เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1880 ผู้เข้าสอบชิน
ตอนที่ 1,880 ผู้เข้าสอบชิน
หลินเป่ยเฉินลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ตอบตกลง “ได้เลยขอรับ”
ชายชราผมขาวพยายามซ่อนเร้นความตื่นเต้นเอาไว้ให้ได้มากที่สุด
เรื่องราวต่อจากนี้ก็ง่ายดายขึ้นแล้ว
“พี่เจียง สหายเฉียว คุณชายปู้ ข้าคงต้องขอตัวก่อน”
หลินเป่ยเฉินหันมาประสานมือคำนับให้กับกลุ่มคนที่กำลังยืนตกตะลึงก่อนจะเดินตามหลังฟางซื่อหลี่ไปพร้อมกับเยว่หงเซียง
ฟางซื่อหลี่ก้าวเท้าเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าว ทันใดนั้น เขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหันกลับมาที่กลุ่มคนซึ่งยืนอยู่บริเวณหน้าทางเข้าหอคัมภีร์ ก่อนจะโบกแขนเสื้อวูบและกล่าวว่า “จงลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ไปให้หมด”
คลื่นพลังที่แปลกประหลาดแผ่กระจายปกคลุมผู้คนที่ยืนอยู่ในบริเวณนั้นราวกับเป็นสายลมที่พัดผ่านมา
แล้วทันใดนั้นเอง ทุกคนก็มีสีหน้าประหลาดใจ พวกเขาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาและอดสงสัยไม่ได้ว่า ‘ตนเองกำลังโค้งคำนับให้แก่ผู้ใด?’
เมื่อสักครู่นี้เหมือนจะมีบางอย่างเกิดขึ้น
แต่พวกเขาก็จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
มีเพียงแต่พวกของเจียงเฉา เจียงหนาน ปู้ชิวเหริน เฉียวปี้อี๋และตงอู่ตี๋เท่านั้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการลบความทรงจำของท่านอาจารย์ฟางซื่อหลี่ ดังนั้นพวกเขาจึงยังจดจำทุกอย่างได้เป็นอย่างดี
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เจียงเฉามีสีหน้าตกตะลึงยิ่งนัก
สรรพเสียงรอบกายกลับคืนมาอีกครั้ง
ผู้คนเริ่มกลับมาพูดคุยกันราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่เจียงเฉายังจำได้อย่างชัดเจนว่าตนเองเห็นท่านอาจารย์ฟางซื่อหลี่ผู้สูงส่งประพฤติตนต่อเฉินเป่ยหลินราวกับเป็นบ่าวรับใช้ก็ไม่ปาน
…ตกลงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“ท่านพี่ เมื่อสักครู่นี้อาจารย์…”
เจียงหนานส่งเสียงถามอย่างตะกุกตะกัก
เจียงเฉาค่อย ๆ สูดลมหายใจและถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดว่า “เจ้าบอกมาตามความจริง เฉินเป่ยหลินผู้นี้เป็นใครกันแน่?”
เจียงหนานและพรรคพวกหันขวับไปมองทางกลุ่มคนของปู้ชิวเหริน
ปู้ชิวเหรินลังเลเล็กน้อย แต่ก็ตอบว่า “สหายเฉิน… เป็นผู้ที่ข้าบังเอิญพบเจอระหว่างทาง ข้าไม่รู้ความเป็นมาของเขาหรอก เขาบอกว่าตนเองเป็นเพียงผู้ที่ผ่านทางมาเท่านั้น และเขาก็อยากมารับชมการประกาศผลสอบเพื่อความตื่นเต้น… ไม่ทราบว่ามีอะไรผิดปกติหรือขอรับ?”
“มันก็ต้องผิดปกติอยู่แล้ว”
เจียงเฉาตอบกลับมาโดยเร็ว แม้ภายนอกเขาจะมีบุคลิกสุภาพเรียบร้อย แต่ในความเป็นจริงนั้น เจียงเฉามีความเจ้าเล่ห์และสามารถประเมินผู้คนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง “ผู้อาวุโสที่มีสถานะเป็นถึงรองอาจารย์ใหญ่แสดงความเคารพต่อเขาถึงเพียงนี้ นี่ย่อมแสดงว่าเฉินเป่ยหลินมีพื้นเพไม่ธรรมดา แม้แต่ขุนนางระดับสูงของสภาศักดิ์สิทธิ์ยามมาเยือนสำนักศึกษาฉิวจื่อก็ยังไม่ได้รับการต้อนรับอย่างอ่อนน้อมถึงเพียงนี้ อีกไม่นาน เขาคงต้องกลายเป็นศิษย์อัจฉริยะประจำสำนักเป็นแน่แท้… ดีไม่ดีอาจจะเป็นศิษย์สายตรงของอาจารย์ใหญ่เลยก็ได้”
เมื่อเจียงหนาน ปู้ชิวเหริน ตงอู่ตี๋และเฉียวปี้อี๋ได้ยินคำตอบเช่นนั้น พวกเขาก็ตกตะลึงจนพูดคำใดไม่ออกอีกแล้ว
เฉินเป่ยหลินมีสถานะไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ
ดวงตาของเฉียวปี้อี๋ยิ่งเป็นประกายระยิบระยับมากกว่าเดิม
ให้ตายเถอะ นอกจากคุณชายเฉินจะมีหน้าตาหล่อเหลาแล้ว เขายังมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดาอีกด้วย… ในโลกนี้ยังมีผู้ใดสมบูรณ์แบบมากไปกว่านี้อีกหรือ?
ช่างน่าเสียดาย…
เมื่อความคิดดำเนินมาถึงตรงนี้ นางก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย
เพราะเมื่อตอนที่เฉินเป่ยหลินเดินจากไปนั้น เขาไม่ได้ชำเลืองมองมาทางนางเลยสักนิด
“คุณชายเฉินท่านนี้เป็นคนไม่ธรรมดา จงหาโอกาสผูกมิตรกับเขาเอาไว้ให้ดีเถอะ ครั้งหน้าที่ได้พบกัน จงทำตัวสุภาพอ่อนน้อมกับเขา แม้เป็นมิตรกับเขาไม่ได้ ก็จงอย่าไปก่อกวนเขาจนกลายเป็นศัตรูกันเด็ดขาด”
เจียงเฉาเป็นบุรุษหนุ่มที่เข้าใจโลกเป็นอย่างดีและเคยเห็นเรื่องราวต่าง ๆ มามากมาย ดังนั้นเขาจึงเตือนกลุ่มน้องชายเพื่อเรียกสติ ก่อนที่ตนเองจะหมุนตัวเดินจากไป
ปู้ชิวเหรินกับเฉียวปี้อี๋และชาวคณะได้แต่หันมามองหน้ากันไปมาด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย
เมื่อปู้ชิวเหรินนึกถึงเรื่องการผูกมิตรกับเฉินเป่ยหลิน เขาก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาทันที โชคดีที่ก่อนหน้านี้เขาทำตัวสุภาพอ่อนน้อมและแสดงความเป็นมิตรกับคุณชายเฉินมาโดยตลอด
ในเวลาเดียวกันนี้ ปู้ชิวเหรินก็เริ่มเกิดการคาดหวังในหัวใจว่า การที่เขาเป็นฝ่ายเริ่มทำดีกับเฉินเป่ยหลินก่อนผู้ใด ก็มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะกลายเป็นสหายสนิทกันในไม่ช้า
…
เขตบ้านพักด้านหลังหอคัมภีร์ค้ำฟ้า
จวนรับรองสำหรับแขกระดับสูง
“ที่แท้อาจารย์ฟางก็มีความสัมพันธ์อันดีงามกับกองโจรกระบี่อวตารนี่เองสินะขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินสอบถามด้วยความเหลือเชื่อ “ไม่ต้องสงสัยเลย… ดูเหมือนตอนที่ข้าตัดสินใจว่าจ้างกองโจรกระบี่อวตารให้คอยดูแลความปลอดภัย นั่นจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้วจริง ๆ”
ในขณะนี้ ความตื่นเต้นยังคงไม่สลายหายไปจากหัวใจของฟางซื่อหลี่
เขารอคอยวันนี้มานานแล้ว
ชายชราเคยคิดด้วยซ้ำว่าตนเองอาจจะต้องตายเสียก่อนที่วันนี้จะมาถึง
“เราผู้เฒ่ากับผู้ก่อตั้งกองโจรกระบี่อวตารมีความสัมพันธ์อันดีเสมอมา”
ฟางซื่อหลี่ยิ้มกว้างและกล่าวต่อ “ในอาณาเขตของหอคัมภีร์ค้ำฟ้า เราจะมีบ้านพักที่ถูกกันเอาไว้ให้คนของกองโจรกระบี่อวตารโดยเฉพาะ เรื่องนี้ไม่เคยเปิดเผยต่อผู้ใดมาก่อน คุณชายหลินสามารถอยู่ที่นี่ได้ตามสบาย หากต้องการสิ่งใดเพิ่มเติม ก็สามารถบอกต่อเราผู้เฒ่าได้ทันที”
หลินเป่ยเฉินโบกไม้โบกมือด้วยความเกรงอกเกรงใจ “อาจารย์ฟางต้อนรับพวกเราดีเกินไปแล้ว ข้าไม่ได้วางแผนมาพักที่นี่หรอกขอรับ พอดีมีเรื่องอื่นที่ข้าต้องไปกระทำ เดี๋ยวอีกไม่กี่วันก็ต้องออกเดินทางกันแล้ว”
ฟางซื่อหลี่มีสีหน้าเศร้าสลดขึ้นมาในพริบตา
หลินเป่ยเฉินกล่าวต่อไปอีกครั้งว่า “อ้อ จริงด้วยสิ คือว่าสหายของข้าอยากจะขอยืมตำราเกี่ยวกับการสร้างค่ายอาคมของสำนักศึกษาของพวกท่านสักหน่อย ไม่ทราบว่า…”
“ได้สิ ได้เลย ไม่มีปัญหา”
ฟางซื่อหลี่ตอบรับโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด “หากนักศึกษาเยว่อยากเข้าสำนักของเรา เราผู้เฒ่าก็จะทำเรื่องบรรจุศิษย์ให้เป็นกรณีพิเศษ แต่หากนักศึกษาเยว่เพียงต้องการขอยืมตำราไปทำความเข้าใจในเรื่องของการสร้างค่ายอาคม เราผู้เฒ่าก็จะให้คนจัดหามาให้ หากอ่านแล้วไม่ชอบใจ ก็สามารถนำมาคืนได้ทุกเมื่อ”
หลินเป่ยเฉินกับเยว่หงเซียงหันมองหน้ากัน
สมแล้วที่สำนักศึกษาฉิวจื่อเป็นสำนักศึกษาอันดับหนึ่งของสายเลือดผู้เยียวยา พวกเขาช่างส่งเสริมการค้นหาความรู้ของคนรุ่นหลังได้อย่างดีเยี่ยมจริง ๆ
นี่คือความหวังของมวลมนุษยชาติอย่างแท้จริง!
ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินก็นึกขึ้นมาได้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงที่ทำให้ตนเองมาที่นี่ และเขาก็ถือโอกาสนี้ถามไปว่า “ยังมีอีกเรื่องหนึ่งขอรับ พอดีข้าน้อยมีสหายผู้หนึ่งนามว่าชินเหลียนเซิน นางน่าจะเข้าร่วมการสอบประจำปีนี้ของสำนักศึกษาท่านเช่นกัน ไม่ทราบว่าอาจารย์ฟางช่วยตรวจสอบให้ได้หรือไม่ว่านางได้เข้าร่วมการสอบหรือไม่?”
ฟางซื่อหลี่แสดงสีหน้าแปลกประหลาดออกมาโดยทันที “ผู้เข้าสอบชินเป็นสหายของคุณชายหลินเองหรือ?”
หลินเป่ยเฉินหัวใจกระตุกวูบ รีบถามว่า “ฟังจากคำถามของอาจารย์ฟางแล้ว ท่านคงรู้จักสหายชินของข้ากระมัง?”
ฟางซื่อหลี่ยิ้มร่า ก่อนจะตอบว่า “บัดนี้ ผู้เข้าสอบชินอยู่ในเมืองของเรา ไม่มีผู้ใดที่จะไม่รู้จักนาง ผู้เข้าสอบชินมีชื่อเสียงโด่งดังมาก คาดว่านางน่าจะมีชื่อเป็นหนึ่งในสามผู้เข้าสอบที่ทำคะแนนได้สูงสุดประจำปีนี้”
หลินเป่ยเฉินยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
สมแล้วที่เป็นนักพรตหญิงชินของเขา
ไม่ว่านางอยู่ที่ใดก็มักจะมีความโดดเด่นมากกว่าผู้อื่นเสมอ
เป็นดอกไม้งามที่สามารถบานสะพรั่งได้ในทุกสภาพแวดล้อม
“แต่ว่า…”
ฟางซื่อหลี่ส่งเสียงกล่าวต่อ “ผู้เข้าสอบชินมีภาพลักษณ์ไม่ดีนัก นางกลายเป็นศัตรูของผู้คนจำนวนมาก และหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เส้นทางข้างหน้าของนางคงยากลำบากมากแล้ว”