เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1860 กระบี่แตกสลาย
ตอนที่ 1,860 กระบี่แตกสลาย
เขาเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงสุด ตัวคนไม่ต่างจากวิญญาณภูตผี เพียงพริบตาเดียว ก็ไปถึงเรือเหาะติดปืนใหญ่ซึ่งลอยลำอยู่ห่างออกไปนับลี้
ด้วยพลังปราณที่แข็งแกร่งในปัจจุบัน หลินเป่ยเฉินจึงสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วราวกับสามารถวาร์ปได้อย่างไรอย่างนั้น
วูบ! วูบ! วูบ!
รังสีกระบี่สว่างไสว
บรรดาปืนใหญ่ที่อยู่บนเรือเหาะถูกกระบี่ฟันพังทลาย
“หยุดมันให้ได้”
บรรดาผู้คุ้มกันส่งเสียงร้องตะโกน
หลินเป่ยเฉินยกปืน AK47 ในมือซ้ายขึ้นและเหนี่ยวไกยิงโดยทันที
ลูกกระสุนพุ่งออกไปราวห่าฝน ชีวิตคนตกตายดั่งใบไม้ร่วง ร่างกายถูกลูกกระสุนระเบิดกระจาย กลายเป็นกองเนื้อกองหนึ่ง
พลังปราณในระดับจอมเทพจักราเมื่อสูบฉีดเข้าไปเป็นลูกกระสุนปืน พลังทำลายล้างของมันก็เพิ่มขึ้นทวีคูณ แม้แต่ผู้ที่อยู่ในขั้นจอมเทพจักราด้วยกันก็ไม่อาจต้านทานได้
ในยามนี้ หลินเป่ยอยู่ในสถานะเฉินบ้าคลั่งโดยสมบูรณ์ เพียงพริบตาเดียว เรือเหาะที่ติดปืนใหญ่ถึงสี่ลำก็ถูกทำลายหมดสิ้น
บนหอสังเกตการณ์ที่อยู่ห่างออกไป ชายวัยกลางคนร่างบึกบึนยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับด้วยความอำมหิต เขาจ้องมองการต่อสู้นองเลือดที่เกิดขึ้นด้วยความพอใจ “หึ ๆ นี่สินะปราณกระบี่คงกระพันในตำนาน? นับเป็นวิชาที่แปลกประหลาดยิ่งนัก แต่ก็ทรงพลังยิ่งนักเช่นกัน… กระบี่เล่มนั้นก็น่าจะเป็นของโบราณ นี่คืออาวุธคู่กายของเขาใช่หรือไม่? ผู้ที่มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ย่อมพกพาของวิเศษมาแต่ไหนแต่ไร… จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะมีของดีอยู่กับตัวเช่นนี้”
ชายวัยกลางคนร่างกำยำแซ่กู่เฝ้ามองการต่อสู้ของหลินเป่ยเฉินด้วยความสนอกสนใจ
แววตาของเขาไม่ต่างจากแววตาหมาป่าที่กำลังจ้องมองเหยื่อของตนเอง
เขารู้ข้อมูลเกี่ยวกับหลินเป่ยเฉินทั้งหมดแล้ว
แต่เขาก็ยังอยากเห็นด้วยตาของตนเองอยู่ดี
ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับผู้ที่มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนจะประมาทไม่ได้เด็ดขาด
ผ่านไปสิบลมหายใจ หลินเป่ยเฉินก็สามารถจัดการเรือเหาะติดปืนใหญ่ได้หมดสิ้น
นั่นคือเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับผู้ที่มีพลังอยู่ในขอบเขตเดียวกัน แต่สำหรับหลินเป่ยเฉิน นี่เป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่งนัก… เพราะเขาไม่จำเป็นต้องป้องกันตนเอง เด็กหนุ่มเพียงบุกโจมตีและทำลายล้างทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่มีผู้ใดสามารถขัดขวางเขาได้อีกต่อไปและรูปแบบการต่อสู้ของหลินเป่ยเฉินก็มีความสูงล้ำเกินคาดเดา ส่งผลให้บรรดาผู้คุ้มกันจากหอการค้าไท้กู่กลายเป็นเพียงเด็กทารกที่ต้องรับมือกับยักษ์ใหญ่กระหายเลือด
การระดมยิงปืนใหญ่ยุติลง
หวังเฟิงหลิวและลูกสมุนที่ยืนอยู่ห่างออกมาเริ่มลดความกดดันลง
พวกเขาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
นับว่านายน้อยซ่อนเร้นความแข็งแกร่งเอาไว้ได้อย่างแนบเนียนจริง ๆ
หวังเฟิงหลิวทั้งตกตะลึงและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน
นี่สินะตัวตนที่แท้จริงของนายน้อย
นี่เองคงเป็นเหตุผลที่ทำให้นายท่านหวังจงไม่ยอมแสดงฝีมือออกมา
ดูเหมือนนายท่านหวังจงจะเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของนายน้อยหลินเป่ยเฉินอยู่พอสมควร และนายท่านหวังจงก็คิดจะใช้สถานการณ์กดดันเช่นนี้ ขัดเกลาฝีมือของนายน้อยให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
“นายท่านขอรับ รีบกลับมาที่นี่เถอะ… พวกเรารีบหนีกันก่อนดีกว่า”
หวังเฟิงหลิวโบกมือตะโกนเรียกจากระยะไกล
หลินเป่ยเฉินจัดการฆ่าฟันคนของหอการค้าไท้กู่ชุดสุดท้ายอย่างไม่ลังเล กำลังจะพุ่งกายเป็นลำแสงกลับมารวมตัวกับพวกของหวังเฟิงหลิวอีกครั้ง
แต่ทันใดนั้น สัญชาตญาณก็แจ้งเตือนถึงอันตราย
แสงสว่างปรากฏขึ้นเบื้องหน้าวูบวาบ
แล้วหลินเป่ยเฉินก็พบเห็นชายวัยกลางคนร่างกำยำผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาราวกับเป็นวิญญาณภูตผี
“เจ้ายังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
ชายวัยกลางคนแซ่กู่ร้องตะโกน
ชายวัยกลางคนผู้นี้สวมใส่เพียงเสื้อคลุมธรรมดา ไม่มีชุดเกราะ ผมสีเหลืองอ่อนยาวสยายหงิกงอ ดวงตาเป็นสีเขียวเข้ม ผิวขาวเนียน ขนบนลำตัวเป็นสีน้ำตาล มืออันหยาบกร้านเอื้อมเข้ามาหาหลินเป่ยเฉิน
หลินเป่ยเฉินยกกระบี่ขึ้นฟันตามสัญชาตญาณ
เคร้ง!
แต่เมื่อกระบี่ฆ่าวาฬของเขากระทบถูกแขนของชายผู้นี้ สะเก็ดไฟก็สาดกระจาย ไม่ต่างจากคมกระบี่ฟันเข้าใส่ทองแดงเหล็กกล้า
นี่มันอะไรกัน?
หลินเป่ยเฉินหยุดชะงัก
กระบี่ฆ่าวาฬมีความคมในชนิดที่สามารถฟันได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ต่อให้เป็นอาวุธวิเศษระดับสูงก็ยังถูกทำลายมานับไม่ถ้วน นับประสาอะไรกับแขนของมนุษย์ผู้หนึ่ง?
แต่ยังไม่ทันที่หลินเป่ยเฉินจะได้ทำอะไรต่อจากนั้น มือของชายวัยกลางคนแซ่กู่ก็คว้าจับกระบี่ของหลินเป่ยเฉินก่อนกระชากอย่างแรง
หลินเป่ยเฉินแทบสูญเสียการทรงตัว
นับเป็นเรี่ยวแรงมหาศาลยิ่งนัก
หลินเป่ยเฉินตระหนักชัดว่าตนเองกำลังพบกับยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง
เด็กหนุ่มทราบดีว่าจุดแข็งของตนเองคือร่างกายที่แข็งแกร่ง ก่อนจะตามด้วยวิชากระบี่
แต่เห็นได้ชัดว่าผิวหนังและกล้ามเนื้อของชายวัยกลางคนผู้นี้ น่าจะมีความแข็งแกร่งมากกว่าร่างกายของเขาเสียอีก
จอมเทพจักราตอนปลาย?
ความคิดนั้นปรากฏขึ้นมาในห้วงภวังค์ หลินเป่ยเฉินส่งเสียงครางแหบต่ำและลำคอ ก่อนจะรวบรวมพลังปราณสุดแรงเกิด
ทันใดนั้น คลื่นอากาศก็ปั่นป่วนโดยที่มีร่างของเด็กหนุ่มเป็นจุดศูนย์กลาง พลังปราณไหลรินลงสู่กระบี่ฆ่าวาฬ เขาต้องการกระชากกระบี่กลับคืนมาเพราะไม่อยากจะพ่ายแพ้ให้แก่คู่ต่อสู้ผู้นี้
หลินเป่ยเฉินจะมาพ่ายแพ้เยี่ยงนี้ได้อย่างไร?
“ฮ่า ๆๆ…”
ชายวัยกลางคนระเบิดเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนาน มือของเขาจับปลายกระบี่ฆ่าวาฬและกระตุกมันเล็กน้อย “เมื่อเปรียบเทียบพละกำลังกันแล้ว เจ้าก็ยังสู้ข้าไม่ได้อยู่ดี… ปล่อยมือซะ”
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแตกร้าว ทันใดนั้น กระบี่ฆ่าวาฬก็แตกสลายกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
กระบี่ฆ่าวาฬถูกทำลายลงแล้ว
โชคดีที่พลังวิญญาณของหลินเป่ยเฉินไม่ได้ฝังอยู่ในกระบี่ ดังนั้น เขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างที่ควรจะเป็น
แต่ถึงกระนั้น หลินเป่ยเฉินก็ยังรู้สึกได้ถึงคลื่นพลังที่วิ่งเข้ามายังแขนขวาของตนเอง รู้ตัวอีกที โลหิตก็สาดกระจาย แล้วเขาก็ไม่สามารถถือด้ามจับกระบี่ได้อีกต่อไป
คลื่นพลังอันแปลกประหลาดนั้นทำให้ร่างกายซีกขวาของเขาชาดิกและหลินเป่ยเฉินก็เกือบจะหมดสติลงไป
“นี่มันพลังอะไรกันเนี่ย?”
หลินเป่ยเฉินเบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อ
ชายวัยกลางคนผู้นี้เป็นศัตรูที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่หลินเป่ยเฉินเคยพบเจอมาในชีวิตนี้
หลินเป่ยเฉินรู้สึกได้ถึงอันตรายที่แท้จริง
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
เขายกปืน AK47 ในมือซ้ายขึ้นกราดยิงอย่างบ้าคลั่ง
ลูกกระสุนลำแสงพุ่งเข้าใส่ใบหน้าของชายวัยกลางคนพร้อมด้วยพลังทำลายล้างหนักหน่วง
แต่ลมหายใจต่อมา ภาพที่ทำให้หลินเป่ยเฉินตกตะลึงและอธิบายไม่ได้ก็บังเกิดขึ้น
ลูกกระสุนที่มีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นถึงมองเห็นกระเด็นกระดอนกลับออกมาจากใบหน้าของชายวัยกลางคน
ลูกกระสุนลำแสงไม่สามารถเจาะทะลวงผิวหนังของอีกฝ่ายได้
ไม่แม้แต่จะทิ้งริ้วรอยไว้บนใบหน้าของชายวัยกลางคนด้วยซ้ำ
ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็ได้พบกับคนที่มีหนังหน้าหนามากกว่าตนเองแล้ว!!