เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1849 รับเป็นลูกศิษย์
ตอนที่ 1,849 รับเป็นลูกศิษย์
เมื่อลองคิดทบทวนดูดี ๆ อาจจะดูเหมือนหวังจงพูดอะไรออกมามากมาย แต่ในความเป็นจริงนั้น หวังจงไม่ได้เปิดเผยข้อมูลสำคัญใด ๆ เลย
และนั่นก็ไปกระตุ้นต่อมสงสัยในหัวใจของหลินเป่ยเฉินเข้าอย่างจัง
มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
เขาจะต้องค้นหาคำตอบให้ได้
เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืน เริ่มคิดไตร่ตรองว่าจะพาผู้ใดเดินทางไปยังอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์บ้าง
เขาสามารถเลือกพาคนสนิทไปด้วยได้เพียงสามคน
เยว่หงเซียงย่อมต้องเป็นหนึ่งในนั้น
เพราะว่าพวกเขาตกลงกันไว้ก่อนแล้ว
เหลือที่ว่างอีกสองตำแหน่ง หลินเป่ยเฉินย่อมยกที่ว่างหนึ่งในสองให้แก่เซียวปิง
อากวงนับว่าเป็นคนได้ไหมนะ?
ลูกบุญธรรมของมันอีก
เอาไปทั้งสองตัวเลยก็แล้วกัน
พวกมันเป็นสัตว์อสูร จึงไม่นับว่าเป็นมนุษย์
เหลือตำแหน่งสุดท้าย…
ในห้วงคิดของหลินเป่ยเฉินมีตัวเลือกผุดขึ้นมานับไม่ถ้วน
แต่ในที่สุด เขาก็เลือกฉู่เหิน
ไม่มีเหตุผลอื่นใด นอกจากแขนของอาจารย์ฉู่น่าจะเป็นประโยชน์ในยามวิกฤต
เมื่อคัดเลือกเรียบร้อย ก็เท่ากับว่าคณะเดินทางสู่อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของหลินเป่ยเฉินจะประกอบไปด้วยสามคนสองสัตว์อสูร ซึ่งก็คือเยว่หงเซียง เซียวปิง ฉู่เหิน อากวงและเจ้าเสือเสี่ยวหูลูกบุญธรรมของมัน
หลินเป่ยเฉินทบทวนแผนการอยู่ในใจ ก็รู้สึกว่าแผนการของตนเองสมบูรณ์แบบดีแล้ว
ต่อจากนี้ มีเรื่องให้ทำเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
เขารีบตรงไปยัง ‘สุสานกษัตริย์’ โดยทันที
…
สวนสมุนไพร
สวนสมุนไพรที่ตั้งอยู่ในสุสานกษัตริย์นั้นสร้างขึ้นมาโดยเซี่ยเต๋อจีและภายในสวนก็มีสมุนไพรหายากเป็นจำนวนมาก
ตำแหน่งที่ตั้งของสวนสมุนไพรคือเหตุผลหลักที่ทำให้นางเลือกสร้างสุสานขึ้นที่นี่
เพราะไม่มีสถานที่ใดจะสามารถปลูกสมุนไพรวิเศษได้งอกงามเท่านี้อีกแล้ว
“นายท่านเรียกหาข้าหรือขอรับ?”
อานมู่ซีกำลังยืนรดน้ำให้แก่ต้นสมุนไพรในสวนด้วยความขยันขันแข็ง
นักปรุงยาหนุ่มตื่นเต้นไม่ต่างจากกระต่ายน้อยที่ได้อยู่ในสวนผัก ดวงตาของเขาเป็นประกายระยิบระยับ นอกจากเวลาที่ต้องไปออกกำลังกายตามตารางฝึกของแอปพลิเคชัน Keep แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการกินดื่มหลับนอน สำหรับอานมู่ซีทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นอยู่ในสวนสมุนไพรแห่งนี้
สมุนไพรเจริญเติบโตงอกงาม
ต้นไม้ใบหญ้าพลิ้วไสวตามสายลม
กลิ่นสมุนไพรลอยอยู่ในอากาศ
อานมู่ซีไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้เลยว่าสถานที่แห่งนี้ยอดเยี่ยมเพียงใด
บัดนี้ เขานึกขอบคุณตนเองจริง ๆ ที่เลือกทำงานให้แก่หลินเป่ยเฉิน
นอกจากเขาจะได้มีโอกาสศึกษาสมุนไพรหายากชนิดต่าง ๆ แล้ว อานมู่ซียังได้มีโอกาสข้ามประตูมิติมาสู่โลกใบใหม่ โลกที่แตกต่างไปจากแผ่นดินตงเต้าโดยสิ้นเชิง อานมู่ซีไม่เก่งกาจวิชาต่อสู้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้ดีคือการหลอมโอสถและเมื่อพบกับสวนสมุนไพรอันใหญ่โตแห่งนี้ อานมู่ซีก็รู้สึกว่าชีวิตของตนเองไม่ต้องการสิ่งใดอีกแล้ว
“เหล่าอาน ท่านมากับข้าสักครู่ ข้าจะพาท่านไปกราบอาจารย์”
หลินเป่ยเฉินกล่าว “ไปกันเถอะ ข้าจะพาท่านไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์”
ดวงตาของอานมู่ซีเป็นประกายแวววาวขึ้นมาในทันใด “ไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์? ในอาณาจักรซือเว่ยมีนักปรุงยาด้วยหรือขอรับ? ช่างยอดเยี่ยมที่สุดเลย”
“นักปรุงยาที่ข้าจะพาท่านไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์นั้น เป็นผู้ที่ฝึกวิชาตามสายเลือดนักปรุงยา โอสถคืนวิญญาณที่ช่วยชุบชีวิตท่าน ก็เป็นอาจารย์ผู้นี้หลอมขึ้นมาเอง” หลินเป่ยเฉินกล่าวพร้อมกับยิ้มกว้าง “ประเด็นสำคัญก็คือ อาจารย์ท่านนี้นอกจากจะมีฝีมือในการหลอมสมุนไพรเป็นเลิศแล้ว เขายังเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุมือฉมังอีกด้วย”
“จริงหรือขอรับ?”
อานมู่ซียิ่งรับฟังก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น
หลินเป่ยเฉินตอบว่า “ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เขายังมีหลานสาวหน้าตางดงาม อายุประมาณ 14 – 15 ปี ช่วงขาของนางช่างเรียวงามยิ่งนัก… อะเหอ ๆ”
อานมู่ซีกะพริบตาปริบ ๆ
นั่นถือว่าเป็นความสามารถพิเศษด้วยหรือ?
แต่สำหรับอานมู่ซีไม่ว่าหลานสาวผู้นั้นจะงดงามเพียงใด แต่นางก็เทียบไม่ได้กับสมุนไพรวิเศษแม้แต่ต้นเดียว
คุณชายหลินของเขามีดีในทุกอย่าง ยกเว้นก็แต่เพียงบ้าตัณหาเกินไปนี่แหละ
นี่คุณชายหลินกำลังหลงใหลหญิงสาวคนใหม่อีกแล้วสินะ?
หลินเป่ยเฉินนำอานมู่ซีออกมาจากสุสานกษัตริย์ด้วยความแจ่มใส และไม่กี่ลมหายใจต่อมา พวกเขาก็มาปรากฏตัวขึ้นที่คฤหาสน์ลู่หลิว
“ท่านมาอีกแล้วหรือ?”
เมื่อเด็กสาวนักปรุงยาอาเฉียวเห็นหน้าหลินเป่ยเฉิน นางก็รีบปรี่เข้ามาทันทีไม่ต่างจากฉลามได้กลิ่นเลือด “คงหาข้ออ้างว่ามาพบท่านปู่ของข้าอีกแล้วใช่หรือไม่? เฮอะ ลูกไม้ตื้น ๆ เช่นนี้ ข้ามองออกตั้งแต่แรกแล้ว สำหรับข้านั้น…”
เพียะ!
หลินเป่ยเฉินยกมือตบหน้าผากเด็กสาวไปหนึ่งที
“นี่ไงหลานสาวที่ข้าเอ่ยถึง นางมีทุกอย่างดีหมดเลยนะ ในสายตาของข้า นางยังสามารถพัฒนาความสวยงามได้มากกว่านี้ ในอนาคต นางจะต้องเป็นยอดหญิงงามผู้หนึ่งอย่างแน่นอน”
หลินเป่ยเฉินกล่าว “แต่น่าเสียดายที่นางมีปัญหาทางสมอง”
อานมู่ซีพูดอะไรไม่ออก
นายท่าน พวกเราจะมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ท่านปู่ของนางนะ
แต่เพิ่งมาถึง ท่านก็ตบหน้าผากของหลานสาวชายชราเสียแล้ว มิหนำซ้ำ ยังพูดจาดูถูกดูแคลนอีกด้วย นี่เป็นเรื่องที่สมควรทำแล้วหรือ?
“ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างข้าจัดการได้”
หลินเป่ยเฉินกล่าวด้วยความมั่นใจ
พวกเขาเดินอ้อมไปทางด้านหลังคฤหาสน์ลู่หลิว และพบเข้ากับเฉินปี้หยางที่กำลังรีบเร่งเขียนตำรา หลังจากนั้น หลินเป่ยเฉินก็อธิบายเจตนาการมาหาของตนเอง
เฉินปี้หยางสำรวจมองอานมู่ซีขึ้น ๆ ลง ๆ หลายรอบ ชายชรารู้สึกถึงความเป็นนักปรุงยาชนิดเดียวกันได้อย่างชัดเจน
“นับว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ คู่ควรที่จะเป็นลูกศิษย์ของข้า”
เฉินปี้หยางลอบพยักหน้าเล็กน้อย
เขาสร้างบททดสอบขึ้นมาสำหรับอานมู่ซี และสหายของหลินเป่ยเฉินก็สามารถผ่านการทดสอบได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“ประเสริฐ ข้าขอรับตัวเจ้าเป็นลูกศิษย์ ณ บัดนี้”
เฉินปี้หยางกล่าวด้วยความดีใจ
มีผู้คนจำนวนมากอยากจะกราบไหว้เขาเป็นอาจารย์ แต่ไม่มีผู้ใดมีคุณสมบัติดีพอมาก่อน
คิดไม่ถึงเลยว่าสหายของหลินเป่ยเฉินผู้นี้ กลับเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติดีพร้อมในทุก ๆ ด้าน
“ตกลงว่ารับเป็นลูกศิษย์แล้วนะขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินอุทานออกมาด้วยความดีใจไม่แพ้กัน “เช่นนั้นทุกอย่างก็เรียบร้อยแล้ว”
เมื่อพูดคุยกันอีกเล็กน้อย หลินเป่ยเฉินก็ขอตัวลาจากมาในที่สุด
“นับจากวันนี้เป็นต้นไป เจ้าคือลูกศิษย์ของข้า”
ยิ่งเฉินปี้หยางมองไปที่อานมู่ซีมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกพึงพอใจมากเท่านั้น
อานมู่ซีเองก็มีความพอใจไม่แพ้กัน “เป็นอาจารย์หนึ่งวันเท่ากับเป็นบิดาตลอดชีวิต ศิษย์จะไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังเด็ดขาดขอรับ”
“ประเสริฐ ดีมาก” เฉินปี้หยางผงกศีรษะ “งั้นเจ้าเดินไปปิดประตูรั้วให้อาจารย์ด้วย”
อานมู่ซีเลิกคิ้วขึ้นสูง
ตกลงว่าชายชรารับเขามาเป็นลูกศิษย์หรือเป็นเด็กรับใช้กันแน่?