เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1864 สถานที่หลบภัย
ตอนที่ 1,864 สถานที่หลบภัย
กู่โจวพิศวงงุนงง ดวงตาสีเขียวสาดลำแสงออกมาไม่ต่างจากไฟฉายสองดวงที่กำลังกราดส่องค้นหาเป้าหมายรอบบริเวณ
ยังคงไม่พบร่องรอยของหลินเป่ยเฉินและพรรคพวก
เป็นไปได้อย่างไร?
การที่หลินเป่ยเฉินสามารถหลบหนีออกไปจากกรงขังไฟได้สำเร็จนั้น เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ แต่คนอื่น ๆ เล่า?
เขาสามารถพาคนอื่น ๆ หลบหนีไปได้อย่างไร
กู่โจวไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตนเองกำลังพบเจอ ร่างกายย่อขนาดลงมาจนมีลำตัวเท่ากับตอนปกติ แสงสว่างจากดวงตาดับวูบลง เสื้อคลุมสีเทาห่อหุ้มร่างกายที่เปลือยเปล่า
กู่โจวยื่นมือออกมาข้างหน้า บนฝ่ามือของเขาเป็นวัตถุที่มีลักษณะคล้ายกับเข็มทิศ
เมื่อโคจรพลังปราณลงไป
เข็มแหลมบนหน้าปัดก็เริ่มหมุนวน
แต่สุดท้าย เข็มทิศวิเศษก็ยังไม่สามารถระบุได้อยู่ดีว่าหลินเป่ยเฉินนั้นอยู่ที่ใดกันแน่
“เข็มทิศส่องฟ้าถูกสร้างขึ้นมาเพื่อค้นหาผู้ที่มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะ แต่มันก็ยังตรวจจับไม่พบเบาะแสของหลินเป่ยเฉินอีกหรือนี่…”
กู่โจวมีสีหน้าประหลาดใจอย่างชัดเจน
ในขณะนี้ มีความเป็นไปได้อยู่สองอย่าง
อย่างแรก หลินเป่ยเฉินได้หลบหนีออกไปจากที่นี่แล้วจริง ๆ
อย่างน้อยก็หลบหนีไปไกลหลายพันลี้
แต่หลินเป่ยเฉินสามารถหลบหนีไปได้อย่างไร?
ความเป็นไปได้อย่างที่สอง หลินเป่ยเฉินยังคงซ่อนตัวอยู่บริเวณนี้ แต่มีวิธีการบางอย่างที่ทำให้ผู้คนมองไม่เห็นและสามารถหลบหนีการตรวจจับของเข็มทิศส่องฟ้าได้สำเร็จ
“ใต้เท้าขอรับ ใต้เท้า…”
โจวต้าเฟิงรีบเดินเข้ามาหาพร้อมกับถามว่า “หลินเป่ยเฉินผู้เป็นสายลับของเผ่าพันธุ์ปีศาจ ไม่ทราบว่าใต้เท้ากำจัดทิ้งไปแล้วใช่หรือไม่?”
ก่อนหน้านี้ สิ่งที่ทุกคนเห็นก็คือพวกของหลินเป่ยเฉินถูกกักขังอยู่ในกรงขังไฟ แล้วอยู่ดี ๆ กลุ่มคนเหล่านั้นก็หายตัวไป พวกของโจวต้าเฟิงจึงเข้าใจว่าคณะของหลินเป่ยเฉินได้ถูกสังหารเรียบร้อยแล้ว
กู่โจวส่ายศีรษะก่อนจะตอบว่า “หลบหนีไปแล้ว”
หลบหนีไปแล้วหรือ?
โจวต้าเฟิงหัวใจกระตุกวูบ
จบสิ้นแล้ว จบสิ้นแล้วจริง ๆ!
ความหวาดกลัวพุ่งขึ้นมาในจิตใจ
จอมวายร้ายอย่างหลินเป่ยเฉินสามารถหลบหนีไปได้สำเร็จ เด็กหนุ่มผู้นั้นต้องกลับมาแก้แค้นเป็นแน่แท้ แล้วโจวต้าเฟิงจะรอดพ้นความตายได้อย่างไร?
“วางใจเถอะ ข้าจะไม่ไปไหนจนกว่าจะสามารถจับพวกมันได้สำเร็จ”
กู่โจวเริ่มคิดวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทุกอย่างโดยละเอียด
เขามั่นใจว่าหลินเป่ยเฉินต้องหลบซ่อนอยู่ที่นี่ เพียงแต่ไม่มีใครมองเห็นเท่านั้น หรือถ้าหลินเป่ยเฉินสามารถหลบหนีไปได้จริง ๆ ก็คงหนีไปได้ไม่ไกลนัก
ตราบใดที่ส่งกำลังคนออกไปค้นหาอย่างหนัก
ก็จะต้องพบเจอตัวอย่างแน่นอน
“สั่งให้คนของเราออกค้นหาทั่วเส้นทางแถบนี้ หลินเป่ยเฉินหมดพลังต่อสู้ ขอแค่พบตัวมันเท่านั้น ผู้ที่มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักราก็สามารถจัดการหลินเป่ยเฉินได้แล้ว”
กู่โจวเก็บเข็มทิศส่องฟ้าและกล่าวออกมาช้า ๆ ว่า “ไม่ว่าผู้ใดสามารถจับตัวหลินเป่ยเฉินได้สำเร็จ ไม่ว่าจะจับเป็นหรือจับตาย ขอแค่นำตัวหลินเป่ยเฉินกลับมาให้ข้าได้เท่านั้น ข้าจะมีรางวัลมอบให้กับคนผู้นั้นเป็นเงินหนึ่งล้านตำลึงทอง และอาวุธเล่นแร่แปรธาตุระดับ 50 อีกหนึ่งชิ้น รวมไปถึงคัมภีร์ฝึกยุทธ์สำหรับผู้ที่อยู่ในขั้นจอมเทพจักราโดยเฉพาะอีกด้วย”
โจวต้าเฟิงทราบดีว่าตนเองกระโดดลงเรือลำนี้แล้ว ก็ไม่มีทางคิดเปลี่ยนใจได้อีกต่อไป เพราะฉะนั้น เขาจึงกัดฟันรับคำสั่งด้วยความเคียดแค้น “ใต้เท้าไม่ต้องเป็นกังวล ข้าน้อยจะไปปฏิบัติตามคำสั่งเดี๋ยวนี้”
แต่หลังจากหยุดชะงักเล็กน้อย สีหน้าของชายฉกรรจ์ก็ปรากฏความลังเลขึ้นมาวูบหนึ่ง “แต่ว่าหลินเป่ยเฉินอยู่ภายใต้การคุ้มกันของกองโจรกระบี่อมตะ พวกเขามีอำนาจอยู่ในมือไม่น้อย ด้วยกำลังคนของหอการค้าไท้กู่ เราคงไม่สามารถไปมีเรื่องกับพวกเขาได้ขอรับ…”
“วางใจเถอะ เรื่องนั้นเดี๋ยวข้าจัดการเอง”
กู่โจวให้คำมั่นสัญญาและเรียกตัวผู้ติดตามที่เชื่อใจได้ของตนเองออกมาสองคน “นี่คือนักล่าโลหิต เจิ้งตั่วถง และสามกระบี่ทลายดารา โจวเจี๋ยอวี่ นับจากนี้ไป พวกเจ้าต้องทำตามคำสั่งของโจวต้าเฟิง…”
นี่ทำให้โจวต้าเฟิงดีใจเป็นอย่างยิ่ง
ยอดฝีมือทั้งสองคนนี้มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักราตอนปลาย
เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่มีเรื่องให้ต้องเป็นกังวลอีกต่อไป
เขาจะใช้โอกาสนี้ถอนรากถอนโคนกองโจรกระบี่อวตารออกไปจากกลุ่มพันธมิตรโกลาหลให้สิ้นซาก
“ทุกคนรีบออกไปกระจายคำสั่ง เริ่มต้นค้นหาผู้ที่ติดต่อกับเรือเหาะทะลวงคลื่น ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาให้จับตัวมาทรมานและรีดข้อมูลมาให้ได้… ผู้ใดขัดขืนให้ฆ่าทิ้งได้ทันที ห้ามปล่อยหนีรอดไปเด็ดขาด”
โจวต้าเฟิงหันกลับไปประกาศคำสั่งต่อลูกสมุนของตนเองด้วยความดุดัน
ในไม่ช้า บริเวณเส้นทางขนส่งที่ควบคุมโดยกลุ่มพันธมิตรโกลาหลก็เริ่มเกิดความโกลาหลขึ้นมาจริง ๆ
การค้นหาและการต่อสู้อุบัติขึ้นทุกหนทุกแห่ง
โลหิตไหลนองแต่งแต้มผืนฟ้าสีดำทมิฬ ห้วงอวกาศในขณะนี้มีแต่บรรยากาศของความน่าสะอิดสะเอียน
กลุ่มกองโจรกระบี่อวตารถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงและเป็นครั้งแรกที่พวกเขาต้องล่าถอยไปหาที่ซ่อนตัว
กู่โจวจ้องมองห้วงอวกาศอันกว้างใหญ่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“หลินเป่ยเฉิน เจ้าเดรัจฉานน้อย หนีได้ก็หนีไปเถอะ ข้าก็สามารถจับเจ้าได้เช่นกัน…”
“เพียงแต่ไม่ทราบเลยว่าเหล่าหนงที่ไปจัดการเรือเหาะขององค์หญิงไข่มุกขาวนั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง? แต่ก็คงไม่น่ามีอะไรผิดแผนหรอกกระมัง?”
“ยิ่งไปกว่านั้น ในครั้งนี้เผ่ามนุษย์ทะเลทรายของพวกเราก็เตรียมการมาเป็นอย่างดี”
กู่โจวยืนพูดอยู่กับตนเองบนดาดฟ้าเรือเหาะ
…
แผ่นดินตงเต้า
จักรวรรดิเป่ยไห่
เมืองหยุนเมิ่ง
แสงสว่างเป็นประกายระยิบระยับ
เงาร่างของผู้คนกลุ่มหนึ่งร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าและกระแทกเข้ากับสนามหญ้าของจวนสกุลหลินอย่างแรง
“เกิดอะไรขึ้น?”
หวังเฟิงหลิวไม่ทราบเลยว่าเกิดอะไรขึ้น เขารู้สึกเพียงมีแสงสว่างสาดส่องขึ้นที่เบื้องหน้า แล้วตนเองก็เหมือนกับถูกดูดเข้าไปในอุโมงค์อะไรบางอย่าง ตลอดเวลาเหล่านั้นหวังเฟิงหลิวรู้สึกไม่ต่างจากปลาที่ขึ้นมาอยู่เหนือน้ำ หายใจไม่ออก เรี่ยวแรงหดหาย ตอนที่ตกกระแทกพื้น เขาก็เอาใบหน้าลงก่อน บัดนี้ ในปากและจมูกจึงเต็มไปด้วยเศษดินเศษฝุ่น
หวังเฟิงหลิวพยายามลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบากเพื่อกวาดสายตามองรอบตัว
พลั่ก!
ทันใดนั้น ด้ามกระบี่ก็ทุบใส่ต้นคอของเขา
“โอ๊ย…”
หวังเฟิงหลิวส่งเสียงร้องครางออกมาก่อนที่ดวงตาจะเหลือกลานและล้มลงหมดสติไปบนพื้นดิน
ผู้คุ้มกันจากกองโจรกระบี่อวตารอีกหกคนก็มีชะตากรรมไม่ต่างกัน พวกเขาไม่ทราบเลยว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงลุกขึ้นยืนเท่านั้น สติก็ดับวูบลงโดยทันที
และบุคคลที่ลงมือโจมตีพวกเขาก็คือหลินเป่ยเฉินเอง
ยอดฝีมือเหล่านี้เป็นคนแปลกหน้าสำหรับแผ่นดินตงเต้า ร่างกายจำเป็นต้องใช้เวลาปรับตัวกับสถานที่หลบภัยแห่งใหม่ ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ทั้งเจ็ดคนนี้ตื่นตระหนก หลินเป่ยเฉินจึงต้องทำให้พวกเขาหมดสติลงไปก่อน
และนี่ก็เพื่อป้องกันไม่ให้คนทั้งเจ็ดรู้เรื่องราวเกี่ยวกับแผ่นดินตงเต้ามากเกินไปด้วย