เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1886 ไม่ได้ล้อเล่น
ตอนที่ 1,886 ไม่ได้ล้อเล่น
ทุกอย่างหยุดชะงักอยู่กับที่
ทุกคนจ้องมองศพที่อยู่ในมือของหลินเป่ยเฉินด้วยความตกตะลึง
หลี่กวงซูตายแล้ว!
ถูกฆ่าตาย!!
กลุ่มบัณฑิตรู้ว่านี่หมายถึงสิ่งใดและทันใดนั้น พวกเขาก็รู้สึกหนังหัวชายิบ
หลี่กวงซูผู้เป็นน้องชายของหัวหน้ากลุ่มลูกศิษย์ประจำสำนักตงหลิน หนึ่งในผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นศิษย์อัจฉริยะต้องมาเสียชีวิตอยู่ที่ภูเขาเหวินเต้า
นี่ไม่ต่างจากมีอุกกาบาตตกลงไปในทะเลสาบที่เงียบสงบ
“ศิษย์พี่…”
“นี่เจ้าฆ่าเขาหรือ?”
“เร็วเข้า รีบไปตามท่านหัวหน้ามา”
“รีบไปแจ้งให้อาจารย์รับทราบเดี๋ยวนี้”
ใบหน้าของกลุ่มบัณฑิตจากสำนักตงหลินซีดขาว ก่อนที่พวกเขาจะหมุนตัววิ่งออกไป
ฝูงชนผงะถอยหลัง
พวกเขาตั้งใจมารับชมความตื่นเต้น แต่กลับได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน
“เจ้าไม่รอดแน่”
มู่หรงเทียนใบหน้าขาวซีดเพราะอาการบาดเจ็บ ดวงตาจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยความโกรธแค้น “เจ้าฆ่าคนของสำนักตงหลิน มีผู้ใดไม่ทราบบ้างว่าในอาณาจักรเล่ยฉื่อ สำนักตงหลินมีขุมกำลังแข็งแกร่งเพียงใด… เจ้า… เจ้าไม่มีทางอธิบายกับพวกเขาได้อีกแล้ว”
“อธิบายอย่างนั้นหรือ?”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะเยาะเหยียดหยาม โยนร่างไร้วิญญาณของหลี่กวงซูทิ้งไปด้านข้างเหมือนเศษขยะชิ้นหนึ่ง “สำนักตงหลินต่างหากที่เป็นฝ่ายต้องอธิบายกับข้า”
มู่หรงเทียนหยุดชะงัก
นางรีบกินโอสถรักษาอาการบาดเจ็บและฟื้นฟูพลังโดยเร็ว
สุดท้าย มู่หรงเทียนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเศร้า “ข้าไม่ทราบหรอกนะว่าเจ้าเป็นผู้ใดมาจากไหน หรือเจ้ามีไพ่ตายใดอยู่ในมือ แต่ข้าสามารถบอกเจ้าได้อย่างหนึ่งว่า… เจ้าไม่มีทางสู้กับสำนักตงหลินได้เด็ดขาด ผู้ใดก็ตามที่สังหารผู้คนของสำนักตงหลิน ผู้นั้นจะต้องพบกับจุดจบที่น่าอนาถใจ ให้ตายเถอะ… นี่ต้องเรียกว่าเป็นเจ้าไม่รับฟังคำแนะนำจากข้าและหาทางทำลายชีวิตด้วยมือของเจ้าเองแท้ ๆ”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ หมอยาหญิงก็หยุดชะงักเล็กน้อย “และเจ้าก็ทำลายชีวิตของชินเหลียนเซินด้วยเช่นกัน หากก่อนหน้านี้ นางยังพอมีความหวังริบหรี่ว่าสำนักศึกษาฉิวจื่อจะรับนางเป็นลูกศิษย์ แต่บัดนี้ ความหวังของนางได้พังทลายลงแล้ว ดีไม่ดีนางอาจจะไม่รอดชีวิตเลยด้วยซ้ำ… พวกเจ้าอาจจะหลบหนีได้ แต่สุดท้าย พวกเจ้าก็คงหนีไม่รอดอยู่ดี”
“พูดมากน่ารำคาญเหลือเกิน”
หลินเป่ยเฉินกล่าวสวนกลับไปด้วยความเบื่อหน่าย “เหตุผลที่ข้ายังไม่ฆ่าเจ้า ก็เป็นเพราะเจ้าไม่ได้อยู่ร่วมในการรังแกแม่นางชิน... รีบไสหัวไปซะ”
“นี่เจ้า…”
มู่หรงเทียนซึ่งปกติมักจะเย็นชาต่อทุกสิ่งบัดนี้กลับคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น “เหตุการณ์ดำเนินมาถึงขั้นนี้ เจ้ายังพูดจาอวดดีได้อยู่อีกหรือ?”
“ข้าบอกให้เจ้าไสหัวไปไง”
หลินเป่ยเฉินไม่ได้สุภาพอ่อนน้อมต่อหัวหน้ากลุ่มลูกศิษย์จากสำนักไทปิงเลยแม้แต่น้อย “หากข้าต้องพูดอีกครั้ง ข้าจะฆ่าเจ้าแล้ว”
มู่หรงเทียนแทบจะบ้าคลั่ง
เด็กหนุ่มผู้นี้ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย
เขาไม่เห็นความงามของนางอยู่ในสายตาเลยสักนิด
ถึงอย่างไร มู่หรงเทียนก็เป็นสตรีที่งดงามผู้หนึ่ง
นางมั่นใจในรูปลักษณ์ของตนเองอยู่เสมอ
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ทราบเลยว่ามีอัจฉริยะทั่วอาณาจักรเล่ยฉื่อมากมายเพียงใดต้องการจะได้หัวใจของนางไปครอบครอง
แต่เด็กหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้ นอกจากไม่ยอมรับความหวังดีของนางแล้ว ยังตอบกลับมาอย่างไร้มารยาทอีกด้วย
และมู่หรงเทียนก็ดูออกว่าหลินเป่ยเฉินไม่ได้ล้อเล่น หากนางยังไม่รีบไปในตอนนี้ เขาคงต้องฆ่านางจริง ๆ
มู่หรงเทียนยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้กลุ่มศิษย์จากสำนักไทปิงถอนตัวกลับด้วยความโกรธแค้นและเจ็บใจ
หลินเป่ยเฉินหันกลับไปส่งยิ้มหวานให้แก่ฝูงชนที่ยืนดูเหตุการณ์และยังไม่ยอมไปไหน ก่อนที่เขาจะพูดด้วยน้ำเสียงอำมหิตว่า “พวกเจ้าจะยืนรอให้ข้าฆ่าพวกเจ้าหรืออย่างไร?”
ฝูงชนรีบแยกย้ายกันไปทันที
ในที่สุด วัดร้างก็กลับมาเงียบสงบตามเดิม
“เฮ้อ กว่าจะสงบกันได้”
หลินเป่ยเฉินเดินเข้าไปจับมือนักพรตหญิงชินและกล่าวว่า “สภาพแวดล้อมของที่นี่เลวร้ายมากเกินไป ข้าจะหาห้องพักให้ท่านเอง พวกเราไปกันเถอะ”
เด็กชายและเด็กหญิงที่ยืนอยู่ด้านข้างมีดวงตาเป็นประกายระยิบระยับขึ้นมาในทันใด
จับมือ! จับมือ! จับมือ!
พี่ชินถูกบุรุษจับมือ!
เด็กน้อยทั้งสองเข้าใจว่าพี่ชินจะต้องสลัดมือทิ้งไปแน่ ๆ
แต่นางกลับปล่อยให้อีกฝ่ายจับมือหน้าตาเฉย
และเด็กน้อยทั้งสองก็พึงพอใจในตัวของหลินเป่ยเฉินเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อเก็บกวาดทำความสะอาดเรียบร้อย พวกเขาก็เดินออกจากวัดร้างและมุ่งหน้าไปยังหอคัมภีร์ค้ำฟ้า
บ้านพักที่อาจารย์ฟางจัดเตรียมไว้ให้หลินเป่ยเฉินนั้น นอกจากจะมีสนามหญ้ากว้างใหญ่แล้ว พื้นที่ด้านในยังมีถึงสิบห้องนอน อย่าว่าแต่จะพาตัวนักพรตหญิงชินเข้าไปอยู่ด้วยเลย ต่อให้พาเฉียนเหมย เฉียนเจิน หลิงเฉิน เยว่เว่ยหยาง ชิงเล่ย และคนอื่น ๆ มาอยู่ที่นี่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ก็ยังไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
…
“ว่าไงนะ? น้องชายของข้าถูกฆ่าตายอย่างนั้นหรือ?”
หลี่กวงอวี้กำลังเข้าพบกับอาจารย์ตอนที่ได้รับทราบข่าวเรื่องความตายของน้องชายตนเอง มือที่ถือถ้วยชาของเขาสั่นระริกจนเกือบจะทำถ้วยชาหลุดหล่นจากมือ “แน่ใจนะว่าไม่ใช่ข่าวลวง?”
ผู้ที่เข้ามารายงานย่อมไม่กล้าลังเลรีรอ รีบพยักหน้ายืนยันว่า
“เป็นความจริงขอรับ มีพยานเห็นเหตุการณ์มากมายทีเดียว”
สีหน้าของหลี่กวงอวี้แปรเปลี่ยนไปทันที เขาสูดหายใจลึกและวางถ้วยชาลงบนโต๊ะ
หลังจากนั้น เขาก็สงบสติอารมณ์ลง
บุรุษหนุ่มลุกขึ้นยืนทำความเคารพเจิ้งซินหลู่ ผู้เป็นอาจารย์อยู่ในสำนักศึกษาฉิวจื่อและกล่าวขอตัวอย่างสุภาพอ่อนน้อมว่า “ต้องขออภัยด้วยที่อาจารย์ต้องมาได้รับทราบข่าวอันไม่เป็นมงคลเช่นนี้ ศิษย์คงต้องขอตัวไปจัดการกับปัญหาเร่งด่วนนี้ก่อนขอรับ”
เจิ้งซินหลู่เป็นหนึ่งในอาจารย์ชื่อดังของสำนักศึกษาฉิวจื่อ ชายชรามีความสัมพันธ์อันดีงามกับตระกูลหลี่มาโดยตลอด เมื่อได้รับทราบข่าวร้ายเช่นนี้ หัวใจก็เริ่มเต้นไม่เป็นปกติสุข “นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแล้ว ให้อาจารย์ไปกับเจ้าด้วยดีหรือไม่?”
หลี่กวงอวี้ประสานมือคำนับขอบคุณ ก่อนจะกล่าวว่า “ศิษย์ไม่กล้ารบกวนอาจารย์หรอกขอรับ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเรา”
เจิ้งซินหลู่ตอบว่า “ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็รีบไปเถอะ ดูจากคะแนนของผู้เข้าสอบในปีนี้ อาจารย์สามารถช่วยผลักดันเจ้าให้เป็นผู้เข้าสอบอันดับหนึ่งได้อย่างไม่มีข้อสงสัย… เจ้าวางใจได้”
หลี่กวงอวี้ประสานมือคำนับอีกครั้ง ก่อนจะหมุนตัวและรีบเดินจากไป