เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1837 มังกรแดง
ตอนที่ 1,837 มังกรแดง
เส้นทางดาราจักร
มังกรแดงขนาดใหญ่ยักษ์ตัวหนึ่งกำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึง
คลื่นพลังแผ่กระจายไปรอบบริเวณ มังกรแดงตัวนี้สามารถเดินทางผ่านห้วงอวกาศอันเวิ้งว้างกว้างใหญ่ได้โดยไม่มีอุปสรรค
เกล็ดบนลำตัวของมันสะท้อนกับดวงดาวระยิบระยับ ต่อให้เป็นเรือเหาะรุ่นใหม่ล่าสุดก็ยังไม่สามารถเทียบเคียงความเร็วในการเคลื่อนที่ของมังกรแดงตัวนี้ได้แม้แต่น้อย
บนแผ่นหลังของมังกรปรากฏพื้นที่ราบกว้างใหญ่ที่ตั้งแท่นบูชาขนาดยักษ์สีม่วงเอาไว้
คลื่นพลังสีม่วงถูกปลดปล่อยออกมาจากแท่นบูชานั้นไม่ต่างจากเปลวไฟลุกโชน สายโซ่ที่มีหนามแหลมจำนวนมากแผ่ขยายออกมาจากแท่นบูชาและเจาะลึกเข้าไปในร่างกายของมังกรแดง โลหิตที่ไหลซึมออกมาของมังกรนั้นจะถูกสายโซ่ดูดซับเข้าไปหมดสิ้น
เขาคู่สีซีดบนศีรษะของมังกรแดงเสียดแทงขึ้นไปบนท้องฟ้า
มีคนผู้หนึ่งยืนอยู่บนศีรษะของมังกร
เป็นชายวัยกลางคนสวมใส่ชุดเสื้อคลุมสีม่วง ในมือถือห่วงทองคำอยู่ห่วงหนึ่ง
ดวงตาที่สว่างไสวไม่ต่างจากดาวฤกษ์กำลังจ้องมองไปยังห้วงอวกาศอันกว้างไกล
“หลี่อี้สวิ่น ความอดทนของข้าหมดสิ้นแล้ว”
“ครั้งนี้เจ้ากำเริบเสิบสานมากเกินไป ถึงกับกล้าฆ่าหลันเอ๋อร์ของข้า”
“ดูเหมือนข้าคงจะปล่อยเจ้าไว้ไม่ได้อีกแล้ว”
ชายวัยกลางคนในชุดเสื้อคลุมสีม่วงจ้องมองดวงดาวระยิบระยับที่อยู่เบื้องหน้า พลางพูดพึมพำกับตนเอง รอยยิ้มที่น่าขนลุกปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขา
ขาดคำ
ดาวเคราะห์สีส้มดวงหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
เป็นดาวขนาดเล็ก
ชายวัยกลางคนจ้องมองอย่างระมัดระวัง
แล้วข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับดาวดวงนี้ก็ปรากฏขึ้นในห้วงความคิดของเขา
“เผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างนั้นหรือ?”
ชายวัยกลางคนสัมผัสได้ถึงเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ดำรงชีวิตอยู่ ณ ดาวดวงนี้
แต่เห็นได้ชัดว่าจำนวนประชากรมนุษย์ลดลงมากแล้ว ระบบนิเวศทางธรรมชาติก็เริ่มเสื่อมถอย พลังปราณลดน้อยลง และสิ่งมีชีวิตก็เริ่มสูญพันธุ์
จำนวนประชากรสิ่งมีชีวิตที่ยังคงหลงเหลืออยู่บนดาวเคราะห์ดวงนี้มีจำนวนน้อยมาก
แน่นอนว่าจำนวนผู้ฝึกยุทธ์ก็ต้องลดน้อยลงเช่นกัน อย่าว่าแต่ขอบเขตจอมเทพจักราเลย เท่าที่ชายวัยกลางคนสัมผัสดู แทบไม่มีผู้ใดสามารถบรรลุขั้นจอมเทพจักรพรรดิได้ด้วยซ้ำ ลำพังเพียงมีชีวิตรอดไปวัน ๆ ก็นับเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากแล้ว…
มังกรแดงก็สามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกนี้เช่นกัน
ร่างกายขนาดใหญ่ยักษ์ของมันพยายามจะเลี้ยวอ้อมไป
“พุ่งชนไปเลย”
ชายวัยกลางคนออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
มังกรแดงลังเลเล็กน้อย
“ฮ่า ๆๆ มังกรแดง เจ้าช่างมีคุณธรรมเหลือเกินนะ นี่ผ่านมาตั้งกี่ปีแล้ว เจ้าต้องทุกข์ทรมานนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ยังมีความรู้สึกสงสารและเห็นใจผู้อื่นไม่ต่างไปจากในอดีต… คนเหล่านี้หากไม่ตายเพราะพวกเรา ก็ต้องตายเพราะผู้อื่นอยู่ดี เจ้ามันโง่เขลามากเกินไป เพราะฉะนั้น ในฐานะที่เจ้าเป็นทาสรับใช้ของข้า เจ้าต้องปฏิบัติตามคำสั่งของข้าเดี๋ยวนี้”
ชายวัยกลางคนในชุดเสื้อคลุมสีม่วงยิ้มด้วยความเย็นชาและอำมหิต
โซ่เหล็กหนามแหลมที่เจาะทะลุร่างกายของมังกรแดงเริ่มสั่นสะเทือน นั่นทำให้บาดแผลบนตัวมังกรแดงเริ่มปริแตก โลหิตไหลทะลักออกมา เกล็ดผิวหนังลอยกระเด็นออกไป
มังกรแดงส่งเสียงคำรามแหบต่ำด้วยความเจ็บปวด
เหมือนมันต้องการสบถสาปแช่ง และต่อต้านขัดขืน
ก่อนที่จะกลับมาเป็นการขอร้องอ้อนวอนอีกครั้ง
แต่ไม่ว่าอย่างไร ชายวัยกลางคนที่อยู่บนศีรษะของมันก็ไม่ยอมใจอ่อน
“ฮ่า ๆๆ นี่เป็นเพราะคำสั่งของนางผู้นั้นใช่หรือไม่ เจ้าถึงไม่กล้าฆ่าเผ่าพันธุ์มนุษย์? แต่ข้าจะทำให้เจ้าเห็นด้วยตาของตนเอง ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าต้องการปกป้องนั้นจะต้องถูกทำลายลงไปต่อหน้าต่อตา”
ดวงตาของชายวัยกลางคนเป็นประกายวาวโรจน์
เขายกมือขึ้นมาเล็กน้อย
แล้วสายโซ่เวทมนตร์ก็พุ่งทะยานไปข้างหน้าเป็นลำแสงสีม่วง
เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น สายโซ่จำนวนมากก็ไปพันธนาการดาวเคราะห์สีส้มขนาดเล็กดวงนั้น สายโซ่รัดพันด้วยความหนาแน่นและเพิ่มแรงบีบมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่ง…
หายนะได้เกิดขึ้นแล้ว
เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่อาศัยอยู่บนดาวเคราะห์สีส้มถูกคลื่นพลังบีบอัดจนเสียชีวิตโดยไม่รู้ตัว ไม่มีโอกาสแม้แต่จะเปล่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดด้วยซ้ำ
และดาวเคราะห์สีส้มดวงนั้นก็ระเบิดกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อย!
ถูกทำลายไม่เหลือสิ้น
เป็นภาพที่น่าสลดหดหู่ใจ
สำหรับชายวัยกลางคนในชุดเสื้อคลุมสีม่วง นี่เป็นการทำลายล้างเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น
แต่สำหรับสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์สีส้มดวงนั้น นี่คือมหันตภัยที่แท้จริง
มหันตภัยที่มาถึงโดยไร้ซึ่งสัญญาณเตือน มหันตภัยที่ไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานได้
สิ่งสุดท้ายที่ทุกคนจะได้พบเจอก็คือความตาย
ดาวเคราะห์สีส้มแตกกระจายด้วยแรงบีบอัดของสายโซ่มรณะ
ของเหลวสีแดงสาดกระจายไปทั่วท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ ของเหลวเหล่านี้เคยอยู่ใต้เปลือกโลกของดาวเคราะห์สีส้ม พวกมันลอยคว้างไปทั่วอวกาศ ก่อนที่จะจับตัวเป็นก้อนหินอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้น พวกมันก็ลอยตัวไปในเส้นทางดาราจักรอันกว้างใหญ่อย่างโดดเดี่ยว…
เศษเปลือกโลกของดาวเคราะห์สีส้มนั้นกระจัดกระจายเป็นจุดสีดำเล็ก ๆ ทั่วท้องฟ้า
ในกลุ่มจุดสีดำเล็ก ๆ นั้นยังมีศพมนุษย์อีกนับไม่ถ้วน
พวกมันล้วนแต่เป็นมนุษย์ที่ยังไม่สมควรต้องตาย
แม้พวกเขาจะต้องทำงานหนัก แต่ก็เป็นชีวิตที่มีความสุข เป็นชีวิตที่มีความหวัง พวกเขารอคอยว่าสักวันหนึ่งปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นแก่ตนเอง ในกลุ่มประชากรผู้ดำรงชีวิตอยู่ในดาวเคราะห์สีส้ม มีหลายคนที่มีศักยภาพดีพอที่จะเป็นยอดฝีมืออัจฉริยะ เป็นอาจารย์นักปรุงยา และเป็นอื่น ๆ อีกมากมาย
แต่บัดนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างได้จบสิ้นลงแล้ว
ดวงตาของมังกรแดงปรากฏความสงสารและเวทนาจับใจ
เมื่อร่างขนาดใหญ่ยักษ์ของมังกรแดงเคลื่อนผ่านไป ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
ดาวเคราะห์สีส้มดวงนี้เป็นเพียงดาวเคราะห์เล็ก ๆ ที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย และเมื่อมันถูกทำลาย ซากศพจำนวนมากก็ลอยเคว้งคว้างอยู่กลางอวกาศ…
ยังจะมีความตายประเภทใดน่าสลดมากไปกว่านี้อีก?
…
คลื่นพลังระเบิดอย่างต่อเนื่อง
เปลวไฟปะทุตัวบนท้องฟ้า
เรือเหาะที่ถูกโจมตีร่วงหล่นลงสู่ความว่างเปล่า
ชีวิตคนดับสิ้น
อสูรดาราแผดเสียงคำราม
ยอดฝีมือที่อยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิเปิดเขตแดนของตนเองและต่อสู้กันบนฟ้า ม่านโลหิตโปรยปรายลงมาราวกับสายฝน ผู้คนจำนวนมากต้องล้มตายกลายเป็นซากศพ…
ท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยดวงดาวกว้างใหญ่เป็นเสมือนหลุมดำที่กลืนกินชีวิตผู้คน
ไม่ว่าจะเป็นศพของอสูร ศพของมนุษย์ ศพของปีศาจหรือศพของสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใดก็ตาม… นั่นคือสิ่งที่ทุกคนจะสามารถพบเห็นได้เมื่อเงยหน้ามองท้องฟ้าอันกว้างใหญ่
ที่นี่คือสนามรบ
สนามรบระหว่างดวงดาวที่อยู่ห่างออกมาจากกำแพงเมืองเขตเหนือของเมืองหลานเหนี่ยวเป็นระยะทางสามพันลี้
ที่นี่คือเมืองสุดท้ายในอาณาจักรซือเว่ยที่ยังคงอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์เทียนหลางเซิน
เป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของเผ่าพันธุ์มนุษย์
กองทัพเซียนกระบี่ประจำการอยู่ที่นี่ พวกเขาร่วมมือกับทหารจากราชวงศ์เทียนหลางเซิน ออกไปต่อสู้กับกองทัพอสูรอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
การต่อสู้ดำเนินไปได้ครึ่งวัน
เขตแนวป้องกันก็เริ่มย่นระยะเข้ามาเรื่อย ๆ ชีวิตของนายทหารต้องตกตายมากขึ้นเรื่อย ๆ
จำนวนกองทัพเรือเหาะก็ลดน้อยลงเช่นกัน
มีเรือเหาะถูกทำลายระหว่างการต่อสู้นับจำนวนไม่ถ้วน
มีกะลาสีเรือต้องถูกฆ่าตายนับจำนวนไม่ถ้วน
เผ่าพันธุ์มนุษย์เสียหายใหญ่หลวง
จำนวนผู้เสียชีวิตของพวกเขามีมากกว่าจำนวนผู้ตายของเผ่าพันธุ์อสูรนับสิบเท่า
บนเรือเหาะลำหนึ่งของกองทัพเซียนกระบี่ รองผู้บังคับการหน้าหยกหวังจงยืนโดดเด่นเป็นสง่าในชุดเสื้อคลุมสีแดง
พ่อบ้านเฒ่าที่เป็นเพียงชายชราขี้ประจบต่อหน้าหลินเป่ยเฉิน บัดนี้ เมื่อเขาสวมใส่ชุดเครื่องแบบนายทหาร หวังจงกลับมีสง่าราศีไม่ต่างไปจากกุนซือใหญ่ผู้น่าเกรงขาม
ราวกับเป็นคนละคน
สีหน้าของเขาเคร่งเครียดจริงจัง แต่เยือกเย็น มุมปากยกยิ้มเล็กน้อย ท่าทางสงบสุขุม ทำให้นายทหารรอบกายรู้สึกได้ถึงความปลอดภัยว่า ‘ทุกอย่างยังคงอยู่ในการควบคุม’
รองแม่ทัพใหญ่โจวเทียนอวิ๋นยืนอยู่ข้างกายหวังจง ด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายเช่นกัน
เขามองการสู้รบที่เบื้องหน้า ไม่ต่างจากมองเด็กน้อยกำลังทะเลาะกัน