เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1902 คะแนนเต็มร้อย
ตอนที่ 1,902 คะแนนเต็มร้อย
“เฮอะ ผู้ใดบอกว่าภรรยาของข้าคลอดลูก… อ้อ คลอดเสร็จแล้วขอรับ”
จงไต้จุนหันกลับมาตวาดได้ครึ่งคำ แต่เมื่อเห็นว่าคนพูดเป็นหลินเป่ยเฉิน เขาก็รีบถอยหลังหนีกลับเข้าไปในกลุ่มคนแทบไม่ทัน
บัดนี้ หลี่กวงอวี้ยืนอยู่ข้างแผ่นหินประกาศผลคะแนน กลายเป็นจุดสนใจของผู้คนที่จ้องมองมาด้วยความอิจฉาริษยา
แต่บุรุษหนุ่มไม่ได้มีสีหน้ายโสโอหังหรือวางท่าใหญ่โตแต่อย่างใด ในทางกลับกัน เขากลับทำตัวสุภาพอ่อนน้อมประสานมือทำความเคารพต่อผู้ที่แสดงความยินดีต่อตนเอง
“เพียงเท่านี้ข้าก็ตายตาหลับแล้ว”
ห่างออกไปไม่ไกล หลี่ซืออี้ยืนมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความภาคภูมิใจ
นี่คือบุตรชายของเขา
บุตรชายที่เกิดมาเพื่อเป็นผู้นำ
บุตรชายผู้เกิดมาเพื่อได้รับการยกย่องจากผู้คน
และในอนาคต บุตรชายของเขาจะกลายเป็นผู้เยียวยาอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรเล่ยฉื่อ
ชายวัยกลางคนร่างอ้วนยิ้มกว้าง พยักหน้าให้แก่บรรดาอาจารย์อาวุโสจากสำนักศึกษาอื่น ๆ ที่ยืนรวมตัวอยู่โดยรอบ
“เฮ้อ ให้ตายเถอะ ถึงข้าจะเกลียดชังเขาก็ตาม แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าเขานี่มันแข็งแกร่งเหลือเกิน”
เฉียวปี้อี๋อดกล่าวออกมาด้วยความชื่นชมไม่ได้ “นับดูในกลุ่มบัณฑิตรุ่นใหม่ของอาณาจักรเล่ยฉื่อ ไม่มีผู้ใดจะยอดเยี่ยมไปมากกว่าเขาอีกแล้ว”
หลินเป่ยเฉินพลันถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า “เช่นนั้นทำไมเจ้าถึงไม่ตกหลุมรักเขาล่ะ หลี่กวงอวี้ทั้งมีความรู้และมาจากตระกูลใหญ่ เหตุไฉนเจ้าถึงมาไล่ตามสหายปู้ที่ไม่มีดีอะไรเลย”
ปู้ชิวเหรินยืนอยู่ด้านข้างถึงกับสะดุ้งเฮือก
คุณชายเฉิน ช่วยเกรงใจกันหน่อยได้หรือไม่?
เฉียวปี้อี๋ตอบกลับมาว่า “ผู้ใดบอกท่านว่าข้าไม่เคยไล่ตามเขา?”
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ
เฉียวปี้อี๋เชิดหน้าขึ้นด้วยความภาคภูมิใจในตนเองขณะอธิบายว่า “ข้าเคยไล่ตามเขาตั้งนานแน่ะ แต่สุดท้ายข้าก็ยอมแพ้ ตัวตนของหลี่กวงอวี้นั้นมองภายนอกอาจจะดูเป็นคนสมบูรณ์แบบก็จริง แต่หากลองพิจารณาดูให้ดี เขามีความสมบูรณ์มากแบบเกินไปจนดูเป็นจอมปลอม… ดังนั้น ข้าจึงเลิกสนใจในตัวเขา”
“เจ้าก็เลยเปลี่ยนเป้าหมายจากผู้สมบูรณ์แบบที่จอมปลอมมาเป็นผู้ที่จริงใจไร้การเสแสร้งสินะ?”
หลินเป่ยเฉินถามออกมาอีกครั้ง
ปู้ชิวเหรินรีบส่งเสียงแทรกขึ้นด้วยความดีใจ “ฮ่า ๆๆ ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง”
“ไม่ใช่สักหน่อย”
เฉียวปี้อี๋รีบส่ายศีรษะปฏิเสธ “ตอนนั้นข้ากำลังผิดหวังกับหลี่กวงอวี้ก็ให้บังเอิญมาเจอคุณชายปู้พอดี ข้าพบว่าเขานั้นไร้ความสามารถจนน่าสนใจ ข้าก็เลยลองเปลี่ยนเป้าหมายดูบ้างเพื่อความสนุกน่ะเจ้าค่ะ”
ปู้ชิวเหรินใบหน้ากระตุกไม่น้อย
ไม่มีผู้ใดเกรงใจเขาเลยสักคน
“แล้วข้าล่ะ?”
หลินเป่ยเฉินยกมือชี้หน้าอกตนเอง
ปู้ชิวเหรินแอบคิดอยู่ในใจว่า ‘ท่านมันก็แค่คนพเนจรไร้หัวนอนปลายเท้าเท่านั้น’
เฉียวปี้อี๋ยิ้มเล็กน้อย ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ ตอบว่า “ความสมบูรณ์แบบของหลี่กวงอวี้นั้นยังเทียบกับเส้นผมของพี่เฉินไม่ได้เลยแม้แต่เส้นเดียว”
“แหม เจ้านี่ช่างปากหวานเสียจริง”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ “น้องเฉียว เจ้าเป็นสตรีที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล นับจากนี้เป็นต้นไป ข้าจะคอยคุ้มครองเจ้าเอง หากมีผู้ใดมาก่อกวนเจ้า ข้านี่แหละที่จะไปจัดการพวกมัน”
เฉียวปี้อี๋หัวเราะในลำคอและขยิบตาให้เขา “พี่เฉิน เดี๋ยวมีคนโกรธท่าน ข้าไม่รู้ด้วยนะ”
“อ้อ เรื่องนั้น…”
หลินเป่ยเฉินสัมผัสได้ถึงแววตาอำมหิตที่จ้องมองมาจากข้างตัว จึงรีบหันไปยกมือทำท่ายอมแพ้ต่อนักพรตหญิงชินพร้อมกับอธิบายว่า “ข้าพูดเล่นขอรับ แค่พูดเล่นจริง ๆ”
หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็รีบเปลี่ยนเรื่องว่า “ดูสิ ดูเหมือนลำดับคะแนนจะมีการเปลี่ยนแปลงอีกแล้ว”
เฉียวปี้อี๋เงยหน้ามอง แล้วในทันใดนั้น นางก็รู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดเปรี้ยง
ฝูงชนที่รวมตัวกันอยู่หน้าแผ่นหินประกาศคะแนนต่างก็ยืนตกตะลึง
บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ
ไม่มีผู้ใดส่งเสียงออกมา
ชื่อของชินเหลียนเซินปรากฏขึ้นด้านบนสุดของแผ่นหิน
ตามมาด้วยจำนวนคะแนนที่นางสามารถทำได้…
100 คะแนน
100 คะแนนเต็ม!
เห็นได้ชัดว่าผลคะแนนของนักพรตหญิงชินเป็นมนต์สะกดที่ทำให้ทุกคนไม่สามารถส่งเสียงพูดออกมาได้อีกแล้ว
หลี่กวงอวี้ที่ตอนแรกมีท่าทีสุภาพอ่อนน้อม บัดนี้ยืนตัวแข็งทื่อ รอยยิ้มหายวับไปจากใบหน้า
หลี่ซืออี้ผู้เป็นรองอาจารย์ใหญ่จากสำนักตงหลินมุมปากกระตุกตลอดเวลา ต้องยกมือขยี้ตาหลายครั้ง ราวกับต้องการจะลบผลคะแนนเต็มร้อยของชินเหลียนเซินออกไปจากสายตาของตนเอง
“นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
จงไต้จุนร้องอุทานออกมาด้วยความเหลือเชื่อราวกับว่าภรรยาของตนเองต้องให้กำเนิดบุตรอีกครั้ง
บรรดานักพนันและผู้คนจากสำนักตงหลินที่เคยส่งเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจอยู่เมื่อสักครู่ บัดนี้ พวกเขามีสีหน้าว่างเปล่าไม่อยากยอมรับความจริง ทุกคนยืนนิ่งราวกับเป็นรูปปั้นหิน ไม่สามารถเปล่งเสียงพูดออกมาได้อีก
ชายชราชุดดำหันมามองทางหลินเป่ยเฉินด้วยความไม่คาดคิด และหลังจากนั้น สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมมากขึ้น
“ฮ่า ๆๆ…”
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความชั่วร้ายก็ก้องกังวานไปทั่วลานประกาศผลคะแนนของสำนักศึกษาฉิวจื่อ
เป็นเสียงหัวเราะของหลินเป่ยเฉิน
“อุ๊วะฮ่า ๆๆ ข้าบอกพวกเจ้าว่าอย่างไร?”
“ข้าบอกพวกเจ้าไว้แล้วว่าตำแหน่งอันดับหนึ่งนั้นต้องเป็นของชินเหลียนเซิน”
“ผู้ที่ได้หนึ่งร้อยคะแนนเต็ม ก็ต้องได้อันดับหนึ่งอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?”
“ประเสริฐ เห็นได้ชัดว่าข้อสอบวิชานี้ง่ายดายมากเกินไป…”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะเยาะใส่กลุ่มคนที่เคยโต้เถียงกับตนเอง
เสียงหัวเราะของเด็กหนุ่มไม่ต่างไปจากคมมีดทิ่มแทงจิตใจพวกเขาอย่างโหดร้ายอำมหิต โดยเฉพาะผู้คนของสำนักตงหลิน พวกเขารู้สึกว่าหัวใจแทบจะหลั่งเลือดออกมาจริง ๆ
บัดนี้ ใบหน้าของหลี่ซืออี้ซีดขาวด้วยความโกรธแค้น
ส่วนสีหน้าของหลี่กวงอวี้ก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดจริงจัง เขาต้องพยายามสูดหายใจลึก เพื่อสงบสติอารมณ์ของตนเองตลอดเวลา
“เจ้าจะภูมิใจอะไรนักหนา แค่ทำคะแนนได้สูงกว่าคุณชายหลี่สองคะแนนเท่านั้นเอง”
ศิษย์หญิงผู้หนึ่งจากสำนักตงหลินไม่อาจทนเสียงหัวเราะเยาะเย้ยของหลินเป่ยเฉินได้อีกต่อไป นางจึงส่งเสียงหัวเราะตอบกลับมา “ช่องว่างห่างเพียงสองคะแนนแต่กลับทำตัวยโสโอหังถึงเพียงนี้ ช่างน่าขำยิ่งนัก”
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกไป สีหน้าของผู้คนจำนวนมากก็แปรเปลี่ยนไปแล้ว
นี่สำนักตงหลินยังจะกล้าดูหมิ่นเฉินเป่ยหลินอยู่อีกหรือ?
หลินเป่ยเฉินหันขวับมองไปยังศิษย์สาวผู้นั้นตามคาด
เป็นระยะเวลาอึดอัดใจใหญ่ที่ทุกคนรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง
ต้องไม่ลืมว่าเสวี่ยเฟิงชิงถูกฆ่าตายเพียงเพราะไปส่งเสียงเอะอะโวยวายอยู่หน้าที่พักของเฉินเป่ยหลินเท่านั้น
แล้วศิษย์หญิงผู้นี้จะรอดชีวิตได้อย่างไร?
แต่ที่ทุกคนคิดไม่ถึงเลยก็คือหลินเป่ยเฉินกลับยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “ฮ่า ๆๆ สองคะแนนอย่างนั้นหรือ? นั่นเป็นเพราะว่าขีดความสามารถของหลี่กวงอวี้มีเพียง 98 คะแนนเท่านั้น แต่กระดาษข้อสอบมีคะแนนจำกัดเพียง 100 คะแนนต่างหาก… น้องสาว เจ้าเข้าใจถึงความแตกต่างที่แท้จริงแล้วหรือไม่?”