เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1833 อวี้เหวินซิวเซียนตัวจริง
ตอนที่ 1,833 อวี้เหวินซิวเซียนตัวจริง
นี่เรียกว่านายท่านเป็นอย่างไร บ่าวก็เป็นอย่างนั้น
หลี่อี้สวิ่นกำลังจะกล่าวอะไรบางอย่างออกมา…
ทันใดนั้น นางก็ได้ยินเสียงของเยว่ชิงอานดังเข้ามาจากด้านนอกว่า
“กราบเรียนท่านแม่ทัพ คนผู้หนึ่งอ้างตัวว่าตนเองคืออวี้เหวินซิวเซียนต้องการจะเข้าพบกับท่านแม่ทัพขอรับ… ข้าน้อยคิดว่าท่านแม่ทัพควรจะพบเขา”
คำพูดของเยว่ชิงอานค่อนข้างผิดปกติ
น้ำเสียงของเขาก็บอกถึงความผิดปกติ
หลี่อี้สวิ่นประหลาดใจเล็กน้อย สังหรณ์ว่ามีบางอย่างได้เกิดขึ้นแล้ว จึงตอบรับกลับไปว่า “เชิญคุณชายอวี้เหวินเข้ามาได้”
ในเวลาเดียวกันนี้ ท่านภูตอเวจีที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็มีสีหน้าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
เอาแล้วไง
อวี้เหวินซิวเซียน เจ้าหมอนั่นมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ?
แต่นั่นก็มีข้อดีอยู่เหมือนกัน
หากอวี้เหวินซิวเซียนอยู่ที่นี่จริง นั่นก็หมายความว่ามีหนทางติดต่อเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงแล้ว ส่วนเรื่องราวหลังจากนี้ ค่อยอธิบายกันทีหลังก็ยังไม่สาย
หลังจากนั้นไม่กี่ลมหายใจ
ภายใต้การเดินนำทางของเยว่ชิงอาน บุรุษหนุ่มผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ด้วยท่วงท่าสง่าผ่าเผย
บุรุษผู้นี้มีอายุประมาณยี่สิบกว่าปี ใบหน้าหล่อเหลาประดับรอยยิ้มจาง ๆ กิริยาท่าทางสุภาพอ่อนน้อม ลักษณะเป็นคนที่มั่นใจในตนเอง เพียงพบหน้ากันครั้งแรก ก็มักจะสามารถเอาชนะใจผู้คนได้อย่างง่ายดาย
“คารวะแม่ทัพหลี่”
บุรุษหนุ่มก้มศีรษะลงเล็กน้อย ทำความเคารพตามแบบฉบับเผ่าพันธุ์ปีศาจ
“ท่านเป็นผู้ใด?”
หลี่อี้สวิ่นรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“ข้าคือองครักษ์ขวาของท่านภูตอเวจีจากสำนักเซวียนเซวี่ยขอรับ ข้าได้รับคำสั่งจากท่านภูตให้มาแสดงความเคารพต่อแม่ทัพหลี่”
อวี้เหวินซิวเซียนประสานมือคำนับพอเป็นพิธี
“ท่านมีนามว่าอวี้เหวินซิวเซียนอย่างนั้นหรือ?”
หลี่อี้สวิ่นเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ ก่อนจะหันกลับไปมองหน้าเยว่ชิงอาน
เยว่ชิงอานพยักหน้าเล็กน้อย
หลี่อี้สวิ่นเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาโดยทันที
นางหันขวับกลับมาจ้องมองที่ท่านภูตอเวจีและสอบถามว่า “กราบเรียนท่านภูต หากคนผู้นี้คืออวี้เหวินซิวเซียน แล้วองครักษ์ฮ่าวไต๋ก่อนหน้านี้คือผู้ใดกันแน่?”
“อวี้เหวินซิวเซียนผู้นี้เป็นตัวปลอม ข้าไม่รู้จักเขา”
ท่านภูตอเวจีไม่ได้ตื่นกลัว แต่สีหน้ากลับแสดงออกถึงความตลกขบขันด้วยซ้ำ
นางปฏิเสธตัวตนของอวี้เหวินซิวเซียนผู้มาใหม่และหัวเราะในลำคอ “สหายน้อย เจ้าเป็นใครกันแน่ ถึงกับกล้าปลอมตัวเป็นองครักษ์คนสนิทของข้าเชียวหรือ?”
อวี้เหวินซิวเซียนรู้สึกคุ้นหูกับเสียงนั้น
เขาจึงเงยหน้ามอง
และได้พบเข้ากับท่านภูตอเวจีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
นายท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
ทำไมเขาถึงไม่รู้เรื่องเลย?
หัวคิ้วของอวี้เหวินซิวเซียนขมวดมุ่น สายตาสำรวจมองเรือนร่างของท่านภูตอเวจีเพื่อยืนยันว่าไม่พบความผิดปกติใด ๆ แต่แล้วอวี้เหวินซิวเซียนก็จำได้ว่าตนเองเพิ่งจะแยกกับนายท่านได้ไม่นาน นายท่านไม่สมควรมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ในเวลานี้เด็ดขาด มิเช่นนั้น เขาก็คงไม่ต้องเดินทางมาที่นี่ด้วยตนเอง นี่มันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย…
มีใครบางคนปลอมตัวเป็นนายท่าน
และปลอมตัวได้อย่างแนบเนียน
แม้แต่น้ำเสียงก็ไม่แตกต่าง
แสดงว่าคนผู้นี้ต้องมีความคุ้นเคยกับท่าน
มิฉะนั้น คงไม่สามารถปลอมตัวได้อย่างแนบเนียนถึงเพียงนี้
แต่เป็นผู้ใดกันเล่า?
หลายคำถามปรากฏขึ้นมาในจิตใจของอวี้เหวินซิวเซียน
เขากำลังใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว
ข้อมูลจำนวนมากไหลรินเข้าสู่สมองไม่ต่างจากน้ำป่าไหลหลาก
ผ่านการคิด วิเคราะห์และแยกแยะอย่างต่อเนื่อง
ทันใดนั้น…
คำตอบที่น่าจะถูกต้องก็ปรากฏขึ้นในจิตใจของอวี้เหวินซิวเซียน
“คุณชายหลิน ล้อกันเล่นเช่นนี้ ออกจะดูหมิ่นกันเกินไปแล้วกระมัง?”
อวี้เหวินซิวเซียนจ้องมองตรงไปที่ท่านภูตอเวจี
ปีศาจสาวตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงปกติ “คุณชายหลินอะไรของเจ้า ข้าไม่รู้จักคนชื่อนั้น”
อวี้เหวินซิวเซียนหนังตากระตุกขณะจ้องมองต่อไป พยายามจับพิรุธให้ได้ ก่อนกล่าวเน้นย้ำทีละคำว่า “ท่านคือแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพเซียนกระบี่ในอาณาจักรซือเว่ย เจ้าของฉายาเซียนกระบี่นักล่าหัว หลินเป่ยเฉิน”
“อ้อ ที่แท้เจ้าก็กำลังพูดถึงเด็กหนุ่มผู้หล่อเหลาในตำนานที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและมีวิชาการต่อสู้แข็งแกร่งที่สุดในสามโลก ไม่ว่าปรากฏตัวขึ้นที่ใด ก็จะกลายเป็นที่หลงใหลของบรรดาสาวงามสินะ เจ้ากำลังพูดถึงหลินเป่ยเฉินที่สูงส่งปานเทพบุตรผู้นั้นอยู่ใช่หรือไม่?”
ท่านภูตอเวจีถามด้วยสีหน้ากระตือรือร้น
อวี้เหวินซิวเซียนพูดคำใดไม่ออก
หลี่อี้สวิ่นอยู่ในอาการไม่ต่างกัน
เยว่ชิงอานถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ
อวี้เหวินซิวเซียนรู้สึกโล่งอกมากขึ้น
คำตอบเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าเขาเดาได้ถูกต้อง
มีเพียงหลินเป่ยเฉินผู้เดียวเท่านั้น ถึงจะอธิบายลักษณะของตนเองในลักษณะนี้
“เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่?”
ยอดหญิงงามแห่งสำนักม่วงมหากาฬหลี่อี้สวิ่นสูดหายใจลึก
นางรู้สึกว่าตนเองกำลังถูกหลอกลวงและถูกหลอกใช้…
ช่างน่าเศร้า
เป็นความรู้สึกนี้อีกแล้ว
นั่นทำให้หลี่อี้สวิ่นไม่อยากจะทำสิ่งใดอีกต่อไป
“ข้าคือภูตอเวจีตัวจริงไม่ใช่ตัวปลอม”
หลินเป่ยเฉินยกมือชี้หน้าอวี้เหวินซิวเซียนและกล่าวว่า “คนผู้นี้ต่างหากที่เป็นตัวปลอม ข้าไม่รู้จักเขา เร็วเข้า รีบจับกุมและส่งตัวเขาไปที่ค่ายทหารเลวเถอะ”
อวี้เหวินซิวเซียนกะพริบตาปริบ ๆ
นิสัยเช่นนี้ไม่มีใครอื่นจริง ๆ
“คุณชายหลิน เลิกล้อเล่นได้แล้ว”
อวี้เหวินซิวเซียนสูดหายใจลึก พยายามควบคุมอารมณ์ความรู้สึก “นายหญิงของข้าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่นี่ ไม่ว่าท่านกำลังวางแผนอะไรอยู่ ข้าบอกได้เลยว่าไม่สำเร็จหรอก”
“จริงหรือ?”
หลินเป่ยเฉินยิ้มออกมาด้วยความดีใจ “งั้นก็บอกให้นางออกมาเจอข้าสิ”
เสียงพูดแปรเปลี่ยนไปแล้ว
กลายเป็นเสียงของบุรุษ
หลี่อี้สวิ่นใบหน้ากระตุก
สุดท้ายก็เป็นตัวปลอมจริง ๆ ด้วย
“เจ้าคือหลินเป่ยเฉินจริง ๆ สินะ?”
นางจ้องมองด้วยสายตาที่ไม่ต่างไปจากคมมีด “เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้มาโกหกข้าเช่นนี้?”
หลินเป่ยเฉินนิ่งเงียบใช้ความคิดอยู่เล็กน้อย ก่อนจะยุติการแปลงโฉมด้วยแอปเมจิก คาเมร่า
เพราะยิ่งปลอมตัวนานมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งต้องเสียเงินมากเท่านั้น
หลินเป่ยเฉินยิ้มเล็กน้อยและตอบด้วยความจริงใจว่า “ไม่ต้องตกใจ นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด ความจริงนี่ไม่ใช่คำโกหกด้วยซ้ำ ข้ามีความสัมพันธ์อันดีงามกับท่านภูตอเวจี พวกเราเป็นสหายรักกัน ข้าสามารถตัดสินใจแทนนางได้อยู่แล้ว”
แม้ว่านางจะเคยเห็นหลินเป่ยเฉินมาแล้วหลายครั้ง แต่สำหรับหลี่อี้สวิ่นเมื่อได้เห็นหน้าเขาอีกครั้งในขณะนี้ นางก็ยังอดตกตะลึงไม่ได้อยู่ดี
นี่ต้องโทษว่าเพราะเขาหล่อเหลามากเกินไป
“คิดว่าข้าจะเชื่อที่เจ้าพูดหรือ?”
ความโกรธแค้นปะทุขึ้นมาในจิตใจของหลี่อี้สวิ่นอย่างควบคุมไม่ได้
หลินเป่ยเฉินยักไหล่อย่างไม่แยแส “หากท่านไม่เชื่อข้า ท่านลองถามซิวเอ๋อร์ดูก็ได้”
อวี้เหวินซิวเซียนรู้สึกเบื่อหน่ายยิ่งนัก
แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ
ในฐานะผู้รับใช้คนสนิทของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงและเป็นนักรบที่ซื่อสัตย์ที่สุดของนาง เขาย่อมรู้ดีถึงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างนายท่านกับหลินเป่ยเฉิน เพราะอวี้เหวินซิวเซียนมีโอกาสได้พบเห็นด้วยตาของตนเองมากกว่าผู้ใด
“ดูสิ เห็นไหม เห็นแล้วหรือยัง เห็นแล้วใช่หรือไม่… เขายอมรับแล้ว”
หลินเป่ยเฉินยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะ
บัดนี้ ทั้งหลี่อี้สวิ่นกับเยว่ชิงอานต่างก็ประหลาดใจไปตาม ๆ กัน