เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1869 ข้าคือหลินเป่ยเฉิน
ตอนที่ 1,869 ข้าคือหลินเป่ยเฉิน
“นายท่านขอรับ นี่คือผู้ที่เข้ามาแจ้งเบาะแสให้แก่พวกเรา”
พ่อบ้านประจำเรือธงของหอการค้าไท้กู่เดินมาพร้อมกับชายชราร่างผอมผู้หนึ่ง “คนผู้นี้มีนามว่ายั่วหลง เขาเป็นหัวหน้าพ่อครัวประจำเรือเหาะซื่อเหยียนและเป็นผู้ค้นพบที่หลบซ่อนตัวของพวกเฟิงซิงอวิ๋น ซึ่งเขาก็ไม่ลังเลที่จะมาแจ้งให้พวกเรารู้โดยทันทีขอรับ…”
“ข้าน้อยทำความเคารพผู้จัดการโจว”
ยั่วหลงรีบนำพาร่างอันผอมบางเหมือนท่อนไม้ตายซากของตนเองมาแสดงความเคารพต่อโจวต้าเฟิง แม้ภายนอกจะมีลักษณะเป็นชายชราที่ดูใสซื่อจริงใจ แต่โดยเนื้อแท้นั้น ยั่วหลงจัดว่าเป็นจอมเจ้าเล่ห์ผู้หนึ่ง
สำหรับผู้ฝึกยุทธ์นั้น เมื่อฝึกวิชาไปได้ถึงระดับหนึ่ง อาหารการกินก็เป็นเรื่องสำคัญมาก อาหารไม่ใช่เป็นเพียงอาหารอีกต่อไป แต่อาหารคือยาบำรุงกำลังชนิดหนึ่ง อาหารคือสิ่งที่จะช่วยเสริมสร้างพลังปราณภายในร่างกาย
เพราะฉะนั้น พ่อครัวจึงมีหน้าที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากจะต้องทำให้อาหารมีหน้าตาน่ารับประทานแล้ว เขายังต้องปรุงอาหารให้ออกมามีคุณค่าต่อการฝึกพลังยุทธ์อีกด้วย
โจวต้าเฟิงเป็นผู้หนึ่งที่ประทับใจในฝีมือการทำอาหารของยั่วหลง
โดยเฉพาะเนื้อมังกรทอดผัดตับวิหคเพลิง ซึ่งเป็นอาหารที่โจวต้าเฟิงจะต้องสั่งมารับประทานทุก ๆ สิบวัน
“วางใจเถอะ เจ้าต้องได้รับรางวัลอย่างแน่นอน”
โจวต้าเฟิงโบกมือให้แก่ยั่วหลง สายตายังคงมองหาอะไรบางอย่างในกลุ่มคน
เขากำลังมองหาหลินเป่ยเฉิน
แต่แล้วชายฉกรรจ์ก็ต้องผิดหวัง
เพราะไม่มีหลินเป่ยเฉิน
ทันใดนั้น กู่โจวก็ส่งเสียงพูดขึ้นมาว่า “เจ้ามีนามว่ายั่วหลงใช่หรือไม่? หากข้าเดาไม่ผิด เจ้าเองก็มาจากกองโจรกระบี่อวตารเหมือนกันสินะ?”
สีหน้าของยั่วหลงเปลี่ยนแปลงไปในทันที เขารีบคุกเข่าลง โขกศีรษะคำนับ พลางกล่าวว่า “กราบเรียนใต้เท้ากู่ ผู้ต่ำต้อยไม่ใช่คนจากกองโจรกระบี่อวตาร แต่ผู้ต่ำต้อยเป็นสหายกับเฟิงซิงอวิ๋น พวกเรารู้จักกันมานานแล้ว…”
“ดังนั้น เจ้าก็เลยแอบช่วยเหลือพวกมันเข้ามาซ่อนตัวอยู่ในเรือเหาะซื่อเหยียนใช่หรือไม่?”
กู่โจวถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
ยั่วหลงหัวใจเต้นระรัว เขารู้สึกว่ากู่โจวสามารถอ่านความคิดของตนเองได้อย่างทะลุปรุโปร่งจึงรีบกล่าวตอบไปโดยเร็ว “เป็นผู้ต่ำต้อยแอบพาพวกเขาเข้ามาซ่อนตัวในเรือเหาะลำนี้จริง ๆ แต่ผู้ต่ำต้อยไม่ได้ช่วยเหลือพวกเขานะขอรับ ผู้ต่ำต้อยกำลังช่วยเหลือใต้เท้าอยู่ต่างหาก ผู้ต่ำต้อยพยายามรวบรวมพวกเขาให้มารวมตัวอยู่ด้วยกัน เพื่อที่ใต้เท้าจะได้จับกุมตัวได้โดยสะดวกไงล่ะขอรับ”
กู่โจวส่ายศีรษะและกล่าวว่า “เจ้ามันเจ้าเล่ห์มากเกินไป เจ้าหวังเอาเงินรางวัลต่างหาก”
ยั่วหลงรู้สึกว่าปากของตนเองแห้งผาก ไม่สามารถกล่าวอะไรออกมาได้อีก ดังนั้นเขาจึงต้องก้มหน้ายอมรับชะตากรรม
“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ว่าผู้ใดก็อยากได้เงินทั้งนั้น”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของกู่โจว “งั้นเจ้าช่วยบอกข้าหน่อยสิว่าเด็กหนุ่มที่ชื่อหลินเป่ยเฉินซ่อนตัวอยู่ที่ใด”
“ผู้ต่ำต้อย…”
ยั่วหลงกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา
“ยั่วหลง!!!”
ในกลุ่มคนที่ถูกต้อนอยู่บนดาดฟ้าเรือ เฟิงซิงอวิ๋นระเบิดเสียงคำรามออกมาอย่างแข็งกร้าวว่า “อย่าลืมสิว่าตอนที่เจ้าเดินทางออกมาจากประตูขนส่งและเผชิญหน้ากับพวกโจรสลัดอวกาศ เป็นผู้ใดช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้? เป็นผู้ใดช่วยชีวิตบิดามารดาภรรยาและบุตรสาวของเจ้า?”
สีหน้าของยั่วหลงแปรเปลี่ยนไปทันที
ในอดีต ตอนที่ครอบครัวของเขาอพยพจากดินแดนบ้านเกิดมาสู่เส้นทางขนส่งที่ปกครองโดยกลุ่มพันธมิตรโกลาหล พวกเขาเผชิญหน้ากับอันตรายและเกือบจะต้องตายยกครัว แต่โชคดีที่เฟิงซิงอวิ๋นพร้อมด้วยกลุ่มกองโจรกระบี่อวตารได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือทันเวลา
ยั่วหลงสาบานว่าจะตอบแทนบุญคุณของเฟิงซิงอวิ๋นและพรรคพวกเมื่อตนเองสามารถกระทำได้
แต่คำสาบานนั้นไม่มีค่าเลยเมื่อเทียบกับเงินจำนวนมหาศาล
หลายวันก่อน เขาได้แอบช่วยเหลือพวกของเฟิงซิงอวิ๋นเข้ามาหลบซ่อนอยู่ใต้ท้องเรือเหาะซื่อเหยียน นี่เท่ากับเป็นการตอบแทนบุญคุณในอดีตและนี่ก็เป็นแผนการที่ชาญฉลาดยิ่งนัก ไม่มีผู้ใดจะสามารถตามหาตัวพวกของเฟิงซิงอวิ๋นได้พบอีกแล้ว
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ยั่วหลงก็ได้เห็นว่าผู้ที่ช่วยเหลือกลุ่มคนจากกองโจรกระบี่อวตารหลบหนีต้องพบกับความตายอย่างน่าอนาถใจ ความกลัวที่เกาะกินจิตใจของเขาก็เริ่มเพิ่มขึ้นในทุกวัน และเมื่อรวมเข้ากับเงินรางวัลที่ล่อตาล่อใจ สุดท้าย ยั่วหลงก็ตัดสินใจหักหลังสหายของตนเอง
“เฟิงซิงอวิ๋น เรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าไม่สามารถช่วยเหลือท่านได้หรอก”
ยั่วหลงหันกลับไป กล่าวแก้ต่างให้แก่ตนเอง “อีกไม่ช้า พวกท่านก็ต้องถูกพบตัวอยู่ดี กองโจรกระบี่อวตารล่มสลายแล้ว ให้ข้าส่งตัวพวกท่านรับเงินรางวัลเถอะ หลังจากพวกท่านตายแล้ว เดี๋ยวข้าจะตั้งโต๊ะหมู่บูชานำอาหารอร่อย ๆ มาจุดธูปเซ่นไหว้ให้แก่พวกท่านเอง”
“เจ้ายังเป็นมนุษย์อยู่อีกหรือไม่?”
“เดรัจฉาน”
“สุนัขขี้ขลาด”
บรรดายอดฝีมือของกองโจรกระบี่อวตารพร้อมใจกันตะโกนก่นด่าออกมา
บัดนี้ ยั่วหลงมีจิตใจหนักแน่นมั่นคง เขาหันกลับมาประสานมือคำนับกู่โจวและกล่าวว่า “กราบเรียนใต้เท้ากู่ ผู้ต่ำต้อยสังเกตพบว่าตลอดหลายวันที่ผ่านมา พวกของเฟิงซิงอวิ๋นดูแลคนผู้หนึ่งดีเป็นพิเศษ ผู้ต่ำต้อยคิดว่าคนผู้นั้นต้องเป็นหลินเป่ยเฉินปลอมตัวมาแน่นอนขอรับ”
“หืม?”
กู่โจวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ “เป็นคนไหนหรือ?”
“เป็นข้าเอง”
เสียงตะโกนด้วยความโกรธแค้นดังขึ้น
ผู้ที่ก้าวออกมาข้างหน้าเป็นเด็กหนุ่มอายุประมาณ 18-19 ปีผู้หนึ่ง
“ไม่ใช่ เป็นข้าต่างหาก”
ชายชราผมขาวเดินออกมา
“ฮ่า ๆๆ ไม่ใช่ท่านปู่คนนั้นหรอก แต่เป็นข้าต่างหาก”
“ไม่ใช่พวกเขา แต่เป็นข้า”
“ข้าคือหลินเป่ยเฉิน”
ผู้คนจำนวนมากพร้อมใจกันก้าวออกมาข้างหน้า
พวกเขาต่างก็ยอมรับว่าตนเองเป็นหลินเป่ยเฉินปลอมตัวมา
กู่โจวหัวเราะเยาะ “พวกตัวโง่เง่า ลูกไม้ตื้น ๆ เช่นนี้คิดว่าจะหลอกลวงข้าได้อย่างนั้นหรือ?”
เพียงกวาดสายตามองแวบเดียว กู่โจวก็สามารถบอกได้แล้วว่าผู้ใดเป็นยอดฝีมือที่แท้จริง
บรรดาผู้คนที่ก้าวเดินออกมานั้น เป็นเพียงมดปลวกต่ำต้อย
เป็นเพียงสุนัขข้างถนนกล้าดีอย่างไรถึงอ้างตนเป็นมังกร?
“ฮ่า ๆๆ”
จังหวะนั้น เสียงหัวเราะที่ราบเรียบดังขึ้น แล้วชายชราร่างอ้วนก็เดินลูบเคราสามแฉกของตนเองออกมาข้างหน้าพร้อมกับกล่าวว่า “แล้วถ้าเป็นข้าล่ะ?”
เป็นหวังจง
ตลอดหลายวันที่ผ่านมา เขาซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มคนใต้ท้องเรือ
กู่โจวหยุดชะงัก ดวงตาสีเขียวเป็นประกายระยิบระยับ และสิ่งที่น่าตกตะลึงก็คือ เขาไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าคนผู้นี้มีขั้นพลังอยู่ในระดับใด
“เจ้าซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มคนจริง ๆ”
กู่โจวร้องอุทานออกมาด้วยความดีใจ
สำหรับบุคคลที่ทำให้เขาไม่สามารถตรวจสอบขั้นพลังได้ หากไม่ใช่หลินเป่ยเฉินแล้ว ยังจะเป็นผู้ใดได้อีก?
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุไฉนเข็มทิศส่องฟ้าถึงหาตัวหลินเป่ยเฉินไม่เจอ นั่นเป็นเพราะว่าเด็กหนุ่มมีวิชาการปลอมตัวที่ร้ายกาจมากเกินไป
แต่สุดท้ายก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี
“จงคุกเข่ายอมแพ้ซะ แล้วข้าจะปล่อยตัวทุกคนไป”
กู่โจวยิ้มมุมปากและกล่าวต่อ “อย่าได้ทดสอบความอดทนของข้า หากเจ้ากล้าขัดคำสั่งข้า ผู้คนบนดาดฟ้าเรือจะต้องตายทั้งหมด”
จากข้อมูลที่เขาได้รับทราบมานั้น แม้ภายนอกหลินเป่ยเฉินจะเป็นบุคคลสมองเสื่อม ลุ่มหลงในตัณหาราคะและทรัพย์สินเงินทอง แต่ในความเป็นจริง หลินเป่ยเฉินมีความห่วงใยต่อผู้ติดตามของตนเองเป็นอย่างยิ่ง และเด็กหนุ่มก็มักจะยอมเสี่ยงอันตรายเพื่อปกป้องคนเหล่านั้นอยู่เสมอ