เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1824 เป้าหมายสังหาร
ตอนที่ 1,824 เป้าหมายสังหาร
แต่ตอนนี้เขายังไม่พบสิ่งใดที่ผิดปกติ
สิ่งเดียวที่แตกต่างไปจากเดิมก็คือร่างกายมีความแข็งแกร่งมากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นความหนาของผิวหนัง ความอัดแน่นของมวลกล้ามเนื้อ การสูบฉีดโลหิต การเคลื่อนที่ของพลังปราณ
หลินเป่ยเฉินหลับตาลงสำรวจภายในร่างกายของตนเองด้วยความละเอียดมากขึ้น และเขาก็พบว่าโลหิตที่ไหลเวียนอยู่ตามเส้นเลือดต่าง ๆ ในร่างกายมีลักษณะเป็นสีแดงผสมสีเงิน… ซึ่งไม่ใช่สีเลือดปกติของมนุษย์อีกแล้ว
‘ที่สีเลือดเปลี่ยนไปคงเป็นเพราะมันผสมพลังปราณด้วยนั่นเอง …ตอนนี้ ร่างกายของเราจำเป็นต้องใช้พลังปราณหล่อเลี้ยงไม่ต่างจากการไหลเวียนของเลือด… นี่คงเป็นการเปลี่ยนแปลงจากวิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณแล้วกระมัง?’
หลินเป่ยเฉินคิดอยู่ในใจ
การเปลี่ยนแปลงของโลหิตน่าจะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงอีกหลาย ๆ อย่าง
อยู่ที่ว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นจะแสดงผลออกมาเมื่อไหร่เท่านั้นเอง
คืนนั้น เด็กหนุ่มมีความแข็งแกร่งมากขึ้นจนน่าตกใจ
เขาเงยหน้ามองเพดานห้อง ตัดสินใจที่จะไม่ลองขยายร่างของตนเอง
เพราะกลัวจะทำให้จวนที่พักของแม่ทัพหลี่พังทลาย
หลินเป่ยเฉินนั่งขัดสมาธิปรับเปลี่ยนพลังปราณในร่างกาย เมื่อเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว เขาก็เดินออกมาจากห้องฝึกวิชา
หลินเป่ยเฉินเข้าไปนอนแช่น้ำในห้องอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์ ก่อนจะสวมเสื้อคลุมเดินออกมาจิบสุราและรับประทานอาหารที่ซื้อมาจากในอินเทอร์เน็ต…
บัดนี้ หลี่อี้สวิ่นเพิ่มการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดมากขึ้น หลินเป่ยเฉินจึงไม่ต้องออกเดินลาดตระเวนด้วยตนเองอีก
เขาจึงมีเวลาว่าง
แต่ความสงบสุขคงอยู่ได้ไม่นาน
เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
เยว่ชิงอานเดินเข้ามาพร้อมกับม้วนกระดาษซึ่งเป็นข้อมูลเป้าหมายสังหารในภารกิจของหลินเป่ยเฉิน
“เมื่อคืนนี้ ท่านนอนหลับสบายหรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ ในมือถือจอกสุรา ยิ้มเล็กน้อย “ท่านตงฟางปุ๊ป้าย?”
เยว่ชิงอานขมวดคิ้วนิ่วหน้า
ประโยคนี้ทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นมาชอบกล
เยว่ชิงอานวางม้วนกระดาษลงบนโต๊ะอาหารของเจ้าของห้องและกล่าวว่า “เจ้าต้องทำภารกิจให้สำเร็จในอีกสิบสองชั่วยาม… นอกจากนี้ เจ้าห้ามเปิดเผยตัวตนให้ผู้ใดล่วงรู้เด็ดขาดว่าเจ้าเป็นมือสังหาร”
หลินเป่ยเฉินหยิบม้วนกระดาษขึ้นมาดูด้วยรอยยิ้ม
“ปิงหลันซา จอมปีศาจจักราระดับ 4 สวมใส่ชุดเกราะที่เป็นอาวุธเล่นแร่แปรธาตุระดับ 50 ชำนาญการใช้วิชาเวทมนตร์โลกันตร์ลอยล่อง…”
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นข้อมูลในม้วนกระดาษ
เขาเงยหน้ามองเยว่ชิงอานและถามว่า “อะไรทำให้ท่านมั่นใจว่าข้าจะสามารถสังหารจอมปีศาจจักราระดับ 4 ได้สำเร็จ?”
“ความแข็งแกร่งของร่างกายเจ้า น่าจะสามารถทนทานการโจมตีจากวิชาโลกันตร์ลอยล่องได้อย่างไม่มีปัญหา”
เยว่ชิงอานอธิบายด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “อานุภาพของวิชาโลกันตร์ลอยล่องคือการทำให้คู่ต่อสู้มึนงงไม่สามารถตอบโต้ได้… แต่ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งของเจ้า เจ้าจะต้องฟื้นตัวจากอาการมึนงงได้อย่างรวดเร็ว ปิงหลันซาคงไม่ทันระวังตัว เจ้าต้องอาศัยจังหวะนั้นสังหารนางให้ได้ นี่คือการลอบสังหารที่ต้องทำให้สำเร็จในกระบวนท่าเดียว”
หลินเป่ยเฉินก้มหน้าอ่านข้อมูลอีกครั้ง
ผู้ส่งสาส์นประจำสำนักม่วงมหากาฬมีนามว่าปิงหลันซา วิชาการต่อสู้ประจำตัวของนางคือวิชาโลกันตร์ลอยล่อง
ปิงหลันซามีพลังอยู่ในขั้นจอมปีศาจจักราระดับ 4
การโจมตีด้วยวิชาโลกันตร์ลอยล่องของนางสามารถทำให้ผู้ที่อยู่ในขอบเขตเดียวกันตกอยู่ในอาการมึนงงสับสน หมดสภาพที่จะต่อสู้
นับเป็นวิชาเวทมนต์ที่น่ากลัว
และในมุมมองของหลี่อี้สวิ่น นางต้องการจะใช้ความแข็งแกร่งทางร่างกายของหลินเป่ยเฉินต้านทานอิทธิฤทธิ์การโจมตีจากวิชาโลกันตร์ลอยล่อง ปิงหลันซาย่อมไม่คิดว่าจะมีผู้ใดสามารถรับมือการโจมตีของนางได้มาก่อน นางจะต้องประมาทอย่างแน่นอน และเมื่อนางประมาท ความพ่ายแพ้ก็จะมาเยือน
แต่นี่เป็นแผนการที่อันตรายอย่างยิ่ง
เมื่ออ่านข้อมูลของเป้าหมายสังหารจบลง หลินเป่ยเฉินก็มีสีหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่พักใหญ่ “ข้ามีคำถาม ข้าจะเข้าไปถึงตัวปิงหลันซาได้อย่างไร? ป้อมปราการที่นางพักอยู่มีการวางกำลังอารักขาอย่างเข้มงวด ที่พักของนางยิ่งมีความเข้มงวดมากกว่านั้น ต่อให้ข้าแอบเข้าไปได้สำเร็จ ก็คงไม่มีทางเข้าถึงตัวนางได้อยู่ดี”
เยว่ชิงอานตอบว่า “เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เจ้าก่อเหตุวุ่นวายในงานเลี้ยงต้อนรับคณะทูตจากเผ่าอสุรกายเขียว ปิงหลันซาจึงต้องการจะเรียกตัวเจ้าเข้าไปไต่สวน นางอยากจะป้ายความผิดให้แก่ท่านแม่ทัพหลี่ นางจะบังคับให้เจ้าพูดว่าแม่ทัพหลี่สั่งให้เจ้าทำลายงานเลี้ยงต้อนรับ หากข้าเดาไม่ผิด ภายในเช้าวันนี้ นางจะต้องส่งคนมาหาเจ้าอย่างแน่นอน”
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าและกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าก็มีอีกหนึ่งคำถาม”
“ว่ามา”
เยว่ชิงอานกล่าว
หลินเป่ยเฉินยิ้มกริ่ม “ท่านก็เห็นแล้วว่าเวลาที่ข้าต่อสู้ ข้ามักจะต่อสู้ตามสัญชาตญาณ ข้าไม่ชำนาญการต่อสู้ที่เป็นรูปแบบปกติ ข้ายิ่งไม่ชำนาญการลอบสังหารผู้คน การต่อสู้กับการลอบสังหารนั้นเป็นสิ่งที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเป้าหมายสังหารในครั้งนี้เป็นถึงจอมปีศาจจักราระดับ 4 เพราะฉะนั้น ข้าจึงต้องการตัวช่วยอะไรก็ได้ที่ทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น”
ก่อนอื่น ต้องเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากพวกเดียวกันก่อน
เยว่ชิงอานผงกศีรษะ “เรื่องนี้ท่านแม่ทัพหลี่ก็คิดอยู่เช่นกัน”
กล่าวจบ เขาก็ส่งแผ่นหยกขาวออกมาชิ้นหนึ่ง
หลินเป่ยเฉินรับไปโคจรพลังปราณเพื่อสำรวจสิ่งที่อยู่ด้านในแผ่นหยก
จังหวะนั้น สีหน้าของเยว่ชิงอานพลันแปรเปลี่ยนไป
เพราะเขาสังเกตเห็นว่าพลังปราณที่แผ่ออกมาจากร่างของหลินเป่ยเฉินนั้นอยู่ในขั้นจอมเทพจักราแล้ว
ทั้ง ๆ ที่เมื่อวาน เจ้าเด็กคนนี้เพิ่งจะอยู่ในขอบเขตจอมเทพจักรพรรดิตอนต้น…
นับว่าฮ่าวไต๋ซ่อนความแข็งแกร่งของตนเองเอาไว้จริง ๆ
นี่นับว่าเป็นปัญหาใหญ่แล้ว
ผ่านไปหลายอึดใจ หลินเป่ยเฉินก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มกว้าง กล่าวว่า “ประเสริฐ นี่เป็นคัมภีร์ที่ดียิ่ง ข้าไม่มีปัญหาอันใดอีก พวกท่านวางใจเถอะ”
เยว่ชิงอานหมุนตัวกำลังจะเดินออกไปจากห้องพักของหลินเป่ยเฉิน
“ที่ปรึกษาเยว่”
หลินเป่ยเฉินจ้องมองไปที่แผ่นหลังของบุรุษหนุ่มและร้องเรียกขึ้นมา
“มีอะไร?”
เยว่ชิงอานหันกลับมาถามด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“ดอกไม้งามควรชื่นชมตอนที่ยังอยู่บนกิ่งก้าน อย่ารอให้ดอกไม้งามร่วงโรยไป มิเช่นนั้น ทุกอย่างอาจจะสายเกินแก้ไข”
หลินเป่ยเฉินยิ้มอย่างผู้ชนะ
เอาอีกแล้วหรือ?
เยว่ชิงอานเกือบจะใบหน้ากระตุก
แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจความหมายในบทกวีของหลินเป่ยเฉินเลย แต่ไม่ทราบเป็นเพราะเหตุใด อารมณ์ของเยว่ชิงอานจึงปั่นป่วนขึ้นมา จากนั้นเขาก็หมุนตัวกลับ พยายามจะเดินหนีออกไปให้เร็วที่สุด
หลินเป่ยเฉินยิ้มกว้างมากกว่าเดิมและส่งเสียงเรียกอีกครั้ง “ที่ปรึกษาเยว่?”
“เจ้ามีอะไรอีก?”
เยว่ชิงอานหันกลับมาถลึงตาใส่
หลินเป่ยเฉินยกจอกสุราขึ้นจิบอย่างแช่มช้า ตอบว่า “อันที่จริง… เมื่อคืนนี้… ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย”
เยว่ชิงอานสะดุ้งเฮือก
“ข้ากับท่านแม่ทัพไม่ได้ทำอะไรอย่างที่ท่านคิด”
หลินเป่ยเฉินกล่าวออกมาอีกครั้ง
ดวงตาของเยว่ชิงอานร้อนผ่าวด้วยความโกรธแค้น
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการยั่วโมโหกัน
แต่หลินเป่ยเฉินกลับกล่าวเสริมประโยคสำคัญออกมาว่า “ข้าจะบอกความลับสำคัญให้ท่านฟัง แม่ทัพหลี่ของท่านยังคงเป็นหญิงบริสุทธิ์”