เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1830 ท่านแม่ทัพฮัน
ตอนที่ 1,830 ท่านแม่ทัพฮัน
ณ ที่พักของหัวหน้าหน่วยองครักษ์
สมาชิกหน่วยพลีชีพทั้งสี่คนกำลังนั่งรับประทานอาหารและดื่มสุราเลิศรสด้วยความเอร็ดอร่อย
อาหารและเครื่องดื่มเหล่านี้เป็นหลินเป่ยเฉินซื้อหามาจากแอปเถาเป่า พวกมันมีสรรพคุณไม่ต่างจากยาบำรุงกำลัง เมื่อทานเข้าไปแล้ว อาการบาดเจ็บก็จะฟื้นฟูขึ้นอย่างรวดเร็ว และพลังปราณภายในร่างกายก็จะเพิ่มพูนมากขึ้น…
หลินเป่ยเฉินถือถ้วยทองคำอยู่ในมือ ในถ้วยคือไวน์แดง สายตาของเขาจ้องมองหน่วยพลีชีพทั้งสี่คนในความเงียบ
“ตกลงว่าพวกเจ้าคนไหนจะเป็นคนพูด กองทัพเป่ยเฉินคืออะไรกันแน่?”
เมื่อเห็นว่าสี่สายลับเริ่มมึนเมา หลินเป่ยเฉินก็เปิดฉากถามโดยทันที
หนึ่งในสี่สายลับหันหน้ามองสหายของตนเองอีกสามคน “ชีวิตคนเรามีเกิดมีตาย แล้วจะสามารถหลีกเลี่ยงเคราะห์กรรมได้อย่างไร…”
พรวด!
หลินเป่ยเฉินสำลักไวน์แดงออกมาโดยตรง
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
เขาจ้องมองบุรุษหนุ่มผู้เป็นคนพูดด้วยสายตาตกตะลึง “กวีบทนี้… ผู้ใดเป็นคนบอกเจ้า?”
บุรุษหนุ่มรู้สึกแปลกประหลาดกับปฏิกิริยาตอบรับของหลินเป่ยเฉิน แต่เขาก็ยังตอบตามความจริง “นี่เป็นบทกวีประจำกองทัพเป่ยเฉินขอรับ พวกเรายึดมั่นในหลักการและยินดีถวายชีวิตให้แก่ภารกิจที่ได้รับมอบหมาย นายทหารทุกคนล้วนจำกวีบทนี้ได้ขึ้นใจ นี่เป็นบทกวีที่ท่านแม่ทัพใหญ่เผยแพร่ให้พวกเราได้รับฟัง”
สีหน้าของหลินเป่ยเฉินยิ่งแปลกประหลาดมากขึ้น
ให้ตายเถอะ
หรือว่าผู้ก่อตั้งกองทัพเป่ยเฉินจะเป็นคนที่ทะลุมิติมาเหมือนกับเขา?
แล้วทำไมถึงตั้งชื่อกองทัพว่า ‘เป่ยเฉิน’ ล่ะ?
ในห้วงคิดของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยม่านหมอกแห่งความพิศวง
ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงอีกหนึ่งความเป็นไปได้ขึ้นมา
“ท่านแม่ทัพใหญ่ของพวกเจ้ามีแซ่ฮันใช่หรือไม่? และนามของเขาก็คือฮันปู้ฟู่?”
หลินเป่ยเฉินกลั้นใจถามออกไป
“ได้โปรดอย่าเอ่ยนามของท่านแม่ทัพใหญ่ออกมาโดยตรง”
บุรุษหนุ่มผู้เป็นคนตอบคำถามขมวดคิ้วและกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
และในเวลาเดียวกันนี้ สายลับอีกสามคนก็มีสีหน้าแปรเปลี่ยนไปเมื่อพวกเขาได้ยินคำว่า ‘ฮันปู้ฟู่’ ไม่ต่างจากสาวกผู้ซื่อสัตย์อย่างบ้าคลั่ง แม้แต่นามของศาสดาก็ยังศักดิ์สิทธิ์เกินกว่าจะเอ่ยถึง…
ซึ่งในความเป็นจริงนั้น กลุ่มสายลับหน่วยพลีชีพก็เคารพฮันปู้ฟู่ไม่ต่างจากเทพเจ้าจริง ๆ
นี่คือแรงศรัทธา
นี่คือความหวังสุดท้ายของพวกเขา
และพวกเขาก็ไม่ประหลาดใจสักเท่าไหร่ที่หลินเป่ยเฉินรู้จักชื่อฮันปู้ฟู่
ในความเห็นของสายลับจากกองทัพเป่ยเฉิน ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ท่านแม่ทัพฮันปู้ฟู่ได้สร้างชื่อเสียงอย่างยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม ปาฏิหาริย์มากมายเกิดขึ้นด้วยน้ำมือของฮันปู้ฟู่และหลายคนก็ถึงกับยกย่องให้ท่านแม่ทัพใหญ่เป็นหนึ่งในผู้กล้าที่ร้อยปีจะมีสักหนึ่งคน
บางคนถึงกับยกให้ฮันปู้ฟู่เป็นหนึ่งในสามยอดผู้กล้าที่แข็งแกร่งที่สุดในปัจจุบัน
ผู้คนมากมายจึงรู้จักชื่อของฮันปู้ฟู่
ด้วยเหตุนี้ การที่ปีศาจหนุ่มนามว่าอวี้เหวินซิวเซียนสามารถเอ่ยนามของท่านแม่ทัพใหญ่ออกมาได้อย่างถูกต้องเช่นนี้ จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกประหลาดอันใด
ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นเลยว่าสีหน้าของหลินเป่ยเฉินกำลังเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด
เขายิ้มออกมาด้วยความดีใจ
เป็นฮันปู้ฟู่จริง ๆ ด้วย
ไม่ว่าจะเป็นบทกวีที่เขาจำมาจากละครโทรทัศน์ในชาติภพที่แล้ว…
ไม่ว่าจะเป็นการตั้งชื่อกองทัพ…
เป็นศิษย์พี่ฮันจริง ๆ ด้วย
หลินเป่ยเฉินมั่นใจ 99% ว่าแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพเป่ยเฉิน แท้ที่จริงแล้วต้องเป็นฮันปู้ฟู่ผู้ที่เขาพยายามตามหาตัวมาเนิ่นนานนั่นเอง
แต่มันไม่ง่ายเลย
หลินเป่ยเฉินไม่เคยพบเจอเบาะแสของฮันปู้ฟู่ แต่อยู่ดี ๆ เขาก็ได้รับเบาะแสโดยไม่คาดคิด!
ขณะนี้ หลินเป่ยเฉินแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะได้พบเจอกับฮันปู้ฟู่ เขาอยากจะพาศิษย์พี่ฮันกลับไปที่เมืองหยุนเมิ่ง เพื่อไปพบกับมารดาและน้องสาวอีกครั้ง
หลินเป่ยเฉินเชื่อว่าสำหรับคนที่หลงทาง ไม่มีสิ่งใดจะดีเลิศมากไปกว่าการได้กลับไปพบกับครอบครัวอีกแล้ว
เหมือนเขาเองไงล่ะ
“เจ้าชื่ออะไร?”
หลินเป่ยเฉินสะกดความตื่นเต้นในหัวใจและมองตรงไปที่บุรุษหนุ่มผู้ตอบคำถาม
“ข้าน้อยมีนามว่าเซี่ยอู๋”
บุรุษหนุ่มประสานมือคำนับ
เขาไม่ได้มีสถานะสำคัญอันใด
จึงไม่จำเป็นต้องปิดบัง
อีกอย่าง หลินเป่ยเฉินเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของพวกเขา
และยังช่วยเหลือหญิงคนรักของเซี่ยอู๋อีกด้วย
“บอกข้าได้หรือไม่ว่าท่านแม่ทัพใหญ่ของเจ้าบัดนี้อยู่ที่ใด?”
หลินเป่ยเฉินถามออกมาอีกครั้ง
เซี่ยอู๋ส่ายศีรษะ
ครั้งนี้ น้ำเสียงของบุรุษหนุ่มมีความแข็งกร้าวมากขึ้น “ข้าน้อยจะไปทราบที่อยู่ของท่านแม่ทัพใหญ่ได้อย่างไร? ต่อให้ข้าน้อยทราบ ข้าน้อยก็จะไม่บอกผู้ใดเด็ดขาด ใช่แล้ว ท่านไม่ใช่คนแรกที่อยากรู้ที่อยู่ของท่านแม่ทัพใหญ่”
เมื่อเห็นสีหน้าของหลินเป่ยเฉิน สายลับอีกสามคนก็เกิดความแตกตื่นขึ้นมาทันที
ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับท่านแม่ทัพใหญ่ฮันปู้ฟู่ถือเป็นความลับสูงสุดของกองทัพเป่ยเฉิน
เป็นความลับสำคัญที่จะให้ผู้ใดล่วงรู้ไม่ได้เด็ดขาด
แม้แต่นิดเดียวก็ไม่ได้
ถึงหลินเป่ยเฉินจะเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตพวกเขา แต่มีผู้ใดรับประกันได้บ้างว่าหลินเป่ยเฉินจะไม่มีแผนการร้ายในภายหลัง?
มิหนำซ้ำ องครักษ์ปีศาจที่มีนามว่าอวี้เหวินซิวเซียนผู้นี้ ยังเป็นถึงผู้ช่วยคนสำคัญของภูตอเวจี หากเขาคิดจะล้วงข้อมูลเกี่ยวกับท่านแม่ทัพใหญ่ฮันปู้ฟู่ นี่ออกจะเป็นเรื่องที่ง่ายดายเกินไปแล้ว
หลินเป่ยเฉินทราบดีถึงปัญหาข้อนี้เช่นกัน
สายลับเหล่านี้ยังไม่เชื่อมั่นในตัวเขา
“ประเสริฐ… พวกเจ้าเคยได้ยินชื่อหลินเป่ยเฉินบ้างหรือไม่?”
เขาถามออกมาอีกครั้ง
เซี่ยอู๋และสหายหันมองหน้ากัน ก่อนพยักหน้า “พวกเราเคยได้ยินมาอยู่บ้าง”
ทีนี้ก็เข้าทางล่ะ
หลินเป่ยเฉินยิ้มอย่างมั่นใจ “งั้นเจ้าก็คงรู้ใช่หรือไม่ว่าหลินเป่ยเฉินกับท่านแม่ทัพใหญ่ฮันปู้ฟู่มีความสัมพันธ์อย่างไร?”
“มีความสัมพันธ์?”
เซี่ยอู๋ขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ “แม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพเซียนกระบี่มีความสัมพันธ์อันใดกับแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพเป่ยเฉินของพวกเราด้วยหรือ? กองทัพเซียนกระบี่ยังคงต่ำต้อยและตามหลังพวกเราอยู่อีกมาก เพราะว่ากองทัพเป่ยเฉินมียอดฝีมือระดับจอมเทพจักราอยู่เป็นจำนวนมาก จึงสามารถควบคุมสถานการณ์โดยรวมของเส้นทางดาราจักรได้ เมื่อเปรียบเทียบหลินเป่ยเฉินกับท่านแม่ทัพใหญ่ของพวกเรา ช่องว่างระหว่างความยิ่งใหญ่ยังมีมากเกินไป ไม่สามารถนำมาเทียบเคียงกันได้เลยแม้แต่น้อย”
หลินเป่ยเฉินกะพริบตาปริบ ๆ
นี่มันอะไรกันเนี่ย?
ฮันปู้ฟู่ไม่เคยบอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเลยหรือ?
ไอ้หมอนี่!
ใช้การไม่ได้!!
มาเล่นกับความรู้สึกของเขาเสียอย่างนั้น!!!