เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1885 ต้องฆ่า
ตอนที่ 1,885 ต้องฆ่า
ลำแสงกระบี่ที่พุ่งผ่านอากาศธาตุไปนั้นเห็นชัด ๆ ว่ากำลังจะพุ่งเข้าไปหาบัณฑิตสาวผู้หนึ่ง แต่ทันใดนั้น ลำแสงกระบี่ก็สลายหายไปกับสายลม
บัณฑิตสาวผู้นั้นรู้สึกได้ว่าเส้นผมของตนเองปลิวไสว นางต้องการจะส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความตื่นกลัว แต่ผู้ที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ได้ยกมือขึ้นมาปิดปากนางเอาไว้เสียก่อน ด้วยกลัวว่าเสียงกรีดร้องของนางนั้นจะไปดึงดูดความสนใจของหลินเป่ยเฉินเข้า
ในขณะนี้ ลำแสงกระบี่ได้พุ่งออกมาเป็นครั้งที่สาม
หลินเป่ยเฉินไม่มีทางปล่อยให้หลี่กวงซูหนีรอดอีกแล้ว
“อย่านะ…”
หลี่กวงซูร่ำร้องออกมาด้วยความหมดหวัง
การใช้คาถาเคลื่อนย้ายกายหลบหนีภัยนั้นในแต่ละครั้งต้องสูญเสียพลังไปไม่น้อย
บัดนี้ เขาไม่เหลือพลังอีกแล้ว
ลำแสงกระบี่กำลังจะพุ่งทะลวงเข้าใส่หว่างคิ้วของหลี่กวงซู
หลี่กวงซูสัมผัสได้ถึงความตายที่คืบคลานเข้ามา
แต่ในจังหวะนั้นเอง…
“ช่างอำมหิตยิ่งนัก”
เสียงของสตรีผู้หนึ่งดังขึ้นจากระยะไกล “เปลี่ยนวิถีภัยคุกคาม!”
เสียงคำรามร่ายคาถาดังตามมา
แล้วในพริบตานั้น ลำแสงกระบี่ก็หายวับไป และเมื่อลำแสงกระบี่ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง มันก็เปลี่ยนวิถีกลายเป็นพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและกลืนหายไปในกลีบเมฆ
ทุกคนรู้สึกเหมือนเห็นแสงสว่างพร่างพรายปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า
แล้วเงาร่างหลายสายก็ปรากฏขึ้นในวัดร้าง ยืนหยัดอยู่ด้านหน้าหลี่กวงซู
ผู้ที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดเป็นหญิงสาวร่างสูงเรือนร่างเย้ายวนใจ ดึงดูดสายตาให้ผู้คนจ้องมองราวกับต้องมนต์สะกด
นี่ย่อมเป็นมู่หรงเทียนและคณะผู้ติดตามซึ่งเคยพบเจอพวกของหลินเป่ยเฉินหน้าจวนที่พักของ ‘หอคัมภีร์ค้ำฟ้า’ นั่นเอง
และผู้ที่ลงมือช่วยเหลือผู้คนในครั้งนี้ย่อมต้องเป็นมู่หรงเทียนแห่งสำนักไทปิง
หลินเป่ยเฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย
พลังกดดันคุกคามผู้คนแผ่กระจายในอากาศ
“คุณชายท่านนี้”
มู่หรงเทียนประสานมือก้มศีรษะกล่าวด้วยความนอบน้อม “ได้โปรดยั้งมือไว้ไมตรีด้วย”
“เจ้าอยากจะช่วยเขาอย่างนั้นหรือ?”
ดวงตาของหลินเป่ยเฉินเป็นประกายเย็นชา มุมปากยกตัวเป็นรอยยิ้มเหยียดหยาม “หรือว่าเจ้าอยากเป็นศัตรูกับข้า?”
เมื่อมู่หรงเทียนได้รับคำตอบเช่นนั้น หัวใจของนางก็กระตุกวูบขึ้นมาทันที
นางรีบอธิบายโดยเร็วว่า “กราบเรียนคุณชายผู้สูงส่ง หลี่กวงซูมีตัวตนไม่ธรรมดา เขาเป็นถึงน้องชายของหลี่กวงอวี้ หัวหน้าศิษย์จากสำนักตงหลิน หากท่านสังหารคนผู้นี้ นั่นเท่ากับท่านจะเป็นศัตรูกับหลี่กวงอวี้และผู้คนจากสำนักตงหลินทั้งสำนัก และเมื่อถึงตอนนั้น คุณชายจะไม่สามารถอาศัยอยู่ในอาณาจักรเล่ยฉื่อได้อีกแล้ว”
หลี่กวงซูซึ่งนั่งตื่นตระหนกอยู่ด้านหลังรีบหอบหายใจตะโกนว่า “ถูกแล้ว เจ้ากล้าทำร้ายข้าเพื่อปกป้องนางแพศยาผู้หนึ่ง… เจ้าเด็กน้อย เจ้าเดือดร้อนแน่ สำนักตงหลินเราจะไม่ปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด เจ้ารอคอยความตายได้เลย”
“หุบปากของเจ้าเดี๋ยวนี้”
มู่หรงเทียนหันกลับมาตวาดใส่
เจ้าคนโง่เขลาผู้นี้กำลังจะทำลายสำนักตงหลินโดยไม่รู้ตัว
นอกจากโง่เขลาแล้วยังเลวทรามต่ำช้าอีกด้วย
ในเวลาเช่นนี้ ยังจะกล้าไปยั่วโมโหฝ่ายตรงข้ามอีก
มู่หรงเทียนหันกลับมามองหลินเป่ยเฉินและกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า “คุณชายได้โปรดลองคิดดูให้ดีเถอะ”
“ต่อให้ข้าต้องเป็นศัตรูกับคนของสำนักตงหลินแล้วจะเป็นอย่างไร? ฮ่า ๆๆ…”
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะเหยียดหยาม
“เจ้าไม่เข้าใจหรอก สำนักตงหลินในสายตาของข้านั้นไม่มีคุณค่าอันใดแม้แต่น้อย”
มู่หรงเทียนรู้สึกเพียงแต่ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ช่างหยิ่งผยองและทรงพลัง เขาเป็นคนที่นางไม่เคยพบเจอมาก่อน หมอยาสาวจึงรีบกล่าวต่อไปว่า “หากคุณชายสังหารหลี่กวงซู นั่นก็เท่ากับเป็นการสร้างความโกลาหลในอาณาจักรเล่ยฉื่อแล้ว… ข้าไม่ทราบหรอกว่าพวกท่านมีปัญหาอะไรกัน แต่เพื่อความสงบสุขของส่วนรวม ข้าจะสั่งให้คุณชายหลี่ขออภัยพวกท่าน พวกเราอย่าทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่เลยนะเจ้าคะ ถึงอย่างไร พวกเราก็เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์เหมือนกัน รักใคร่ปรองดองกันไว้คงดีที่สุดแล้ว”
“นี่เจ้ากำลังสั่งสอนข้าอยู่หรือ?”
หลินเป่ยเฉินตอบกลับไปเสียงเรียบ “อย่าคิดว่าเจ้ามีหน้าตางดงามแล้วข้าจะต้องหลงเสน่ห์ของเจ้านะ เจ้าเองก็ไม่มีค่าในสายตาของข้าเช่นกัน… ข้าจะให้เวลาเจ้าสามลมหายใจ หลีกทางไปซะ”
มู่หรงเทียนเป็นถึงศิษย์อัจฉริยะจากสำนักศึกษาชั้นนำ นางอุตส่าห์เกลี้ยกล่อมหลินเป่ยเฉินดี ๆ ตั้งหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ถูกเขาตอกหน้ากลับมา ในหัวใจจึงอดเกิดโทสะขึ้นมาไม่ได้ น้ำเสียงที่พูดต่อมาจึงแข็งกระด้างขึ้นเล็กน้อย “เหตุใดคุณชายจึงต้องกระทำรุนแรงเช่นนี้ด้วย”
“ถอยไปซะ”
หลินเป่ยเฉินก้าวเดินออกมาข้างหน้า พร้อมกับมวลพลังกดดันหนักหน่วง
มวลอากาศทั้งด้านในและด้านนอกวัดร้างเกิดความปั่นป่วนราวกับพายุทะเลคลั่ง
“ข้าคงปล่อยให้ท่านทำเรื่องเช่นนั้นไม่ได้”
มู่หรงเทียนกระซิบแผ่วเบา “สะกดคลื่นลมพายุ”
แว่วเสียงผู้คนสวดมนต์ดังขึ้น
แล้วความปั่นป่วนในอากาศก็ยุติลงโดยทันที
“คุณชายได้โปรดใจเย็นก่อน”
มู่หรงเทียนยืนขวางหน้าด้วยความมุ่งมั่น
“ผู้ที่ขวางทางข้าต้องตายเสมอ”
หลินเป่ยเฉินเปิดเผยจิตสังหารของตนเองอย่างไร้ความเมตตา
หากวันนี้เขามาช้าเกินกว่านี้ เกรงว่านักพรตหญิงชินคงได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว
และผู้คนที่ต้องการรังแกนักพรตหญิงชินจะต้องตายไปให้หมด
วันนี้ ต่อให้ฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย เขาก็ต้องฆ่าหลี่กวงซูให้ได้
หลินเป่ยเฉินยกมือและเหวี่ยงหมัดออกไปข้างหน้า
พวกเขาได้ยินเสียงมังกรคำรามดังออกมาจากพลังหมัดของเด็กหนุ่ม
“ภูผาปักหลัก!”
ผมสีดำของมู่หรงเทียนปลิวไสวไปด้านหลัง เช่นเดียวกับชายเสื้อของนาง
เสียงที่เหมือนคนกำลังเปิดตำราอย่างเร่งร้อนอยู่รอบกายดังขึ้น
ทันใดนั้น ลำแสงก็ปกคลุมร่างกายของมู่หรงเทียนและด้านหลังของหญิงสาวก็ปรากฏภาพมายาของภูเขาลูกหนึ่งตั้งตระหง่าน ภูเขาลูกนั้นปลดปล่อยพลังออกมาคุ้มกันมู่หรงเทียนทำให้นางสามารถยืนหยัดอยู่กับที่ได้อย่างหนักแน่นและมั่นคง
มู่หรงเทียนมีสถานะเป็นหัวหน้าศิษย์จากสำนักไทปิง ไม่ว่าจะเป็นความรู้ความสามารถหรือประสบการณ์ต่อสู้ นางย่อมแข็งแกร่งมากกว่าหลี่กวงซูไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า
สมแล้วที่เป็นหมอยาหญิงผู้โด่งดัง
แต่ว่า…
ในลมหายใจต่อมานั้นเอง…
ตู้ม!
หมัดของหลินเป่ยเฉินก็กระแทกเข้าใส่ม่านพลังของนาง
ร่างของมู่หรงเทียนสั่นเทา ใบหน้าอันงดงามปรากฏเส้นเลือดสีแดงขึ้นปูดโปน แล้วในพริบตาต่อมานั้นเอง ภาพมายาของภูเขาใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลังของนางก็พังถล่มลงไปกับตา
“ฟู่…”
มู่หรงเทียนกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่ ตัวคนลอยกระเด็นออกไปไม่ต่างจากว่าวที่สายป่านขาด
“ศิษย์พี่มู่หรง”
“แย่แล้ว พวกเรารีบช่วยคนก่อน”
เกิดความวุ่นวายขึ้นในพริบตา
และร่างของหลินเป่ยเฉินก็มาปรากฏอยู่ข้างกายหลี่กวงซูเรียบร้อยแล้ว
“เจ้า…”
หลี่กวงซูตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
ยังไม่ทันได้พูดคำใดต่อ
กร๊อบ!
หลินเป่ยเฉินก็จับเขาหักคอโดยทันที!