เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1907 ระเบิดพลังด้วยความอำมหิต
ตอนที่ 1,907 ระเบิดพลังด้วยความอำมหิต
คำพูดของชายชราชุดดำสามารถดึงดูดความเกลียดชังได้นับไม่ถ้วน
“เจ้าเป็นผู้ใด?”
“เจ้ากล้าฆ่าคนได้อย่างไร?”
“มันต้องเป็นพวกเดียวกับชินเหลียนเซินแน่นอน พวกเรารีบจับตัวมันไว้”
เมื่อเห็นพรรคพวกของตนเองตกตายไปต่อหน้าต่อตา กลุ่มบัณฑิตก็ร้องคำรามด้วยความโกรธแค้น
คนหนุ่มมักเลือดร้อนเสมอ
เดิมที พวกเขาเกลียดชังเฉินเป่ยหลินอยู่แล้ว แต่จนใจที่เด็กหนุ่มแข็งแกร่งมากเกินไปจนพวกเขาทำอะไรไม่ได้ บัดนี้ เมื่อมีชายชราไม่ทราบที่มาแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวออกมา แล้วจะให้พวกเขาทนทานอยู่ได้อย่างไร?
พรึ่บ!
ได้ยินเหมือนเสียงผู้คนพลิกหน้ากระดาษดังขึ้นเป็นจำนวนมาก
“จับมันมัดมือ”
“ส่งตัวไปขังคุก”
“ตัดมือตัดเท้ามันก่อนดีกว่า”
“ควักลูกตามันด้วย”
เสียงตะโกนดังขึ้นไม่หยุดยั้ง
คลื่นพลังกดดันจำนวนมากแผ่ไปที่ชายชราชุดดำเป็นหนึ่งเดียว
ความแค้นที่มีต่อเฉินเป่ยหลินมาตลอดหลายวัน พวกเขาได้นำมาระบายใส่ที่ชายชราชุดดำเพียงผู้เดียว
ไม่มีผู้ใดคิดสิ่งใดซับซ้อน
ในเมื่อพวกเขาทำอะไรเฉินเป่ยหลินไม่ได้ ก็มาจัดการชายชราชุดดำแทนแล้วกัน
แต่คลื่นพลังเหล่านั้นยังไม่ทันเข้าไปถึงตัวชายชราชุดดำ ก็เกิดคลื่นพลังสะท้อนกลับมาทำให้การโจมตีทั้งหมดล้มเหลวไปในพริบตา
ชายชรายังคงยืนอยู่ที่เดิมอย่างปลอดภัยโดยไร้รอยขีดข่วน
“เฮอะ”
ชายชราชุดดำกวาดสายตามองรอบกาย แม้ร่างกายจะไม่ได้สูงใหญ่กำยำน่าเกรงขาม แต่บัดนี้ เขากลับมีความน่าสะพรึงกลัวจนทำให้ผู้คนแทบลืมหายใจ
กลุ่มบัณฑิตหลายร้อยคนที่ส่งเสียงตะโกนโวยวายอยู่เมื่อสักครู่ ขณะนี้ ใบหน้าของพวกเขาซีดขาวราวกับกระดาษและริมฝีปากก็สั่นระริก พวกเขายังไม่ทันได้ส่งเสียงร้องด้วยซ้ำก็พร้อมใจกันกระอักเลือดออกมาล้มลงนอนแน่นิ่งบนพื้นดิน
โชคดีที่ยังไม่ถึงขั้นเสียชีวิต
ทุกคนล้วนตกตะลึง
“ครั้งนี้ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าได้มีชีวิตอยู่รอดต่อไป”
ดวงตาของชายชราชุดดำเป็นประกายวาวโรจน์ “นี่ถือเป็นเพียงบทเรียนเล็กน้อยเท่านั้น… ครั้งต่อไป พวกเจ้าคงไม่ได้โชคดีเช่นนี้อีกแล้ว”
น้ำเสียงของชายชราดุดันทำให้หัวใจของผู้คนสั่นไหว
บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ
“ไม่ทราบว่าท่านผู้เฒ่าเป็นผู้ใดหรือ?”
หนึ่งในอาจารย์อาวุโสจากสำนักตงหลินก้าวออกมาข้างหน้าด้วยความเดือดดาล
อาจารย์อาวุโสท่านนี้มีนามว่าโจวซางหลิน เป็นผู้เยียวยาที่อยู่ในขอบเขตจอมเทพจักราระดับ 5 นับว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีชื่อเสียงผู้หนึ่งของสำนักตงหลิน และยังขึ้นชื่อเรื่องการต่อสู้อีกด้วย
โจวซางหลินจ้องหน้าชายชราชุดดำพร้อมกับถามว่า “ไม่ทราบว่าท่านผู้เฒ่ามีความสัมพันธ์อันใดกับชินเหลียนเซิน? ท่านถึงกับฆ่าคนเพื่อนางเช่นนี้ อย่าบอกนะว่าท่านเป็นเพียงสุนัขใต้ชายกระโปรงของนาง…”
คำพูดดำเนินมาถึงตรงนี้
ฟู่!
ปากและจมูกของโจวซางหลินก็มีเปลวไฟสีดำพวยพุ่งออกมา
“อ๊าก…”
เขาส่งเสียงร้องโหยหวน
แต่ไม่ว่าโจวซางหลินจะใช้วิธีการใด ก็ไม่สามารถดับเปลวไฟสีดำที่พุ่งออกมาจากปากและจมูกของตนเองได้อีกแล้ว
และเพียงไม่ถึงสิบลมหายใจเท่านั้น ทุกคนก็ได้เห็นเปลวไฟสีดำทมิฬกลืนกินร่างของโจวซางหลินไปต่อหน้าต่อตา ศพของเขาไม่ได้กลายเป็นเถ้าถ่าน แต่มันกลายเป็นก้อนเนื้อผิดรูปผิดร่างสีดำมืด ส่วนที่ยังพอสมบูรณ์อยู่ก็คือใบหน้าที่แสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัวสุดขีด
บัดนี้ โจวซางหลินกลายเป็นเพียงรูปปั้นหินดำก้อนหนึ่งไปเรียบร้อยแล้ว
หลินเป่ยเฉินเห็นเช่นนี้ก็ต้องเบิกตาโตด้วยความตะลึงงัน
นี่เป็นวิชาอันใดกัน?
เปลวไฟชนิดใดกันนะที่สามารถเผาผลาญผู้คนให้กลายเป็นรูปปั้นหินดำได้เช่นนี้?
“ท่านอาจารย์…”
“ผู้อาวุโสโจว”
กลุ่มศิษย์จากสำนักตงหลินพลันร้องไห้น้ำตาไหลพราก
โดยเฉพาะศิษย์ที่ร่ำเรียนกับโจวซางหลินมาเป็นระยะเวลานาน พวกเขาถึงกับวิ่งเข้าไปยังรูปปั้นหินตัวนั้นเพื่อพยายามหาหนทางชุบชีวิต ในขณะที่บางส่วนก็พุ่งเข้าไปหาชายชราชุดดำด้วยความบ้าคลั่ง
“เฮอะ”
ดวงตาของชายชราชุดดำเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความอำมหิตอีกครั้ง “ทั้งที่ข้าไม่อยากฆ่าพวกเจ้าเลยแท้ ๆ”
ชายชรายกมือขึ้น
แล้วลำแสงสีดำก็พุ่งเข้าใส่กลุ่มบัณฑิตผู้บ้าคลั่งเหล่านั้น
เคร้ง!
ได้ยินเสียงโลหะปะทะกันดังขึ้น
หลินเป่ยเฉินเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วราวกับเป็นวิญญาณตนหนึ่ง เขากระโดดไปยืนขวางหน้ากลุ่มศิษย์ของสำนักตงหลิน และสร้างกำแพงวายุขึ้นมารับการโจมตี
วูบ! วูบ! วูบ!
บังเกิดเสียงลมดูดดังชัดเจน
ลำแสงสีดำจากชายชราชุดดำถูกกำแพงวายุกลืนหายไปหมดสิ้น
“นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?”
ชายชราปรบมือและระเบิดเสียงหัวเราะ ก่อนถามด้วยความไม่สบอารมณ์ “คนกลุ่มนี้หาเรื่องพวกเจ้าแท้ ๆ ทำไมถึงต้องช่วยเหลือพวกมันด้วย?”
บรรดาศิษย์ของสำนักตงหลินได้สติรีบถอยหลังหนีโดยเร็วไว
ชายชราชุดดำมองกำแพงวายุที่กางกั้นเบื้องหน้าด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่เขาจะหรี่ตาลงเล็กน้อย “เจ้าหนู เจ้ากล้าขัดขวางข้าหรือ?”
“ข้าน้อยเพียงไม่อยากให้ท่านผู้เฒ่าก่อกรรมทำเข็ญขอรับ”
หลินเป่ยเฉินตอบรับกลับไปด้วยความสงบเยือกเย็น แต่ใจจริงอดรู้สึกหวาดหวั่นไม่ได้ เพราะเขาสัมผัสได้ถึงความอันตรายในแววตาของชายชรา สัญชาตญาณกำลังร้องบอกหลินเป่ยเฉินว่า เขากำลังเจอผู้ที่มีความแข็งแกร่งมากกว่าตนเอง
“เจ้าจะไปรู้อะไรเรื่องการก่อกรรมทำเข็ญ?”
แววตาของชายชราชุดดำปรากฏความเย็นชาขึ้นมาหลายส่วน
แล้วร่างของเขาก็เคลื่อนไหววูบ
เป็นการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ลมหายใจต่อมา…
หลินเป่ยเฉินรับรู้ว่าอันตรายได้มาถึงตัวแล้ว
เขายกมือขึ้นป้องกันหน้าอกและใช้ออกไปด้วยกระบวนท่าภูผาชมดาวจากคัมภีร์แปดชั้นฟ้า
พลั่ก!
คลื่นพลังสีดำทมิฬจากกำปั้นของชายชรากระแทกเข้าใส่หน้าอกของหลินเป่ยเฉิน
เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนถูกค้อนเหล็กฟาดเข้ากลางหน้าอก ตัวของเขาลอยกระเด็นกลิ้งไปบนพื้นดินหลายตลบ กว่าที่จะลุกขึ้นยืนตั้งหลักได้อีกครั้ง ก็ต้องเซถอยหลังไปถึงสิบสองก้าว
หลินเป่ยเฉินตัวสั่นเทา กระดูกแขนแตกหักทั้งสองข้าง ไม่สามารถยกแขนขึ้นมาได้อีกแล้ว
ผิวหนังบนแขนทั้งสองข้างถลอกปอกเปิก จนมองเห็นถึงกล้ามเนื้อที่อยู่ด้านในได้อย่างชัดเจน
ทั้งหมดนี้คืออานุภาพการโจมตีด้วยหมัดของชายชราชุดดำ
สีหน้าของหลินเป่ยเฉินตกตะลึงออกมาอย่างแท้จริง
แข็งแกร่งเหลือเกิน
หลินเป่ยเฉินสามารถบอกได้เลยว่าการโจมตีของชายชราชุดดำในครั้งนี้ เป็นการโจมตีที่อาศัยพละกำลังในร่างกายล้วน ๆ ไม่ได้เจือปนพลังปราณเลยแม้แต่น้อย
หลินเป่ยเฉินไม่เคยพบเห็นผู้ใดมีพละกำลังมหาศาลมากเท่านี้มาก่อน
และไม่น่าจะมีผู้ใดสามารถบรรลุความแข็งแกร่งระดับนี้ได้ด้วยซ้ำ
ไม่ว่าจะเป็นหยวนสวีหลิว เสวี่ยเฟิงชิงหรือผู้ที่ใช้สายเลือดผู้คงกระพันคนอื่น ๆ ก็ยังมีความแข็งแกร่งต่ำต้อยมากกว่านี้หลายพันเท่า
ที่แท้ ชายชราชุดดำผู้นี้ก็เป็นยอดฝีมือตัวจริงเสียงจริงจริง ๆ ด้วย!