เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1851 ต่อแถว ณ ท่าเทียบเรือ
ตอนที่ 1,851 ต่อแถว ณ ท่าเทียบเรือ
หลินเป่ยเฉินหันมามองหน้าหลิงเฉินและเด็กสาวก็กล่าวต่อไปว่า
“ดาวเคราะห์ทั้งสามดวงนี้เป็นที่ตั้งของเมืองตงอวี้ เมืองเฟิงเว่ยและเมืองเว่ยไป๋ ทั้งหมดล้วนเป็นดินแดนที่เจ้าของดวงตาดวงนี้สร้างขึ้นมา ในจำนวนดาวเคราะห์เหล่านี้ เมืองเว่ยไป๋และเมืองเฟิงเว่ยจะแบ่งแยกออกเป็นสองส่วน ส่วนที่หันหน้ารับแสงสว่างของดวงอาทิตย์เป็นที่อยู่อาศัยของบรรดาคหบดีผู้ร่ำรวย เต็มไปด้วยทรัพยากรสำหรับการดำรงชีวิต เรียกได้ว่าเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยสำหรับชนชั้นสูงของอาณาจักรอี้จื่อก็ว่าได้”
“ส่วนด้านที่หันหน้าออกสู่ความเวิ้งว้างอันดำมืดนั้น เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของบรรดาคนยากจน ทาสรับใช้ โจรปล้นทรัพย์ อาชญากร ผู้ร้ายหลบหนีคดี มีสภาพความเป็นอยู่ยากลำบาก กล่าวได้ว่าด้านหนึ่งของตัวเมืองคือสวรรค์บนดิน ส่วนอีกด้านหนึ่งก็เป็นนรกบนดินแข่งกัน และสภาพของอาณาจักรอี้จื่อก็เป็นประมาณนี้เองเจ้าค่ะ”
“แล้วเมืองตงอวี้ล่ะ?”
หลินเป่ยเฉินถาม
“เมืองตงอวี้เป็นที่ตั้งของประตูขนส่ง ดาวเคราะห์ดวงนี้มีการสร้างค่ายอาคมอย่างแน่นหนาและการใช้งานประตูขนส่งในแต่ละครั้ง โดยเฉพาะการเปิดประตูขนส่งสำหรับผู้ที่เดินทางไกลจะทำให้ค่ายอาคมปลดปล่อยรังสีบางอย่างออกมาที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต แม้แต่ผู้ที่อยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิ ก็ยังได้รับบาดเจ็บหากถูกรังสีนั้นแผ่เข้าสู่ร่างกาย”
หลิงเฉินอธิบายด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว
“เมืองตงอวี้เป็นแหล่งรายได้สำคัญของราชวงศ์อี้จื่อ ไม่ว่าผู้ใดที่ต้องการใช้งานประตูขนส่งก็ต้องจ่ายค่าผ่านทางให้แก่พวกเขาทั้งสิ้น และด้วยเหตุผลนี้เอง พวกเขาจึงสามารถควบคุมข่าวสารจากอาณาจักรภายนอกได้อย่างง่ายดาย”
ให้ตายเถอะ นี่มันการทำธุรกิจแบบผูกขาดชัด ๆ
ไอ้พวกเผด็จการเอ๊ย!
เรือเหาะทะลวงคลื่นเข้าใกล้ท่าเทียบเรือมากขึ้นเรื่อย ๆ
หลังจากนั้นไม่นาน
องค์ชายหลิงหวงฉีก็ส่งคนมาตามตัวหลานสาวกลับไป โดยบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะปรึกษากับนาง
เพราะเขาทนเห็นหลานสาวของตนเองอยู่คู่กับหลินเป่ยเฉินไม่ได้จริง ๆ
หลิงเฉินจุมพิตลงบนหน้าผากของหลินเป่ยเฉินแผ่วเบา ทำเอาองครักษ์ที่ได้รับหน้าที่ให้มาตามตัวนางกลับไปใจหายใจคว่ำไม่ใช่เล่น
หลินเป่ยเฉินรู้สึกเย็นวาบบริเวณหน้าผาก เขายังคงนั่งอยู่บนดาดฟ้าเรือเหาะต่อไปคนเดียว ก่อนกวาดสายตามองรอบตัว
เขาเห็นเรือเหาะจำนวนมาก ทั้งลำใหญ่ลำเล็ก ทั้งลำเก่าลำใหม่ ทั้งหน้าตาปกติและหน้าตาแปลกประหลาด ต่างก็มาลอยลำต่อแถวกันยาวไกลสุดลูกหูลูกตา
หลินเป่ยเฉินรู้สึกมีความสุขขึ้นมาทันที
เคยมีนักปราชญ์ผู้หนึ่งกล่าวว่า ความสุขที่แท้จริงของการต่อคิวนั้น ไม่ได้อยู่ที่การใกล้ถึงคิวเรามากขึ้น แต่เป็นการที่มีผู้คนมาต่อแถวเข้าคิวถัดจากเราไปอีกมากมายต่างหาก
ขณะนี้ บรรดาเรือเหาะที่มาต่อแถวต่อจากเรือเหาะทะลวงคลื่นนั้นมีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน มองไปแทบไม่ต่างจากหางมังกรขนาดยักษ์
“เฮ้อ พูดถึงมังกรขึ้นมาก็…”
หลินเป่ยเฉินนึกถึงมังกรแดงที่เคยเป็นสัตว์เลี้ยงของท่านเจ้าสำนักม่วงมหากาฬขึ้นมาทันที
แม้ว่ามังกรแดงตัวนั้นจะแก่ชรามากแล้ว เขาสองข้างกลายเป็นสีซีดขาว เกล็ดก็หลุดลอกออกไปไม่น้อย แต่ถ้าได้นำมาขี่ก็น่าจะเท่ไม่หยอก อย่างน้อยก็น่าจะเท่กว่าการขี่เจ้าเสือเสี่ยวหู ลูกบุญธรรมของอากวงแน่ ๆ
หลินเป่ยเฉินรู้สึกว่าตนเองหลงใหลในมังกรเป็นพิเศษ
น่าเสียดายที่มังกรแดงตัวนั้นเลือกจะอยู่รับใช้เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิง ไม่ว่าหลินเป่ยเฉินจะพยายามล่อหลอกอย่างไร มังกรแดงก็ไม่ยอมติดตามเขา
หลินเป่ยเฉินคาดเดาเอาว่าเหตุผลแท้จริงที่เจ้ามังกรแดงเลือกติดตามเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงนั้น คงเป็นเพราะว่ามันเป็นมังกรเพศผู้ ดังนั้นมันจึงยินดีติดตามรับใช้นางไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ แทนที่จะมาเป็นสัตว์เลี้ยงของหลินเป่ยเฉิน แม้ว่าตัวมันเองจะไม่ได้ประโยชน์อันใดเลยก็ตาม
เมื่อความคิดดำเนินมาถึงตรงนี้ หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกขุ่นเคืองใจชอบกล เขาจึงส่งข้อความไปหาเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงผ่านทางแอปวีแชต
‘ท่านอยู่หรือไม่? ช่วยทุบตีมังกรแดงตัวนั้นให้ข้าที ขอบคุณ’
หลังจากนั้น เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงก็ส่งภาพถ่ายใบหน้าที่บวมปูดของมังกรแดงตอบกลับมา ‘จัดการให้เรียบร้อยแล้ว’
เชี่ย นี่นางทุบตีมันตามคำขอของเขาจริง ๆ เหรอเนี่ย!
‘พี่สาวคนสวย ข้ากำลังจะเดินทางผ่านประตูขนส่งในอีกไม่ช้า… ข้ากำลังจะไปสร้างชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ที่อาณาจักรภายนอก เมื่อข้าโด่งดังแล้ว ข้าจะสวมใส่ชุดเกราะทองคำและเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์กลับมาแต่งงานกับท่าน’
หลินเป่ยเฉินตอบข้อความกลับไปด้วยความพึงพอใจ
ก่อนหน้านี้ พวกเขาได้พูดคุยกันเรียบร้อยแล้ว
หลินเป่ยเฉินมอบโทรศัพท์มือถือเป็นของขวัญให้แก่เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิง
แต่นางไม่ยอมเดินทางไปกับเขา แม้ว่าหลินเป่ยเฉินจะพยายามอ้อนวอนเท่าไหร่ก็ตาม สุดท้าย นางก็เลือกที่จะอยู่ในเส้นทางหวังซินต่อไป เมื่อสัมผัสได้ถึงการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิง หลินเป่ยเฉินจึงไม่ได้พยายามโน้มน้าวใจนางอีก
บัดนี้ แผนการของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงก็คือการกำจัดกองทัพอสูรและโค่นล้มราชวงศ์อี้จื่อออกไปจากเส้นทางหวังซิน จากนั้นจึงค่อยทำการขยายอำนาจอย่างช้า ๆ
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป
แม้หลินเป่ยเฉินจะไม่เข้าใจเลยว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขาก็จะทำตามคำสาบานที่ให้ไว้ใต้แสงจันทร์เสมอ ไม่ว่านางคิดทำสิ่งใด เขาก็พร้อมที่จะสนับสนุนเต็มที่
และในขณะนี้ เมื่อมีโทรศัพท์มือถือและแอปวีแชต พวกเขาจึงสามารถติดต่อกันได้ตลอดเวลา
‘อู๋ไห่จือตี้บอกให้ข้าฝากข้อความถึงเจ้าด้วย…’
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงส่งข้อความมาอีกครั้ง
‘ข้อความอะไรหรือ?’
หลินเป่ยเฉินถามกลับไปด้วยความสงสัย
โอสถคืนวิญญาณห้าสิบเม็ดนั้น สามารถช่วยชุบชีวิตเทพเจ้าขึ้นมาได้หลายคน
ธิดาอู๋ไห่จือตี้ย่อมเป็นหนึ่งในนั้น
เมื่อถูกพาตัวมาอยู่ที่อาณาจักรซือเว่ย ธิดาอู๋ไห่จือตี้ก็พยายามจะเปิดตลาดค้าขายอาหารทะเล แต่สภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย นอกจากจะไม่มีวัตถุดิบแล้ว นางยังไม่มีลูกค้าอีกด้วย สุดท้าย ธิดาอู๋ไห่จือตี้ก็มีสถานะเป็นที่ปรึกษาคนสนิทของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงและพร้อมที่จะทำสงครามโค่นล้มราชวงศ์อี้จื่อไปด้วยกัน
‘นางบอกว่าเมื่อเจ้ากลับมาครั้งหน้า เจ้าจะสามารถ… อะฮิอะฮิ… กับนางได้แล้ว’
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงตอบกลับมาอย่างมีเลศนัย
หลินเป่ยเฉินใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที ‘เหลวไหล ข้าไม่ได้เป็นคนเช่นนั้นสักหน่อย… ให้นางมาบอกข้าเองก็แล้วกัน’
หลินเป่ยเฉินไม่ได้เลือกอัปเดตแอปเจิ้นอ้ายหว่าง ดูเหมือนน่าจะยังใช้งานได้อยู่ล่ะมั้งนะ?
แน่นอนว่าในอีกไม่กี่ลมหายใจต่อมา หลินเป่ยเฉินก็เปิดเข้าไปในแอปเจิ้นอ้ายหว่างและได้รับข้อความส่วนตัวจากธิดาอู๋ไห่จือตี้จริง ๆ
เด็กหนุ่มรีบเปิดเข้าไปดู
ให้ตายเถอะ
ปรากฏว่าเป็นรูปเซลฟี่รูปหนึ่ง
และยังคงเป็นรูปเซลฟี่จากด้านหลัง!