เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1901 ประกาศคะแนนวิชาแรก
ตอนที่ 1,901 ประกาศคะแนนวิชาแรก
หลังจากนั้น มู่หรงเทียนก็เดินออกมาพร้อมด้วยกลุ่มศิษย์จากสำนักไทปิง
สีหน้าของนางค่อนข้างเบิกบาน แสดงให้เห็นว่านางพอใจกับคำตอบของตนเองไม่น้อย
เมื่อเห็นหน้าหลินเป่ยเฉิน สีหน้าของหญิงสาวผู้เป็นหัวหน้าศิษย์จากสำนักไทปิงก็แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่แล้วนางก็รีบทำเหมือนหลินเป่ยเฉินไม่มีตัวตน โดยหันหน้ามองไปทางอื่นและเดินจากไปพร้อมด้วยขบวนผู้ติดตามของตนเอง
ต่อมา พื้นดินเกิดการสั่นสะเทือนเล็กน้อย
เฉียวฟู่ก้าวเดินออกมาพร้อมกับกลุ่มผู้ติดตาม ด้วยร่างกายที่อ้วนท้วมเกินกว่าผู้คนปกติของนางจึงดึงดูดสายตาของผู้คนได้เป็นอย่างดี
“อ้าว พี่เฉิน ข้าอยู่ตรงนี้”
เฉียวปี้อี๋ที่เดินตามหลังพี่สาวหันมาเห็นหลินเป่ยเฉินจากระยะไกล นางก็รีบกระโดดโบกมือทักทายเขาและท่ามกลางการจ้องมองของทุกคน เฉียวปี้อี๋ก็วิ่งมาทำจมูกฟุดฟิดแถวหัวไหล่ของเขาพร้อมกับถามว่า “มีกลิ่นสุราเต็มไปหมดเลย… ท่านมารอคอยพี่ชินหรือเจ้าคะ?”
“ใช่แล้ว”
หลินเป่ยเฉินชะโงกหน้ามองเข้าไปด้านใน “เจ้ามาพูดคุยกับข้าเช่นนี้ ไม่กลัวผู้อื่นมองไม่ดีเอาหรือ?”
“ทำไมข้าต้องกลัวด้วย”
เฉียวปี้อี๋ตอบกลับมาอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ “ถึงอย่างไรพวกเขาก็มองข้าไม่ดีอยู่แล้ว”
เฉียวปี้อี๋มีนิสัยเปิดเผยและตรงไปตรงมา ในอดีต นางถึงกับเป็นฝ่ายเข้าหาปู้ชิวเหรินก่อนด้วยซ้ำ และนั่นก็ทำให้ภาพลักษณ์ของเด็กสาวไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่ บางคนถึงกับนำเรื่องราวเกี่ยวกับนางไปนินทาลับหลังได้เป็นช่องเป็นฉาก คนเหล่านั้นกล่าวหาว่านางเป็นผู้หญิงแพศยาไร้ยางอาย… ไม่มีทางที่จะกลับตัวเป็นคนดีได้อีกแล้ว
“เจ้าไม่กลัวจริงสิ?”
หากจะว่ากันตามความเป็นจริง หลินเป่ยเฉินรู้สึกประทับใจในตัวของเฉียวปี้อี๋อยู่ไม่น้อย
นางเป็นคนที่มีชีวิตชีวาและกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลา
“ข้าไม่กลัวหรอก”
เฉียวปี้อี๋ตอบพร้อมกับยกมือตบไหล่หลินเป่ยเฉินเหมือนเป็นเพื่อนสนิท
ปู้ชิวเหรินเดินออกมาเห็นภาพบาดตาบาดใจนี้เข้าพอดี
“งั้นเดี๋ยวพวกเรากลับไปจัดงานเลี้ยงบำรุงวิญญาณธาตุกันที่จวนที่พักของข้ากันเถอะ”
หลินเป่ยเฉินเอ่ยปากเชิญและหันไปกวักมือเรียกปู้ชิวเหริน “สหายปู้ พวกเราจะกลับไปจัดงานเลี้ยงบำรุงวิญญาณธาตุกันในที่พักของข้า ไม่ทราบว่าสหายอยากจะไปร่วมสนุกด้วยกันหรือไม่?”
เดิมที ปู้ชิวเหรินคิดจะปฏิเสธ
แต่เมื่อได้ยินคำว่า ‘งานเลี้ยงบำรุงวิญญาณธาตุ’ เขาก็พยักหน้าตกลงโดยไม่ลังเล
สำหรับอาหารที่จัดทำโดยหอคัมภีร์ค้ำฟ้านั้น นอกจากมีรสชาติอร่อยลิ้นแล้ว ยังมีคุณค่าบำรุงร่างกายและสติปัญญา โดยเฉพาะการจัดงานเลี้ยงบำรุงวิญญาณธาตุนั้นจะเป็นการจัดทำอาหารหลากหลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละอย่างล้วนรังสรรค์ขึ้นมาจากวัตถุดิบที่หายาก บัดนี้ พวกเขาต้องใช้สมองในการทำข้อสอบ การได้รับประทานอาหารบำรุงสมองเหล่านี้จึงถือเป็นเรื่องดีไม่มีสิ่งใดเสียหาย
แววตาของผู้คนต่างแสดงออกถึงความอิจฉาริษยา
พวกเขาอิจฉาปู้ชิวเหริน
หมอนี่สามารถตีสนิทเฉินเป่ยหลินได้สำเร็จ
ดังนั้น พวกเขาจึงแอบลงมติกันอย่างเป็นเอกฉันท์ว่าจะเลิกคบปู้ชิวเหรินแล้ว
ส่วนเฉียวฟู่ที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ชำเลืองมองน้องสาวของตนเองเล็กน้อย นางไม่พูดคำใดเลยในขณะที่ก้าวเท้าเดินออกไปอีกครั้ง
หลังจากนั้น บรรดาผู้เข้าสอบชื่อดังคนอื่น ๆ ก็ทยอยปรากฏตัวออกมา
หลินเป่ยเฉินรอคอยด้วยความกระตือรือร้น ในที่สุด เขาก็ได้เห็นหน้าของนักพรตหญิงชิน นางเดินออกมาอย่างแช่มช้า เดินออกมาเพียงลำพัง
กลุ่มคนจ้องมองภาพนี้ด้วยดวงตาลุกวาว
ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าหญิงสาวจากต่างภพภูมิผู้นี้มีความงามอย่างหาตัวจับยาก นอกจากผิวพรรณของนางจะขาวเนียนปราศจากตำหนิ ใบหน้างดงามอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว แม้แต่ท่วงท่ากิริยาในการก้าวเท้าเดินก็ยังงดงามชวนมองได้ไม่รู้เบื่อ หรือแม้กระทั่งเส้นผมที่ปลิวไสวเล็กน้อยตามแรงลม ก็ยังสามารถทำให้ผู้คนตกอยู่ในภวังค์ได้ไม่ยาก
“ข้าอยู่ตรงนี้ขอรับ”
หลินเป่ยเฉินกระโดดโบกมือและส่งเสียงเรียก
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนักพรตหญิงชิน ก่อนที่นางจะเดินเข้ามาหาเขาอย่างช้า ๆ
ไม่ทราบเลยว่ารอยยิ้มของนางในขณะนี้ทำให้หัวใจของบัณฑิตหนุ่มต้องหลอมละลายไปกี่คนแล้ว
“การสอบเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินสอบถามด้วยความตื่นเต้น
นักพรตหญิงชินตอบด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ก็จัดว่าดี… แต่มีบางข้อที่ค่อนข้างยากอยู่เหมือนกัน”
“ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ ถึงวิชานี้จะไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด แต่ก็ถือเสียว่าพี่ชินยังมีโอกาสให้แก้ตัวอีกตั้งเจ็ดวิชาแน่ะ”
เฉียวปี้อี๋รีบปลอบโยนด้วยความจริงใจ “แค่ท่านทำอีกเจ็ดวิชาให้ดีก็พอแล้ว… อีกอย่าง หากท่านทำข้อสอบได้ไม่ดี แต่จะไม่ดีไปมากกว่าข้าได้อย่างไร? ข้าเองก็ตอบไม่ได้ตั้งหลายข้อ การสอบประจำปีนี้ช่างยากเย็นเหลือเกิน”
นี่เรียกว่าผู้พ่ายแพ้เท่านั้นถึงจะปลอบใจผู้พ่ายแพ้ด้วยกันได้เป็นอย่างดี
แต่สิ่งที่ทำให้หลินเป่ยเฉินประหลาดใจก็คือดูเหมือนนักพรตหญิงชินจะเข้ากับเฉียวปี้อี๋ได้ดีเป็นพิเศษ พวกนางพูดคุยกันราวกับเป็นเพื่อนสนิทกันมาช้านาน ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะรู้จักกันได้เพียงสามวันเท่านั้น
ในระหว่างที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นี้ ก็ได้บังเกิดเสียงตะโกนดังขึ้นจากระยะไกลว่า
“ออกมาแล้ว ออกมาแล้ว ผลคะแนนออกมาแล้ว”
เสียงตะโกนนั้นดังออกมาจากบริเวณที่ตั้งแผ่นหินขนาดใหญ่ที่ใช้ประกาศผลคะแนนสอบ
ผู้คนรีบวิ่งไปรวมตัวกันยังบริเวณนั้นด้วยความตื่นเต้น
“ไหนว่าอีกครึ่งชั่วยามถึงจะประกาศผลคะแนนไงล่ะ ทำไมจึงประกาศผลเร็วกว่ากำหนด?”
หลินเป่ยเฉินพูดด้วยความประหลาดใจ “งั้นพวกเรารีบไปดูกันเถอะ”
เด็กหนุ่มแอบส่งกระแสจิตบอกต่อหวังเฟิงหลิวว่า “หากแม่นางชินไม่ได้เป็นอันดับหนึ่ง เจ้าไปทวงเงินคืนมาจากโต๊ะพนันด้วย”
หวังเฟิงหลิวเบิกตาโต
ยังจะมีผู้ใดไร้ยางอายมากไปกว่านี้อีกหรือ?
บัดนี้ ผู้คนมารวมตัวกันอยู่ที่หน้าแผ่นหินขนาดใหญ่
พวกเขาเงยหน้ามองขึ้นไป
ชื่อที่ปรากฏอยู่ด้านบนสุดของแผ่นหินคือหลี่กวงอวี้
98 คะแนน
“ฮื่อ”
เฉียวปี้อี๋ส่งเสียงครางในลำคอด้วยความตกตะลึง “สุดยอด นี่เป็นคะแนนที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก”
คนอื่น ๆ ก็อุทานออกมาเช่นกัน
กลุ่มคนจากสำนักตงหลินส่งเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจ
นี่สิถึงจะเรียกว่ายอดอัจฉริยะตัวจริง
หลังจากนั้น ผลคะแนนและลำดับก็ถูกประกาศออกมาอย่างต่อเนื่อง
แต่ไม่มีผู้ใดสามารถทำคะแนนได้มากไปกว่า 98 คะแนน
เฉียวฟู่ทำไปได้ 95 คะแนน มู่หรงเทียนทำได้ 93 คะแนน เฉาซูอี้ทำได้ 91 คะแนน โจวเฉิงเฉิงทำได้ 89 คะแนน…
พวกเขานับว่าทำคะแนนได้สูงมากแล้ว แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับ 98 คะแนนของหลี่กวงอวี้
ผู้ที่วางเดิมพันเอาไว้ว่าหลี่กวงอวี้จะสอบได้เป็นอันดับหนึ่งล้วนยิ้มกริ่ม
แม้ว่าอัตราการต่อรองจะต่ำ แต่อย่างน้อย พวกเขาก็ได้กำไร ไม่ขาดทุน
“ฮ่า ๆๆ ร่ำรวย ร่ำรวยแล้ว ฮ่า ๆๆ ทุกท่านเห็นหรือไม่ ข้าไม่ได้โกหกสักหน่อย”
เสียงที่คุ้นหูของจงไต้จุนผู้กลับไปหาภรรยาที่คลอดลูกดังขึ้น บัดนี้ เขาวิ่งออกมาจากกลุ่มคนและยกมือชี้แผ่นหินประกาศผลคะแนนด้วยความตื่นเต้น “เห็นหรือไม่? ข้าไม่ได้โกหกพวกท่าน ฮ่า ๆๆ ผู้ชนะทั้งแปดวิชาประจำปีนี้ไม่มีใครจะสามารถเป็นได้นอกจากคุณชายหลี่กวงอวี้อีกแล้ว”
หลินเป่ยเฉินหันขวับไปมองและถามว่า “ภรรยาของเจ้าคลอดลูกเสร็จแล้วหรือ?”
Comments for chapter "บทที่ 1901 ประกาศคะแนนวิชาแรก"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
puiphone
คะแนนเต็มร้อยยังไม่ออกเลย อย่ารีบ