เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1889 พยายามปกป้องคนผิด
ตอนที่ 1,889 พยายามปกป้องคนผิด
“ทุกท่านอย่าได้ก่อกวนความสงบในเขตที่พักของหอคัมภีร์ค้ำฟ้า”
ฟางซื่อหลี่เดินเข้ามาในสนามหญ้าหน้าจวนที่พักของหลินเป่ยเฉินด้วยสีหน้าไม่ยินดียินร้าย “รีบแยกย้ายกันไปเถอะ”
หลี่ซืออี้รองอาจารย์ใหญ่ของสำนักตงหลินประสานมือทำความเคารพด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด ก่อนจะกล่าวช้า ๆ ว่า “ที่แท้ก็เป็นอาจารย์ฟางนี่เอง พวกเราก็ไม่ได้อยากมาก่อกวนที่นี่… และท่านก็ทราบดีว่าฆาตกรผู้สังหารบุตรชายของข้านั้นหลบซ่อนตัวอยู่ในจวนที่พักแห่งนี้ คนหัวขาวต้องจัดงานศพให้กับคนหัวดำ นี่ต้องเป็นความเศร้าใจชนิดใดกัน? หากอาจารย์ฟางส่งตัวฆาตกรมาให้พวกเรา ข้าก็จะถอนกำลังคนกลับไปทันที”
ฟางซื่อหลี่ตอบรับกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผู้ใดก็ตามที่เข้าพักอยู่ในจวนที่พักแห่งนี้ จะถือว่าเป็นคนของสำนักศึกษาฉิวจื่อ และเขาจะอยู่ภายใต้การคุ้มครองของพวกเรา ห้ามไม่ให้ผู้ใดพาตัวเขาออกไปเด็ดขาด”
หืม?
ผู้คนที่รวมตัวกันรับชมเหตุการณ์ต่างก็แสดงสีหน้าไม่คาดคิดออกมา
เหตุใดฟางซื่อหลี่ผู้มีความเที่ยงตรงและยุติธรรมต่อทุกคนเสมอมา กลับเข้าข้างเฉินเป่ยหลินอย่างออกนอกหน้าเช่นนี้?
หากไม่ได้เป็นพวกเดียวกัน แล้วพวกเขาจะปกป้องกันเพื่ออะไร?
ฟางซื่อหลี่กล่าวออกมาเช่นนี้ ถ้าเฉินเป่ยหลินหลบซ่อนตัวอยู่ในจวนที่พักไปตลอดชีวิต ความแค้นใจของหลี่ซืออี้ก็คงไม่มีวันสะสางไปตลอดชีวิตแล้วกระมัง?
กลุ่มคนผู้รับชมเหตุการณ์เริ่มคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
ปรากฏว่าผู้ที่มีคุณสมบัติเข้าพักในจวนหลังนี้ไม่ใช่ผู้คนธรรมดาจริง ๆ
เกรงว่าเฉินเป่ยหลินคงมีชาติกำเนิดสูงส่งกว่าที่พวกเขาคาดเดากันเอาไว้
“อาจารย์ฟาง ท่านทำเช่นนี้เท่ากับกำลังปกป้องคนผิดอยู่ รู้ตัวหรือไม่?”
หลี่ซืออี้ระเบิดเสียงคำรามด้วยความอัดอั้นตันใจ “เท่าที่ข้าทราบ การฆ่าคนบนภูเขาเหวินเต้าถือเป็นการละเมิดกฎของสำนักศึกษาฉิวจื่ออย่างร้ายแรง ว่ากันตามกฎของสำนักท่าน พวกท่านต้องขับไล่เฉินเป่ยหลินออกจากที่พักจึงจะถูกต้อง ฆาตกรฆ่าคนตายเช่นนี้ไม่สมควรเป็นแขกของหอคัมภีร์ค้ำฟ้า… ตราบใดที่ท่านส่งตัวฆาตกรผู้นี้ออกมา เรื่องอื่น ๆ พวกเราสำนักตงหลินก็จะถือว่าเลิกแล้วต่อกัน”
นี่คือข้อเสนอที่ไว้หน้าสำนักศึกษาฉิวจื่อมากแล้ว
ในสายตาของทุกคน บิดาผู้สูญเสียบุตรชายคนนี้ได้ประนีประนอมมากเหลือเกิน เขามีความเยือกเย็นและยุติธรรม มิหนำซ้ำ ยังให้ความเคารพต่อสำนักศึกษาฉิวจื่อเป็นอย่างสูง
แต่ฟางซื่อหลี่กลับตอบรับออกมาได้หน้าตาเฉยว่า “ที่ท่านกล่าวมาเป็นเพียงกฎขั้นพื้นฐานของสำนักเรา แต่สำหรับผู้เข้าพักในจวนหลังนี้ กฎขั้นพื้นฐานไม่สามารถใช้กับพวกเขาได้ พวกเราต้องใช้กฎขั้นพิเศษเท่านั้น”
กฎขั้นพิเศษอันใดกันอีก?
ชายวัยกลางคนร่างอ้วนแตกตื่นตกใจ
หลี่กวงอวี้ถึงกับหรี่ตาลง
แม้แต่ผู้คนที่มารับชมเหตุการณ์อยู่โดยรอบก็หยุดพูดคุยกันแล้ว
หลายคนสามารถคาดเดาได้อยู่แล้วว่า การที่เฉินเป่ยหลินสามารถเข้าพักในจวนหลังนี้ได้นั้น เขาย่อมมีสถานะไม่ธรรมดา
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีความพิเศษถึงเพียงนี้
ถึงขั้นที่กฎขั้นพื้นฐานของสำนักศึกษาฉิวจื่อไม่สามารถเอาผิดเขาได้อีกแล้ว
“กฎขั้นพิเศษอะไรของพวกท่าน?”
หลี่ซืออี้ผู้เป็นรองอาจารย์ใหญ่ของสำนักตงหลินถาม
ฟางซื่อหลี่ตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “การจะลงโทษเอาผิดเขาได้นั้น ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะอาจารย์อาวุโสประจำสำนักศึกษาฉิวจื่อเสียก่อน... กระบวนการนี้จะกินเวลาไม่ต่ำกว่าหนึ่งเดือน อาจารย์หลี่คงไม่มีทางเลือก นอกจากต้องอดทนรอเพียงอย่างเดียวเท่านั้น”
หลี่ซืออี้ใบหน้ากระตุกขึ้นมาทันทีเมื่อได้รับฟังคำตอบ
นี่เป็นการปกป้องคนผิดอย่างไร้เหตุผลที่สุด!
“หมายความว่าหากคณาจารย์ของพวกท่านตัดสินว่าเฉินเป่ยหลินไม่มีความผิด เขาก็สามารถซ่อนตัวอยู่ในจวนหลังนี้ได้ตลอดไปเลยงั้นสิ?”
น้ำเสียงของชายวัยกลางคนร่างอ้วนเริ่มมีความแข็งกระด้างขึ้นมาไม่น้อย
“ผิดแล้ว”
ฟางซื่อหลี่ปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
หลี่ซืออี้ถามว่า “หากเป็นเช่นนั้นแล้วท่านหมายความว่าอย่างไร?”
ฟางซื่อหลี่ตอบด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง “หากเฉินเป่ยหลินถูกตัดสินว่าไม่ได้มีความผิดตามที่พวกท่านกล่าวหา นอกจากเขาจะได้อาศัยอยู่ในจวนหลังนี้แล้ว เขายังจะได้รับการคุ้มครองจากสำนักเราในฐานะศิษย์ประจำสำนัก หากผู้ใดก็ตามคิดรังแกเขา ก็เท่ากับเป็นการไม่ไว้หน้าและประกาศตนเป็นศัตรูกับสำนักศึกษาฉิวจื่อ”
ชายวัยกลางคนร่างอ้วนเบิกตาโต
หลี่กวงอวี้แสดงสีหน้าไม่อยากเชื่อ
เสียงอุทานพลันดังอื้ออึงออกมาจากกลุ่มคน
นี่ไม่ใช่การปกป้องธรรมดาอีกแล้ว
แต่นี่คือการข่มขู่!
กวาดตาดูในอาณาจักรเล่ยฉื่อ ไม่เคยมีผู้ใดเลยที่จะสามารถทำให้สำนักศึกษาฉิวจื่อต้องคอยออกหน้าปกป้องถึงเพียงนี้มาก่อน สุดท้ายผู้คนก็ได้แต่คิดแล้วก็สงสัยว่า ตัวตนที่แท้จริงของเฉินเป่ยหลินนั้นเป็นใครกันแน่?
นี่คือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
สีหน้าของผู้คนจากสำนักตงหลินแสดงออกถึงความลำบากใจ
แม้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเขาจะคอยกดขี่ข่มเหงผู้คนจากสำนักอื่น ๆ…
แต่หากให้เป็นศัตรูกับสำนักศึกษาฉิวจื่อ…
นั่นจะเป็นไปได้อย่างไรกัน?
หากเป็นศัตรูกับสำนักศึกษาฉิวจื่อ ก็เท่ากับเป็นการรนหาที่ตายแล้วไม่ใช่หรือ?
หลี่ซืออี้รู้สึกโกรธแค้นเป็นอย่างยิ่ง
เดิมที ชายวัยกลางคนร่างอ้วนมั่นใจว่าเมื่อตนเองออกหน้าเช่นนี้ สำนักศึกษาฉิวจื่อก็คงไม่กล้าปกป้องฆาตกรเด็ดขาด
และหลี่ซืออี้ตั้งใจจะใช้โอกาสนี้ประกาศศักดาของสำนักตงหลิน
แต่สุดท้าย กลับเป็นฝ่ายเขาเองที่ถูกตบหน้าเข้าอย่างจัง
บรรยากาศยิ่งตึงเครียดมากขึ้น
“เฮ้อ…”
ฟางซื่อหลี่ถอนหายใจออกมายาวแรง “ว่ากันตามหลักเหตุผล ข้าไม่สมควรกล่าวอะไรอีก แต่ข้าเองก็เข้าใจว่าอาจารย์หลี่เพิ่งสูญเสียบุตรชาย ท่านคงกำลังเจ็บปวดไม่น้อย แต่ถือว่านี่เป็นคำพูดที่สหายมีต่อกันเถอะนะ อาจารย์หลี่จะปล่อยให้ความโกรธแค้นและความเสียใจส่วนตัวมาทำลายอนาคตของผู้อื่นไม่ได้… คนเราย่อมมีความคิดเห็นไม่ตรงกันเป็นเรื่องธรรมดา และที่ผ่านมา สำนักตงหลินก็ก่อกรรมทำเข็ญเอาไว้ไม่ใช่น้อย ครั้งนี้เป็นข้าทำให้พวกท่านตาสว่าง ข้าขอแนะนำให้ท่านปล่อยวางเรื่องนี้ไปเถอะ มิเช่นนั้นแล้ว อนาคตข้างหน้าอาจไม่มีสำนักตงหลินอยู่ในอาณาจักรเล่ยฉื่ออีกเลยก็เป็นได้”
หลี่ซืออี้ได้รับฟังเช่นนั้นก็ถึงกับสั่นเทาไปทั้งตัว
หลี่กวงอวี้รู้สึกเจ็บปวดหัวใจเหมือนถูกมือของผู้คนบีบเค้นอย่างแรง
กลุ่มคนจากสำนักตงหลินต่างก็หนาวเย็นไปถึงขั้วหัวใจ
คำพูดของฟางซื่อหลี่สื่อความหมายไปได้ในทิศทางเดียวว่า ‘ห้ามสำนักตงหลินมายุ่งเกี่ยวกับเฉินเป่ยหลินอีกเด็ดขาด มิเช่นนั้น พวกท่านจะรับผลที่ตามมาไม่ไหวแน่’
ด้วยสถานะและตัวตนของฟางซื่อหลี่ นี่จึงไม่ใช่คำพูดเลื่อนลอยแต่อย่างใด
มู่หรงเทียน ฉู่ชิงซือ เฉาซูอี้ โจวเฉิงเฉิง เฉียวฟู่และซือเหรินเฉินรวมไปถึงนักศึกษาชื่อดังคนอื่น ๆ ล้วนตกตะลึงไปตามกัน หลายคนยิ่งเกิดความสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเฉินเป่ยหลินมากไปกว่าเดิม
แต่ในกลุ่มผู้ที่ตกตะลึงนั้น คงไม่มีผู้ใดตกตะลึงมากไปกว่าพวกของเฉียวปี้อี๋ ปู้ชิวเหริน เจียงหนาน และเจียงเฉาอีกแล้ว
พวกเขาเป็นเพียงไม่กี่คนที่เคยสนทนาพาทีกับเฉินเป่ยหลิน
ในสายตาของพวกเขา เฉินเป่ยหลินเป็นเพียงบุรุษหนุ่มรูปงามใจดีท่าทีสุภาพอ่อนน้อม เป็นภาพลักษณ์ของบัณฑิตในอุดมคติของผู้คน เช่นเดียวกับหลี่กวงซูที่มีภาพลักษณ์เป็นผู้ร้ายในอุดมคติของผู้คนเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงคิดไม่ถึงเลยว่าเฉินเป่ยหลินกลับมีตัวตนที่สามารถสั่นคลอนความมั่นคงของสำนักตงหลินได้ถึงเพียงนี้
“หากวันนั้นข้าประจบเอาใจเขาอีกสักนิด ข้าอาจจะกลายเป็นสหายสนิทของเขาแล้วก็เป็นได้”
ปู้ชิวเหรินรำพึงรำพันด้วยความเสียใจ
“หากวันนั้นข้าเชิญเขากลับไปที่ห้องจริง ๆ…”
เฉียวปี้อี๋ก็อดรำพึงรำพันด้วยความเสียใจไม่ได้เช่นกัน
ในทางกลับกัน เจียงหนานก็แสดงสีหน้าโล่งอกยิ่งนัก โชคดีที่วันนั้นเขาไม่ได้หาเรื่องเฉินเป่ยหลินมากเกินไป มิเช่นนั้น คนแรกที่จะต้องตายด้วยน้ำมือของเฉินเป่ยหลิน คงไม่ใช่หลี่กวงซูหรอก แต่เป็นตัวเขาเองต่างหาก
บัดนี้ บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ
หลี่ซืออี้มีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลา เขาพยายามสงบจิตใจอย่างยากลำบาก
ทันใดนั้น…
“ปัญหาของพวกท่าน ก็ใช้กฎของพวกท่านจัดการ”
ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ไม่ต่างจากลิงยักษ์ตัวหนึ่งเดินออกมาจากกลุ่มคนของสำนักตงหลิน “แต่พวกเราชาวยุทธ์ผู้ใช้สายเลือดผู้คงกระพันก็มีวิถีทางของพวกเราเช่นกัน ในเมื่อมีปัญหากับชาวยุทธ์ ก็ต้องใช้กฎของชาวยุทธ์จัดการ... ข้ามีนามว่าเสวี่ยเฟิงชิง เป็นอาจารย์ใหญ่จากสำนักเฉิงเซินหลิว วันนี้ข้าจะมาแก้แค้นเฉินเป่ยหลินที่ทำการสังหารศิษย์เอกของข้า หากมีผู้ใดขัดขวาง ก็ถือว่าตั้งตนเป็นศัตรูกับสำนักเฉิงเซินหลิวและมันผู้นั้นจะต้องตายโดยทันที!”