เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1806 ตั้งค่าหัว
ตอนที่ 1,806 ตั้งค่าหัว
“ได้เลยขอรับนายน้อย ข่าวร้ายก็คือทางราชวงศ์อี้จื่อรู้เรื่องการสังหารคณะทูตเรียบร้อยแล้ว จักรพรรดิของพวกเขาโกรธแค้นมาก ถึงกับมีการตั้งค่าหัวนายน้อยเป็นเงินหนึ่งแสนตำลึงทอง และในเวลาเดียวกันนี้ ผู้อาวุโสจากนิกายซื่อเซ่อหมัวอย่างหลี่อี้สวิ่นก็ได้รับคำสั่งให้นำกองกำลังสิบกองพัน พร้อมด้วยนายทหารระดับสูงเดินทางมาที่อาณาจักรซือเว่ยผ่านจุดทิ้งสมอหมายเลข 778 โดยทันที”
“และในเวลาเดียวกันนี้ กองทัพอสูรก็ได้ยกพลไปบุกยึดอาณาจักรลู่อวิ๋นและอาณาจักรไป๋ซือเป็นที่เรียบร้อย ทำให้ในขณะนี้ อาณาจักรซือเว่ยของพวกเราถูกปิดล้อมจากรอบทิศทาง ฝ่ายตรงข้ามต่างก็มีเป้าหมายเดียวคือการสังหารนายน้อยและกำจัดกองทัพเซียนกระบี่ออกไปจากเส้นทางดาราจักรให้ได้…”
หวังจงแจ้งข่าวร้าย
หลินเป่ยเฉินได้ยินดังนั้นก็ชักสีหน้าด้วยความไม่สบอารมณ์ “นี่ข้ามีค่าหัวเพียงหนึ่งแสนตำลึงทองเองหรือ?”
หวังจงพูดอะไรไม่ออก
นั่นมันใช่เรื่องที่ควรสนใจไหม นายน้อย
“แล้วข่าวดีล่ะ?”
หลินเป่ยเฉินถามอีกครั้ง
หวังจงตอบว่า “ข่าวดีก็คือกองทัพของพวกเขายังเดินทางมาไม่ถึง และบ่าวก็คาดคำนวณเวลาเรียบร้อยแล้ว ภายในสิบชั่วยามนี้ พวกเรายังมีโอกาสหลบหนีได้ทันขอรับ”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นปาดเหงื่อออกไปจากหน้าผาก
“เจ้าคิดว่าตนเองตลกมากหรือไง?”
หวังจงกะพริบตาปริบ ๆ
“แล้วนายน้อยจะเลือกวิธีใดล่ะขอรับ?”
พ่อบ้านชราถามอีกครั้ง
“มีวิธีหลบหนีแบบไหนบ้างล่ะ?” หลินเป่ยเฉินดวงตาลุกวาว
“นายน้อยเข้าใจผิดแล้ว บ่าวหมายถึงนายน้อยจะเลือกสู้หรือหลบหนีดีขอรับ?”
หวังจงว่า
หลินเป่ยเฉินก้มหน้าใช้ความคิดอยู่พักใหญ่ สุดท้ายก็ให้คำตอบ “ข้าเลือกที่จะต่อสู้ ข้าไม่พอใจที่พวกเขาตั้งค่าหัวข้าต่ำต้อยขนาดนั้น นี่เท่ากับเป็นการดูถูกข้าชัด ๆ ข้าอยากจะพิสูจน์ให้พวกเขาได้รู้ว่าค่าหัวของข้านั้นสมควรมีราคาไม่ต่ำกว่าหนึ่งล้านตำลึงทอง”
“แต่ถ้าเราต่อสู้ ก็ไม่มีโอกาสที่จะชนะได้เลยนะขอรับ”
หวังจงเตือนสติ
หลินเป่ยเฉินยิ้มอย่างผู้ชนะ “เจ้าคอยดูตอนที่ข้าเอาชนะพวกเขาก็แล้วกัน ข้าจะเลาะฟันถอดเล็บพวกเขา ทำให้พวกเขาได้รู้จักความบ้าคลั่งของข้า หลังจากนั้น พวกเราค่อยมาเจรจาสันติภาพกัน นี่เปรียบเสมือนหลักการที่ท่านประธานเหมาเคยกล่าวเอาไว้ว่า หากเราต่อสู้อย่างสามัคคี พวกเราก็จะอยู่รอด แต่หากเราถอยหนีอย่างสามัคคี พวกเราก็จะตาย… การหลบหนีมีแต่ความน่าละอาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว อย่างน้อยเราก็ยังได้ปกป้องศักดิ์ศรีของเผ่าพันธุ์มนุษย์แห่งอาณาจักรซือเว่ยเอาไว้”
“เข้าใจแล้วขอรับ”
ในส่วนลึกของดวงตาหวังจงปรากฏความโล่งใจขึ้นมาวูบหนึ่ง
ชายชราไม่ได้ถามว่าประธานเหมาคือผู้ใด เพราะเขาคุ้นเคยกับถ้อยคำแปลก ๆ จากปากนายน้อยมานานแล้ว
แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่าการตัดสินใจของนายน้อยในครั้งนี้ที่เป็นไปตามแผนเดิมที่หวังจงวางเอาไว้
นับว่านายน้อยมีวิสัยทัศน์กว้างไกลจริง ๆ
“ถ้านายน้อยอยากจะต่อสู้ นายน้อยก็ต้องวางแผนให้ดีนะขอรับ”
หวังจงกล่าวอีกครั้ง
“วางแผนอย่างนั้นหรือ?”
หลินเป่ยเฉินทำหน้าสงสัย
ตาเฒ่านี่ฉลาดจริง ๆ แฮะ
“ใช่แล้วขอรับ นายน้อย”
หวังจงพยักหน้า “บ่าวคิดว่าพวกเราสมควรมีสายลับ”
หลินเป่ยเฉินตกตะลึง
หวังจงฉลาดขึ้นจริง ๆ
“บอกแผนการของเจ้ามา”
เด็กหนุ่มออกคำสั่ง
หวังจงยิ้มและอธิบายว่า “นายน้อย การถล่มป้อมปราการที่แข็งแกร่งจำเป็นต้องสร้างรอยแตกร้าวจากด้านใน และเพื่อรับมือกับกองทัพที่มีความยิ่งใหญ่มากกว่าพวกเราหลายสิบเท่า นายท่านก็ต้องหาวิธีส่งสายลับเข้าไปแฝงตัวอยู่ในกองทัพของศัตรูให้ได้… เมื่อมีการประสานงานทั้งจากภายในและภายนอก ศัตรูก็จะต้องเสียท่าเราอย่างแน่นอน”
“มีเหตุผล มีเหตุผล”
หลินเป่ยเฉินปรบมือชื่นชม “ทำไมข้าถึงคิดไม่ออกนะ? เจ้านี่มันอัจฉริยะจริง ๆ งั้นเอาอย่างนี้ดีกว่า ข้าจะส่งเจ้าเป็นสายลับเข้าไปฝังตัวในกองทัพศัตรู แค่นี้พวกเราก็ได้ประสานงานกันทั้งภายในและภายนอกแล้ว”
หวังจงรีบส่ายศีรษะเร็วไว “นายน้อย บ่าวแก่ชรามากแล้ว บ่าวไม่สามารถเป็นสายลับได้ แต่บ่าวมีตัวเลือกในใจแล้วขอรับ นายน้อยนี่ล่ะขอรับที่เหมาะสมจะเป็นสายลับมากที่สุด บ่าวได้ยินมาว่าผู้นำกองทัพของพวกเขาอย่างหลี่อี้สวิ่นเป็นสตรีที่บ้าตัณหาราคะเป็นอย่างยิ่ง นางถึงกับมีกลุ่มองครักษ์เอาไว้บำเรอกามให้แก่ตนเองและด้วยรูปร่างหน้าตาอย่างนายน้อย บ่าวมั่นใจว่านายน้อยก็ต้องได้เป็นหัวหน้ากลุ่มองครักษ์ประจำตัวหลี่อี้สวิ่นอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น นายน้อยนี่แหละเหมาะที่จะเป็นสายลับมากที่สุด”
หลินเป่ยเฉินถึงกับสะดุ้งโหยง “สุนัขเฒ่า เจ้าตั้งใจส่งข้าเข้าไปเสี่ยงตายในกองทัพของศัตรู เพื่อที่ตัวเจ้าเองจะได้ขึ้นมาครอบครองตำแหน่งแทนข้าใช่หรือไม่?”
“นายน้อยเข้าใจผิดแล้ว”
หวังจงรีบแก้ตัวอย่างไม่รอช้า “บ่าวได้ยินมาว่าหลี่อี้สวิ่นเป็นยอดหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งนิกายซื่อเซ่อหมัว นางมีความยโสโอหังไม่เคยก้มหัวให้แก่บุรุษผู้ใดมาก่อน เพราะบุรุษทุกคนมีค่าเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงของนางเท่านั้น บ่าวมั่นใจว่ามีแต่เพียงนายน้อยเท่านั้นถึงจะสามารถปราบพยศนางได้”
“นั่นก็จริงเหมือนกัน”
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าด้วยความภาคภูมิใจ “แต่ช้าก่อน นี่เจ้ากำลังจะหาว่าข้าบ้ากามมากกว่านางอย่างนั้นหรือ?”
“เปล่านะขอรับ นายน้อย ถึงนายน้อยจะบ้ากาม แต่นายน้อยก็บ้ากามอย่างมีคุณธรรม!”
หวังจงรีบตอบอย่างรวดเร็ว
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่น
คำตอบของหวังจงเหมือนจะเป็นคำชม แต่ก็ฟังดูแปลก ๆ อย่างไรชอบกล
“สรุปว่าเจ้าจัดการทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินสอบถาม
หวังจงพยักหน้า “นายน้อยไม่ต้องเป็นกังวล บ่าวจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว บ่าวได้สร้างตัวตนใหม่ขึ้นมาให้นายน้อยใช้แฝงตัวเข้าสู่กองทัพของราชวงศ์อี้จื่อแล้ว ชื่อใหม่ของนายน้อยก็คือฮ่าวไต๋…”
เห็นได้ชัดว่าแผนการครั้งนี้ถูกวางเอาไว้ล่วงหน้านานแล้ว
หลินเป่ยเฉินอุทานด้วยความประหลาดใจ “นี่เจ้าเตรียมการทุกอย่างเอาไว้แล้วจริง ๆ หรือ?”
หวังจงยิ้มร่า “เตรียมการเรียบร้อยทั้งหมดแล้วขอรับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามที่เจ้าว่าแล้วกัน”
หลินเป่ยเฉินเสียเวลาคิดอยู่เล็กน้อยก็พยักหน้าตอบตกลง
หวังจง เจ้าสุนัขเฒ่าตัวนี้ ไม่มีทางทำร้ายเขาเด็ดขาด
นอกจากนี้ หลินเป่ยเฉินยังมีวิธีการป้องกันตัวมากมายยามที่ตนเองตกอยู่ในอันตราย
“นายน้อยไปเตรียมตัวเถอะขอรับ อีกสองชั่วยามต้องออกเดินทางแล้ว”
หวังจงกล่าว
ทันใดนั้น…
‘ติ๊ง! แอปพลิเคชันเถาเป่าได้รับการอัปเดตเสร็จสิ้น’
‘ติ๊ง! แอปพลิเคชันเมจิก คาเมร่าได้รับการอัปเดตเสร็จสิ้น’
เสียงของเสี่ยวจี้ ผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะพลันดังขึ้นในหัวของหลินเป่ยเฉิน
หลินเป่ยเฉินยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
นับว่าสวรรค์เมตตาเขาแล้ว
เมื่อส่งหวังจงออกไป หลินเป่ยเฉินก็นำโทรศัพท์มือถือออกมาเริ่มต้นกดสั่งของอย่างบ้าคลั่ง
เขาจำเป็นต้องเปลี่ยนอาวุธทุกชิ้นที่มีอยู่พอดี
นอกจากนี้ เด็กหนุ่มก็ยังได้สั่งซื้อระเบิดเพลิง ระเบิดแรงดันสูงและระเบิดควันมาเพิ่มเติมอีกด้วย