู้คนล่วงรู้ถึงสรรพคุณของการฝึกวิชานี้ คัมภีร์เล่มนี้ก็คงกลายเป็นที่ต้องการของคนจำนวนมากอย่างแน่นอน
หลินเป่ยเฉินตัดสินใจให้เซียวปิงฝึกฝนวิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณ เพื่อที่พวกเขาจะได้เป็นสองศรีพี่น้องผู้แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า
หวังจงกับโจวเทียนอวิ๋นที่ยืนอยู่ด้านข้างหันมองหน้ากันและต่างก็อมยิ้มโดยไม่พูดคำใด
วิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณนั้นไม่ใช่จะฝึกฝนกันได้ง่าย ๆ
แม้เซียวปิงจะมีคุณสมบัติดีพอ แต่ร่างกายก็ยังอ่อนแอมากเกินไป ต่อให้ฝึกฝนไปอีกร้อยปีพันปี เซียวปิงก็คงไม่สามารถบรรลุขั้นแรกของเคล็ดวิชาได้ด้วยซ้ำ
หลินเป่ยเฉินหันกลับมาจ้องมองที่เด็กสาวรอยสักมังกรหลงหน่า
เด็กสาวผู้สามารถแปลงร่างเป็นมังกรได้คนนี้… แต่งตัวอย่างสวยงามเฉิดฉาย
ดูเหมือนนางจะสวยขึ้นมากทีเดียว
หากเทียบกับก่อนหน้านี้ ความมั่นอกมั่นใจในตนเองและความดุร้ายในแววตาดูจะเบาบางลง ความเย็นชาหายไปและถูกแทนที่ด้วยความเป็นมนุษย์มากขึ้น
“คุณชายหลิน”
หลงหน่าประสานมือทำความเคารพ
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าตอบรับ แล้วจึงหันมาหาโจวเทียนอวิ๋น
“ท่านชื่อว่าอะไรนะ พี่ใหญ่?”
เด็กสาวนักปรุงยามีแววตาเหยียดหยามขณะคิดว่า ‘เสแสร้งแกล้งเล่นละครอีกแล้ว’
“โจวเทียนอวิ๋น”
โจวเทียนอวิ๋นตอบด้วยน้ำเสียงสงบสุขุม
“พี่ใหญ่โจว”
หลินเป่ยเฉินกล่าว “พวกเราที่อยู่ที่นี่เป็นคนกันเองทั้งนั้น นับจากนี้เป็นต้นไป ท่านกับข้าเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันแล้ว”
การค้นหาพี่น้องร่วมสาบานที่เหมาะสมคือวิธีการเอาตัวรอดที่ดีที่สุดในสามโลก เมื่อพบเจอกับยอดฝีมือที่ควรค่าแก่การคบหาเป็นพรรคพวก การดึงตัวมาเป็นพี่น้องร่วมสาบานย่อมเป็นสิ่งที่สมควรทำมากที่สุด
ก่อนหน้านี้ หลินเป่ยเฉินได้เห็นด้วยตาตนเองแล้วว่าโจวเทียนอวิ๋นมีความแข็งแกร่งน่าสะพรึงกลัวขนาดไหน
“ข้า… คงมิบังอาจถึงเพียงนั้น”
โจวเทียนอวิ๋นกล่าว
“นี่ท่านกำลังรังเกียจข้าอยู่สินะ?”
หลินเป่ยเฉินใช้ไม้ตายของตนเองอย่างไม่รอช้า
โจวเทียนอวิ๋นหันไปมองหน้าหวังจง หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องยอมเป็นพี่ชายร่วมสาบานของหลินเป่ยเฉินไปโดยปริยาย
“พวกเราฟังให้ดี นับจากนี้ไปจะเป็นงานเฉลิมฉลองให้แก่พี่ชายร่วมสาบานของข้าผู้นี้ แล้วนี่ก็จะเป็นงานเลี้ยงต้อนรับหลงหน่าด้วยเช่นกัน”
หลินเป่ยเฉินหัวใจพองโต การสังหารคณะทูตจากราชวงศ์อีัจื่อทำให้เด็กหนุ่มเริ่มรู้สึกอยากเมามายขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล “คืนนี้ พวกเราไม่เมาไม่เลิกรา”
“แล้วข้าล่ะ?”
หลิงเฉินทำปากยื่นอยู่ที่ข้างกาย “ท่านจะไม่ให้รางวัลแก่ข้าบ้างหรือ?”
หลินเป่ยเฉินกุมมือหลิงเฉินแนบแน่นพร้อมกับกล่าวว่า “เดี๋ยวจบงานเลี้ยง ข้าจะพาเจ้าไปหาใครบางคน”
“อะแฮ่ม”
องค์ชายหลิงส่งเสียงกระแอมไอ
หลินเป่ยเฉินไม่ได้ชายตามองเลยสักนิด
ต่อให้ไอจนปอดพัง เขาก็ไม่สนใจหรอก
“แล้วข้าล่ะ?”
เด็กสาวนักปรุงยาเลียนแบบท่าทางของหลิงเฉินด้วยความไม่พอใจ
“เจ้าจะทำไม? ก็รีบกลับไปหลอมโอสถให้ข้าสิ”
หลินเป่ยเฉินเอื้อมมือไปผลักศีรษะของเด็กสาวนักปรุงยาออกห่างโดยทันที
“ท่าน...”
เด็กสาวทำจมูกย่นด้วยความโมโห
เจ้าเศษสวะหลายใจคนนี้ คงคิดจะใช้วิธีการนี้เรียกร้องความสนใจจากนางสินะ
“นายน้อย แล้วบ่าวล่ะขอรับ?”
หวังจงถามด้วยความคาดหวัง
เขาทำงานหนักมาตลอดหลายวัน จึงสมควรได้รับรางวัลตอบแทนบ้างเช่นกัน
“เจ้าหรือ?”
หลินเป่ยเฉินว่า “ยังจะต้องถามอีกหรือ? เจ้าก็ต้องไปทำงานน่ะสิ หวังจง เจ้ามีหน้าที่จัดการงานเลี้ยงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาพ่อครัว จัดหาจานชาม จัดหาเครื่องดื่ม ไปจนถึงคัดเลือกนักร้องและนางรำ หน้าที่เหล่านี้หากไม่ใช่เจ้า แล้วยังจะเป็นผู้ใดกระทำได้อีก?”
หวังจงพูดคำใดไม่ออก
ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามการคาดหวังของเขา
ในไม่ช้า งานเลี้ยงก็เริ่มขึ้น
สุดท้าย เด็กสาวนักปรุงยาก็ไม่ได้กลับบ้านไปหลอมโอสถ แต่นางติดตามท่านปู่เฉินปี้หยางและน้องชายเสี่ยวติงมาร่วมงานเลี้ยงในฐานะแขกกิตติมศักดิ์
“ทุกท่าน รบกวนชูจอกสุราขึ้นมา”
หลินเป่ยเฉินยิ้มกว้างขณะหยิบจอกสุราใบหนึ่งขึ้นและกล่าวว่า “ชีวิตคนเราสมควรมีความสุขและความสนุกสนานให้เต็มที่ อย่าได้จมอยู่กับความทุกข์ สุราในวันนี้ ย่อมดื่มกินในวันนี้ สุราในวันพรุ่งนี้ ย่อมดื่มกินในวันพรุ่งนี้… ข้าไม่ทราบว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างเมื่อกองทัพจากราชวงศ์อี้จื่อยกพลมาโจมตีพวกเรา บางที พวกเราอาจจะต้องหลบหนีไปไกลสุดหล้าฟ้าเขียว เพราะฉะนั้น ในยามที่เรายังสามารถมีความสุขได้อยู่ ก็จงมีความสุขให้เต็มที่ กินดื่มกันตามสบายให้อิ่มหนำ ทุกท่านอย่าได้เกรงใจ”
ทุกคนพูดคำใดไม่ออก
พวกเขาไม่เคยดื่มสุราด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน
งานเลี้ยงดำเนินไป
ในช่วงเวลาระหว่างการกินดื่ม อาจารย์นักปรุงยาเฉินปี้หยางคอยสังเกตหลินเป่ยเฉินอยู่ตลอดเวลา
ผลสรุปก็คือ
ชายชราคิดว่าเด็กหนุ่มผู้นี้น่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะความสำเร็จที่เขาได้กระทำในวันนี้ นับว่าเป็นการกระทำเพื่อส่วนรวมโดยแท้จริง
ไม่มีเจตนาแอบแฝง
ไม่มีความทะเยอทะยานและเล่ห์เหลี่ยม
หลินเป่ยเฉินเป็นคนที่มีแต่ความจริงใจไร้การเสแสร้ง
และกลุ่มคนรอบตัวเขาก็ล้วนเป็นชนชั้นยอดฝีมือ
ไม่ว่าจะเป็นรองบังคับการหน้าหยกหวังจง โจวเทียนอวิ๋นและคนอื่น ๆ รวมไปถึงหลิงเฉินและเสด็จลุงของนาง แม้ว่ายังไม่มีผู้ใดล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงของทั้งสองคน แต่อาศัยจากประสบการณ์ของอาจารย์เฉินปี้หยาง ชายชราย่อมทราบดีว่าทั้งสองคนนี้ต้องมีสถานะไม่ธรรมดา
แล้วก็ยังมีเด็กสาวผู้มีรอยสักมังกร พลังกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างกายของนางนั้นน่ากลัวมาก
คนกลุ่มนี้ล้วนติดตามหลินเป่ยเฉินด้วยความซื่อสัตย์และมีความสุข
เป็นภาพที่แปลกประหลาดแต่สวยงาม
จนเฉินปี้หยางอดไม่ได้ต้องหันมามองที่หลานสาวของตนเองอีกครั้ง…