เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1810 การคัดเลือกองครักษ์
ตอนที่ 1,810 การคัดเลือกองครักษ์
ทุกคนล้วนเป็นบุรุษหนุ่มรูปงาม
แต่หลินเป่ยเฉินไม่มีแรงกดดันเลยสักนิด
เพราะในเรื่องของความหล่อเหลา เขาไม่เคยแพ้ผู้ใดอยู่แล้ว
คนอื่น ๆ เปรียบเสมือนเศษขยะเท่านั้น
ตลอดการคัดเลือก หลินเป่ยเฉินมักจะให้ความสนใจไปยังเจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งซึ่งมีนามว่าเยว่ชิงอาน
นับตั้งแต่ลมหายใจแรกที่พบเห็นบุรุษหนุ่มผู้นี้ หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกได้ถึงความเป็นอันตรายจากอีกฝ่ายโดยทันที สัญชาตญาณบอกเขาว่าเยว่ชิงอานแข็งแกร่งมาก ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่สวนทางกับรูปลักษณ์ของบัณฑิตคงแก่เรียน และด้วยเหตุนี้เอง หลินเป่ยเฉินจึงให้ความสนใจไปที่เขา
แน่นอนว่าขณะนี้เขาอยู่ในกองทัพของศัตรู จึงต้องระมัดระวังตัวทุกย่างก้าว
“สหายท่านนี้”
ทันใดนั้น บุรุษหนุ่มรูปงามผู้เข้ารับการคัดเลือกองครักษ์อีกคนหนึ่งพลันเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าหลินเป่ยเฉินและกล่าวว่า “ข้าพเจ้ามีนามว่าฉู่ซิน ไม่ทราบว่าสหายมีนามอันสูงส่งอันใดหรือ?”
หลินเป่ยเฉินชำเลืองมองคู่แข่งของตนเองและตอบว่า “เจ้ามีนามว่าอันใดแล้วมันเกี่ยวข้องกับข้าตรงไหน? ข้ามีนามว่าอันใดแล้วมันไปเดือดร้อนเจ้าตรงไหนหรือ?”
ฉู่ซินเบิกตาโต
เขาอุตส่าห์มาทักทายอย่างเป็นมิตร กลับถูกตอกกลับอย่างไม่ไว้หน้า
“ข้าอุตส่าห์มาทักทายเจ้าดี ๆ เหตุไฉนจึงต้องหยาบคายด้วย?”
ฉู่ซินชักสีหน้าด้วยความไม่สบอารมณ์ “เจ้านี่มันไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเสียแล้ว”
“แล้วเจ้าจะอยากรู้ชื่อของข้าไปทำไม?”
หลินเป่ยเฉินกระแทกฝ่ามือใส่หน้าอกของอีกฝ่ายเพียงเล็กน้อย ฉู่ซินก็ปลิวกระเด็นออกไปโดยทันที
อ้าว เฮ้ย!
ฉู่ซินล้มลงไปนอนคลุกฝุ่นอยู่บนพื้นดิน
หลินเป่ยเฉินล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมือของตนเองด้วยความรังเกียจ
“เจ้า… ยโสโอหังเกินไปแล้ว”
“พวกเราต่างก็ถูกคัดเลือกเข้ามาเป็นองครักษ์เช่นเดียวกัน ทุกคนต่างก็มีสถานะเท่าเทียมกัน เหตุไฉนเจ้าถึงกล้าก่อกวนเช่นนี้?”
“เจ้ายังไม่ได้พบกับแม่ทัพหลี่ ควรรู้ไว้เสียด้วยว่าสิ่งที่แม่ทัพหลี่เกลียดชังมากที่สุด ก็คือองครักษ์ที่ยโสโอหังอย่างเจ้านี่แหละ เจ้ากล้าอาละวาดในจวนที่พักของท่านแม่ทัพ รับรองได้เลยว่าเจ้าไม่ตายดีแน่”
กลุ่ม ‘คนดู’ ที่อยู่โดยรอบต่างก็ส่งเสียงตะโกนออกมาด้วยความฉุนเฉียว
บุรุษผู้หนึ่งมีนามว่าเหลียงอี้กวนก้าวออกมาช่วยประคองฉู่ซินลุกขึ้นยืน “พี่ชายไม่เป็นไรนะ…”
หลังจากนั้น เขาก็หันมาขมวดคิ้วและกล่าวโทษหลินเป่ยเฉินว่า “พี่ชายท่านนี้กระทำการหนักมือเกินไปแล้ว ทุกคนต่างมาที่นี่เพื่อรับใช้แม่ทัพหลี่ ท่านกับองครักษ์ทุกคนจะต้องกลายเป็นเสมือนพี่น้องกันในภายภาคหน้า ท่านไม่สมควรทำเช่นนี้เลย”
“อ้อ”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะในลำคอ “เจ้าตั้งใจจะเอาดีเข้าตัว แล้วโยนความชั่วให้ข้าใช่ไหมล่ะ?”
นี่คือคุณสมบัติของนักฉวยโอกาสที่แท้จริง
เหลียงอี้กวนตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เหตุไฉนพี่ชายจึงได้กล่าวเช่นนี้? ออกจะเป็นการหยาบคายเกินไปหน่อยแล้วกระมัง?”
“ให้ตายสิ โชคร้ายจริง ๆ ที่ข้าต้องมาพบเจอคนอย่างพวกเจ้า”
หลินเป่ยเฉินส่งเสียงคำรามด้วยความหงุดหงิดใจ
บรรดาผู้ที่เข้ารับการคัดเลือกเป็นองครักษ์ชุดใหม่ต่างก็พากันจ้องมองมาที่หลินเป่ยเฉินเป็นตาเดียว
พวกเขาต่างรู้ดีว่าตนเองกำลังทำสิ่งใดอยู่
ความหล่อเหลาของหลินเป่ยเฉินคือภัยคุกคามต่อผู้เข้าคัดเลือกอีกทั้งสิบเก้าคน
เพราะฉะนั้น พวกเขาจึงร่วมใจเป็นพันธมิตรเล่นงานหลินเป่ยเฉินโดยไม่ต้องมีการวางแผนใด ๆ เนื่องจากหากปล่อยให้เด็กหนุ่มผู้นี้ได้มีโอกาสผ่านการคัดเลือกเข้าสู่รอบต่อไป โอกาสที่พวกเขาจะได้เป็นองครักษ์ข้างกายแม่ทัพหลี่อี้สวิ่นก็คงลดน้อยลงเต็มที
“พวกเจ้าโวยวายอะไรกัน?”
จังหวะนั้น เยว่ชิงอานเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ กวาดสายตามองผู้คน ก่อนที่จะมาหยุดอยู่ตรงใบหน้าของหลินเป่ยเฉิน เยว่ชิงอานขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า “นี่เจ้าลงมือทำร้ายผู้คนหรือ?”
หลินเป่ยเฉินโยนผ้าเช็ดหน้าทิ้งไปอย่างไม่ใส่ใจ “ใช่แล้ว ข้าลงมือทำร้ายผู้คนเอง ไม่ทราบว่าพี่ชายมีคำแนะนำใดหรือไม่?”
เจ้าเด็กคนนี้ถึงกับกล้ายั่วยุที่ปรึกษาเยว่เชียวหรือ?
บรรดาผู้ที่เข้ารับการคัดเลือกต่างก็เบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ
ฉู่ซินกับเหลียงอี้กวนพร้อมใจกันยิ้มมุมปากโดยไม่รู้ตัว
เพียงเท่านี้ก็จบสิ้นแล้ว
การยั่วยุที่ปรึกษาคนสนิทของแม่ทัพหลี่ เท่ากับเป็นการไม่ให้เกียรติแม่ทัพหลี่โดยตรง หากเรื่องนี้ล่วงรู้ไปถึงหูของแม่ทัพหลี่อี้สวิ่น นางก็คงจะต้องส่งเจ้าเด็กคนนี้ไปเป็นนายทหารชั้นเลวเพื่อรอวันถูกศัตรูฆ่าตายอย่างแน่นอน
ผู้เข้ารับการคัดเลือกทุกคนล้วนทำการบ้านมาเป็นอย่างดี พวกเขาทราบดีว่าที่ปรึกษาเยว่ เป็นบุคคลสำคัญที่คอยอยู่ข้างกายท่านแม่ทัพหลี่อี้สวิ่นเสมอมา
แล้วเจ้าเด็กคนนี้กล้าประพฤติตนหยาบคายใส่ที่ปรึกษาเยว่ได้อย่างไร?
ทุกคนต่างก็เฝ้ารอเห็นหลินเป่ยเฉินถูกลงโทษ
แต่ใครเลยจะไปคิดว่าเยว่ชิงอานเพียงขมวดคิ้วเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย แล้วเขาก็ไม่พูดคำใดอีก นอกจากเดินหลบไปที่ด้านข้าง
ลมหายใจต่อมา ดวงตาของทุกคนก็เป็นประกายระยิบระยับ
สตรีร่างสูงในชุดกระโปรงสีม่วงท่าทางไร้เดียงสาผู้หนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับชุดเกราะนักรบเต็มรูปแบบ
แม้นางจะสวมใส่ชุดเกราะนักรบ แต่ร่างกายที่ดูบอบบางและอ่อนแอนั้นก็ทำให้ผู้คนรู้สึกอยากจะปกป้องนางด้วยชีวิต
“ท่านแม่ทัพหลี่”
“คาราวะท่านแม่ทัพขอรับ”
กลุ่มผู้เข้ารับการคัดเลือกรีบตั้งสติ พวกเขาจำได้ดีว่าสตรีผู้นี้คือหลี่อี้สวิ่น แม่ทัพใหญ่ผู้เลอโฉมที่ตนเองอยากจะเข้ารับใช้เป็นองครักษ์ข้างกาย ดังนั้นทุกคนจึงรีบประสานมือทำความเคารพอย่างรวดเร็ว
ในที่สุด พวกเขาก็ได้พบกับตัวจริงของหลี่อี้สวิ่น
ทุกคนต่างก็เดินทางมาที่นี่โดยมีเป้าหมายหนึ่งเดียวคือการได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของแม่ทัพหลี่
เพียงได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนางสักครั้ง ก็สามารถทำให้พวกเขานอนตายตาหลับแล้ว
และการได้ทำงานรับใช้แม่ทัพหลี่อี้สวิ่นก็เปรียบเสมือนกับกำไรชีวิต
เพราะฉะนั้น พวกเขาจึงแสดงความเคารพด้วยความอ่อนน้อม เนื่องจากทำการบ้านมาเป็นอย่างดี จึงทราบว่าสมควรประพฤติตนอย่างไร
ส่วนหลินเป่ยเฉินไม่ได้แสดงความเคารพ
เขายืนนิ่งเฉยอยู่กับที่ ดวงตาเบิกโตจ้องมองหลี่อี้สวิ่นด้วยความตกตะลึง
“คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าหญิงร่านในตำนานจะมีความสวยงามอ่อนหวานถึงเพียงนี้…”
แม้แต่คำพูดก็ยังกล่าวออกมาอย่างตรงไปตรงมา
ฉู่ซิน เหลียงอี้กวนและคนอื่น ๆ พยายามก้มหน้าเพื่อกลั้นหัวเราะ
ถึงกับกล้าพูดถ้อยคำเหล่านั้นต่อหน้าแม่ทัพปีศาจระดับสูง
มีโทษตายสถานเดียวเท่านั้น
ในที่สุด เจ้าเด็กหนุ่มผู้หล่อเหลาคนนี้ก็รนหาที่ตายด้วยตนเองจนได้
ไม่มีสิ่งใดให้เป็นกังวลอีกต่อไป
“เจ้าว่าอะไรนะ?”
หลี่อี้สวิ่นถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เยว่ชิงอานผู้สนิทสนมกับหลี่อี้สวิ่นทราบดีว่านี่คือสัญญาณที่บอกว่านางกำลังจะฆ่าคน
“ข้าบอกว่าท่านเป็นคนที่สวยงามและอ่อนหวาน”
หลินเป่ยเฉินไม่แสดงอาการตื่นกลัวแม้แต่น้อย เขาจ้องมองหญิงสาวก่อนจะยิ้มเล็กน้อยและกล่าวต่อ “ตอนที่ยังไม่ได้พบเห็นตัวจริงของท่าน ข้าจินตนาการเอาไว้มากมายว่าหญิงร่านสวาทผู้นั้นจะต้องเป็นบุคคลเช่นใด ข้านึกว่าท่านจะต้องเป็นสตรีที่มีหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวและมีจิตใจอำมหิต... เพราะฉะนั้น ข้าจึงคิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะมีความงดงามถึงเพียงนี้”
ยิ่งเด็กหนุ่มพูดออกมามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นการเร่งให้ความตายมาถึงตัวเร็วมากขึ้นเท่านั้น
กลุ่มผู้เข้ารับการคัดเลือกเป็นองครักษ์ต่างก็ลงความเห็นเป็นหนึ่งเดียวกันว่า เด็กหนุ่มผู้นี้คงจะต้องถูกส่งตัวไปอยู่ในค่ายทหารชั้นเลวอย่างแน่นอน
“เจ้ากล้าพูดกับข้าเช่นนี้เชียวหรือ?”
หลี่อี้สวิ่นขมวดคิ้วนิ่วหน้า ดวงตาเย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็งพันปี
“แล้วข้าพูดไม่ได้หรือ?”
หลินเป่ยเฉินจ้องมองเข้าไปในดวงตาของหลี่อี้สวิ่นอย่างไม่ยี่หระ ก่อนเชิดหน้าขึ้น ยิ้มมุมปากด้วยความเหยียดหยาม “หรือท่านอยากให้ข้าประพฤติตัวเช่นคนขี้ขลาดทั้งสิบเก้าคนนี้? เพียงเห็นหน้าท่านก็ตัวสั่นเทาเข่าอ่อนกันทันที? เสียใจด้วยนะขอรับ ข้าไม่ใช่เศษสวะพวกนั้น ข้าไม่อยากเสียเวลาเล่นละครตบตาท่านเช่นนั้นหรอก”