เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1904 ประชุมแผนร้าย
ตอนที่ 1,904 ประชุมแผนร้าย
ในเวลาเดียวกันนี้ หลินเป่ยเฉินก็อาศัยไวน์ขาวที่ซื้อมาจากอินเทอร์เน็ตตีสนิทชายชราชุดดำเรื่อยมา แต่น่าเสียดายที่ชายชรากลับพูดจาน้อยลงทุกที
“ท่านผู้เฒ่าไม่อยากไปเจอหลานสาวหรือขอรับ?”
“ไม่อยาก”
“ทำไมไม่อยากเจอขอรับ?”
“ไม่มีเหตุผล”
“มันต้องมีเหตุผลสิขอรับ”
“ข้าเพียงผ่านมารับชมความสนุกเท่านั้น”
“งั้นท่านคงแอบไปเจอนางมาแล้วแน่ ๆ”
“หืม? เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
“เพราะว่าข้าแอบดูอยู่”
“เปล่าสักหน่อย”
หลังจากพูดคุยกันอยู่นานสองนาน สุดท้าย ชายชราชุดดำก็รับปากหลินเป่ยเฉินว่าจะหาโอกาสไปพบเจอกับหลานสาวนอกสายเลือดของตนเองดูสักครั้ง
หลินเป่ยเฉินมีความสุขอย่างยิ่ง
ชายชราชุดดำรับปากว่าจะทำตามคำแนะนำของเขา นี่แสดงว่าชายชราชุดดำเริ่มให้ความสำคัญกับตัวเขาแล้วสินะ?
หึ ๆ
ว่าแต่ว่า ทำไมชายชราชุดดำจึงพูดถึงแต่เฉียวฟู่ ไม่เคยพูดถึงเฉียวปี้อี๋เลย?
ทั้ง ๆ ที่พวกนางก็เป็นบุตรหลานตระกูลเฉียวเหมือนกันนี่นา?
หลินเป่ยเฉินได้แต่ขมวดคิ้วใช้ความคิดด้วยความสงสัย
…
ทางด้านหลี่ซืออี้รองอาจารย์ใหญ่จากสำนักตงหลินก็อยู่เฉยไม่ได้แล้วเช่นกัน
“ทุกท่านฟังให้ดี พวกเราจะปล่อยให้เรื่องราวดำเนินไปเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด หากชินเหลียนเซินสามารถคว้าตำแหน่งอันดับหนึ่งในการสอบได้ทุกวิชา แล้วพวกเราผู้เยียวยาแห่งอาณาจักรเล่ยฉื่อจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด?”
ในห้องประชุมของจวนที่พักสำนักตงหลิน บรรดาผู้คนจากสำนักศึกษาชื่อดังหลายสำนักได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
การปรากฏตัวของชินเหลียนเซินได้ทำลายแผนการของพวกเขาลงอย่างราบคาบ
“ผู้ที่จะได้บรรจุเข้าเป็นศิษย์โดยตรงของอาจารย์ใหญ่แห่งสำนักฉิวจื่อต้องเป็นผู้คนจากอาณาจักรเล่ยฉื่อเท่านั้น เราจะปล่อยให้ผู้ที่มาจากภพภูมิอื่นแย่งชิงตำแหน่งนั้นไปไม่ได้เป็นอันขาด”
รองอาจารย์ใหญ่จากหอตำราซางฉีกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ไม่ว่าต้องใช้วิธีใด เราก็ต้องหยุดยั้งนางให้ได้ เราจะปล่อยให้ชินเหลียนเซินได้บรรจุเข้าเป็นลูกศิษย์ของสำนักฉิวจื่อไม่ได้เด็ดขาด”
“ถูกต้อง เราจะปล่อยให้ศาสตร์ความรู้ของพวกเราตกไปอยู่ในมือของคนจากต่างภพได้อย่างไร”
รองอาจารย์ใหญ่จากสำนักไทปิงกล่าวเสริม
“แต่ว่า…”
รองอาจารย์ใหญ่จากสำนักชููซานเกิดอาการลังเลเล็กน้อย “พวกเราจะไปขัดขวางราชาแห่งความรู้ได้อย่างไร? พวกเราจะไปแทรกแซงการสอบของสำนักศึกษาฉิวจื่อได้หรือ?”
ที่นี่คือสำนักศึกษาฉิวจื่อ!
ที่นี่อยู่ภายใต้การดูแลของกงซานอิ๋งเฉวี่ยน!
กงซานอิ๋งเฉวี่ยนเป็นผู้ที่อยู่บนยอดภูเขาศักดิ์สิทธิ์ มีความสูงส่งเหนือผู้คนทั้งมวล
ต่อให้พวกเขาผนึกกำลังร่วมมือกัน ก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะโค่นล้มกงซานอิ๋งเฉวี่ยนลงมา
“นั่นเป็นเรื่องราวในอดีต ปัจจุบันนั้นต่างออกไปแล้ว”
รอยยิ้มแปลกประหลาดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลี่ซืออี้ “ข้าได้รับทราบข่าวที่น่าเชื่อถือมาว่า ราชาแห่งความรู้ที่พวกเรารู้จักมีพลังวิญญาณเสื่อมถอยลงไปมากแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป และนี่ก็เป็นเหตุผลที่เขาประกาศรับศิษย์ กงซานอิ๋งเฉวี่ยนทราบชะตากรรมว่าตนเองคงมีชีวิตอยู่รอดได้อีกไม่นาน เขาจึงอยากจะหาใครสักคนมารับช่วงต่อความรู้ของเขา เพื่อที่สำนักศึกษาฉิวจื่อจะได้รุ่งเรืองเจริญเติบโตต่อไป”
“ว่าไงนะ?”
“เป็นความจริงหรือ?”
“ถ้าอย่างนั้น… ก็ประเสริฐแล้ว”
เมื่อได้รับฟังคำอธิบายของหลี่ซืออี้ สีหน้าของกลุ่มรองอาจารย์ใหญ่ในห้องประชุมก็แปรเปลี่ยนไปทันที
นี่คือข่าวดีสำหรับพวกเขา
หากข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป รับรองได้เลยว่าอาณาจักรเล่ยฉื่อจะต้องสั่นสะเทือนอย่างแน่นอน
เป็นเวลานานมากแล้วที่ราชันแห่งความรู้กงซานอิ๋งเฉวี่ยนครอบครองความยิ่งใหญ่ในแวดวงผู้ใช้สายเลือดผู้เยียวยา อาณาจักรเล่ยฉื่อต้องตกอยู่ในกำมือของคนผู้นี้และสำนักศึกษาฉิวจื่อ ซึ่งทำให้ผู้คนจำนวนมากเกิดความไม่พอใจเสมอมา
หากข่าวนี้เป็นความจริง ความเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวงก็กำลังจะตามมา…
เช่นเดียวกับความวุ่นวายโกลาหล
แต่ทั้งหมดนี้ ล้วนส่งผลดีต่อสำนักศึกษาอื่น ๆ ทั้งสิ้น
มีเพียงสำนักศึกษาฉิวจื่อแห่งเดียวเท่านั้นที่จะได้รับความเดือดร้อน
เมื่อได้รับทราบความจริงที่ถูกเปิดเผยว่ากงซานอิ๋งเฉวี่ยนไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนในอดีตอีกแล้ว แผนการทุกอย่างของพวกเขาก็ดูจะมีความเป็นไปได้ขึ้นมาทันที
“แต่ถึงกระนั้น เรื่องราวทุกอย่างก็คงไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิด”
ทันใดนั้น รองอาจารย์ใหญ่จากสำนักศึกษาเซวียนเติ้งส่งเสียงแทรกขึ้นมาอย่างช้า ๆ “พวกท่านคงลืมไปแล้วว่ายังมีเฉินเป่ยหลินอยู่อีกทั้งคน”
เฉินเป่ยหลิน!
ชื่อนี้ไม่ต่างจากภูเขาทั้งลูกที่ได้ยินเมื่อไหร่ก็ทำให้จิตใจของพวกเขาหนักอึ้งขึ้นมาทันที
เฉินเป่ยหลินเป็นผู้ที่สามารถสังหารเสวี่ยเฟิงชิงได้อย่างง่ายดาย
เสวี่ยเฟิงชิงมีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักราขั้นกลาง
เฉินเป่ยหลินก็คงมีขั้นพลังไม่ต่ำต้อยไปกว่ากัน
และเด็กหนุ่มผู้นี้ประกาศตนว่าสนับสนุนชินเหลียนเซินเต็มที่
และการดำรงอยู่ของเฉินเป่ยหลิน ก็ยิ่งทำให้พวกเขากำจัดชินเหลียนเซินได้ยากมากกว่าเดิม
“ฮ่า ๆๆ ทุกท่านอย่าได้เป็นกังวลไปเลย”
ความมั่นใจปรากฏขึ้นบนสีหน้าของหลี่ซืออี้ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงของผู้ที่มั่นใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของตนเอง “ข้ารู้แล้วว่าเจ้าเด็กคนนี้มีตัวตนที่แท้จริงเป็นผู้ใดกันแน่ มันมีนามว่าหลินเป่ยเฉินมาจากดินแดนชายขอบเส้นทางดาราจักร ไม่มีผู้ใดทราบประวัติความเป็นมา คาดว่าน่าจะเป็นเพียงคนร่อนเร่พเนจรผู้หนึ่ง ดังนั้น เดี๋ยวข้าจะส่งคนไปจัดการมันเอง พวกท่านวางใจเถอะ”
กลุ่มรองอาจารย์ใหญ่ผู้เข้าร่วมการประชุมมีสีหน้าประหลาดใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ดินแดนชายขอบมียอดฝีมือระดับนี้ซ่อนตัวอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่?
แต่ดูจากสีหน้าที่มั่นอกมั่นใจของหลี่ซืออี้ นี่ก็แสดงว่ารองอาจารย์ใหญ่ของสำนักตงหลินคงมีไพ่ตายอยู่ในมือแล้วสินะ?
“หากเป็นเช่นนี้ พวกเราก็จำเป็นต้องวางแผนการให้ดีและรีบลงมือให้เร็วไว”
รองอาจารย์ใหญ่จากสำนักเทียนเจี้ยวส่งเสียงพูดขึ้นมาเป็นครั้งแรก
หลี่ซืออี้ตอบรับด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “แผนการไม่มีสิ่งใดซับซ้อน พวกเราแค่ต้องกดดันสำนักศึกษาฉิวจื่อ และทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางไม่ให้ชินเหลียนเซินทำคะแนนเต็มได้อีก หลังจากนั้น เราก็ต้องกดดันราชันแห่งความรู้ไม่ให้รับคนนอกภพภูมิเข้าเป็นลูกศิษย์ เพราะนั่นจะถือเป็นการทำลายศักดิ์ศรีของผู้เยียวยาในอาณาจักรเล่ยฉื่อ…”
“พวกเรามาถึงขั้นนี้แล้ว ต้องลงมืออย่างระมัดระวังมากขึ้น เราควรใช้กระแสของผู้เข้าสอบทั้งห้าพันคนให้เป็นประโยชน์ ฮ่า ๆๆ ขอแค่พวกเราจูงจมูกผู้เข้าสอบทั้งห้าพันคนได้เท่านั้น การถล่มภูเขาคว่ำทะเลก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอีกต่อไป”
…
การสอบยังคงดำเนินต่อไป
วันที่สาม
วันนี้เป็นการสอบวิชาอสูรศาสตร์และวิชาประวัติศาสตร์
วิชาอสูรศาสตร์แทบไม่ต่างไปจากวิชาพฤกษาศาสตร์ กล่าวคือ ผู้เข้าสอบต้องระบุประเภทของสัตว์อสูร ถิ่นกำเนิด ขั้นพลัง อายุ สายเลือดและความสามารถของพวกมันให้ได้
ส่วนวิชาประวัติศาสตร์จะว่าด้วยประวัติศาสตร์ของเผ่าพันธุ์สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ทั่วเส้นทางดาราจักร โดยเฉพาะเผ่าพันธุ์มนุษย์
การสอบไม่ใช่แค่การระบุคำตอบที่ถูกต้องเท่านั้น
แต่ต้องอาศัยความรู้และการตัดสินใจที่แม่นยำ
ต้องอาศัยการร่ำเรียนมาอย่างหนัก
สำหรับผู้คนทั่วไป เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะจดจำชื่อสายพันธุ์สัตว์อสูรเหล่านั้นได้ทั้งหมด
แต่สำหรับผู้ใช้สายเลือดผู้เยียวยา นี่คือข้อมูลพื้นฐานที่พวกเขาต้องจดจำให้ได้