เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1918 เพราะว่าเจ้าโกงข้อสอบ
ตอนที่ 1,918 เพราะว่าเจ้าโกงข้อสอบ
หลี่ซืออี้ รองอาจารย์ใหญ่จากสำนักตงหลินเดินออกมาจากกลุ่มคนและกล่าวด้วยความโกรธแค้นว่า “หากเป็นเช่นนั้น อาจารย์ใหญ่ใช้เกณฑ์ใดคัดเลือกลูกศิษย์? เหตุใดผู้เข้าสอบที่ทำคะแนนได้ไม่ดีอย่างเฉียวปี้อี๋จึงได้รับการคัดเลือก?”
“ใช่แล้ว ข้าเองก็ต้องการรู้คำตอบเช่นกัน”
หลี่กวงอวี้ส่งเสียงสนับสนุนบิดาด้วยความกระตือรือร้น
ถูกแล้ว
นี่เป็นคำถามที่ทุกคนต่างก็สงสัย
การที่เฉียวฟู่ได้รับการคัดเลือกนั้นเป็นสิ่งที่สามารถเข้าใจได้
เพราะตลอดการสอบที่ผ่านมา เฉียวฟู่สามารถสร้างผลงานได้น่าประทับใจ
แต่ในส่วนของเฉียวปี้อี๋…
นางทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ แล้วอาจารย์ใหญ่กงซานอิ๋งเฉวี่ยนเลือกนางเป็นลูกศิษย์ได้อย่างไร?
ฟางซื่อหลี่ยิ้มเล็กน้อยราวกับกำลังเวทนาอะไรบางอย่าง ก่อนตอบคำถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “การตัดสินใจของอาจารย์ใหญ่จำเป็นต้องอธิบายให้พวกท่านฟังด้วยหรือ?”
สีหน้าของหลี่ซืออี้พลันแปรเปลี่ยนไปทันที
ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวราวกับถูกคนเหยียบเท้าอย่างไรอย่างนั้น
ใบหน้าของหลี่กวงอวี้เองก็ซีดขาวแล้วเช่นกัน
“ข้าไม่เห็นด้วย ข้าไม่ยอมรับ…”
ในที่สุด จิตใจของเขาก็พังทลาย หลี่กวงอวี้ร้องตะโกนขึ้นมาว่า “ข้าได้คะแนนรวมเป็นอันดับสองเชียวนะ ข้าสามารถทำคะแนนเต็มได้ถึงสองวิชา!”
หลี่กวงอวี้มั่นใจว่าตนเองต้องได้เป็นลูกศิษย์ของกงซานอิ๋งเฉวี่ยน แต่บัดนี้ เขากลับต้องเป็นผู้ที่ผิดหวัง
หลังจากสามารถเลื่อนระดับสายเลือดของตนเองได้สำเร็จ หลี่กวงอวี้ก็สามารถทำผลงานได้โดดเด่นเกินผู้ใด จะเป็นรองก็แต่เพียงชินเหลียนเซินผู้เดียวเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ หลี่กวงอวี้จึงไม่อาจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อีกแล้ว
แผนการที่เขาวางเอาไว้ก่อนหน้านี้ ภาพแห่งอนาคตที่สดใสรุ่งเรือง ทุกสิ่งทุกอย่างพลันสลายหายไปกับตา
หลี่กวงอวี้รู้สึกว่าหนทางข้างหน้ามีแต่ความมืดมน
ยังจะมีอะไรน่าเจ็บใจมากไปกว่านี้อีกหรือ?
“หืม? เจ้ากล่าวว่าตนเองทำคะแนนเต็มได้สองวิชาอย่างนั้นหรือ?”
น้ำเสียงของฟางซื่อหลี่แข็งกระด้างขึ้นมาทันที “หลังจากที่พวกเราทั้งสี่คนร่วมประชุมกันและสอบถามความเห็นชอบจากอาจารย์ใหญ่ พวกเราก็ได้ข้อสรุปว่าการที่คุณชายหลี่กวงอวี้สามารถทำคะแนนเต็มได้สองวิชาล่าสุดนั้น มีข้อพิรุธที่น่าสงสัยว่าคุณชายอาจจะโกงข้อสอบ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้คะแนนสอบในวิชาวิญญาณศาสตร์และวิชากลยุทธ์ศาสตร์ของคุณชายหลี่กวงอวี้ถือเป็นโมฆะ และพวกเราขอห้ามไม่ให้คุณชายหลี่กวงอวี้กลับมาสอบที่สำนักศึกษาฉิวจื่อของพวกเราอีก”
คำตอบนี้เป็นเหมือนสายฟ้าที่ฟาดเปรี้ยงลงกลางใจของผู้คน
บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ
สีหน้าที่โกรธแค้นของหลี่กวงอวี้พลันเปลี่ยนเป็นตกตะลึง
บัณฑิตหนุ่มเริ่มหน้าแดงและรีบหาทางแก้ตัวโดยเร็ว “ท่าน… ท่านพูดอะไรออกมา เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่ได้โกงข้อสอบสักหน่อย…”
“เฮอะ เจ้านี่มันไร้ยางอายจริง ๆ เลยนะ มิน่าล่ะ อยู่ดี ๆ ก็ได้หนึ่งร้อยคะแนนเต็มขึ้นมาหน้าตาเฉย สุดท้ายก็เป็นเพราะว่าเจ้าโกงข้อสอบจริง ๆ ด้วย!”
เสียงของหลินเป่ยเฉินดังขึ้นโดยทันที “เสียดายหน้าตาออกจะหล่อเหลา มิหนำซ้ำยังถือกำเนิดในตระกูลใหญ่ แต่จิตใจของเจ้าชั่วช้ายิ่งกว่าสัตว์อสูร นี่มันไร้ยางอายเกินไปแล้ว… นอกจากนี้ สำนักตงหลินของพวกเจ้ายังพยายามปล่อยข่าวลือใส่ความชินเหลียนเซิน นี่เรียกว่านอกจากไร้ยางอายแล้ว ยังไร้ความเป็นมนุษย์อีกด้วย”
ใบหน้าของสองพ่อลูกตระกูลหลี่แสดงออกถึงความโกรธแค้นสุดขีด
หรือว่าจะมีผู้คนล่วงรู้เกี่ยวกับการหลอมวิญญาณของหลี่กวงอวี้?
เป็นไปไม่ได้
นี่คือวิชาลับเฉพาะของเผ่ามนุษย์ทะเลทราย ต่อให้เป็นกงซานอิ๋งเฉวี่ยนมาตรวจสอบเองก็ไม่มีทางจับได้เด็ดขาด
“ข้าไม่ได้โกงข้อสอบ”
หลี่กวงอวี้เชิดหน้าขึ้นกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ทุกคะแนนข้าได้มาจากความขยันหมั่นเพียรในการท่องตำราของตนเอง ข้าไม่พอใจกับผลงานที่ผ่านมา… ดังนั้น ข้าจึงพยายามท่องตำราวิชาวิญญาณศาสตร์และวิชากลยุทธ์ศาสตร์อย่างหนัก หากการทำเช่นนี้แปลว่าข้าโกงการสอบ นั่นก็หมายความว่าชินเหลียนเซินต้องโกงการสอบด้วยเช่นกัน นางทำคะแนนเต็มได้ทั้งแปดวิชา นี่เป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่มีทางทำได้เด็ดขาด”
หลี่ซืออี้รีบสนับสนุนบุตรชายของตนเองทันที “ใช่แล้ว หากการที่บุตรชายของข้าทำคะแนนเต็มได้สองวิชาจะเป็นการโกงข้อสอบ ชินเหลียนเซินก็ต้องเป็นผู้ที่โกงข้อสอบเช่นกัน”
ประเสริฐ!
นี่คือเรื่องราวที่ไม่จำเป็นต้องใช้เหตุผลในการพูดคุยแล้ว
สายตานับไม่ถ้วนของฝูงชนหันกลับไปจ้องมองที่พวกของฟางซื่อหลี่อีกครั้ง
สีหน้าของฟางซื่อหลี่เย็นชาขึ้นมาในทันใด “ไม่ใช่ว่าเจ้าได้คะแนนเต็มแล้วจะเป็นการโกงข้อสอบ แต่เป็นเพราะเจ้าโกงข้อสอบต่างหากเจ้าถึงได้คะแนนเต็ม”
หลินเป่ยเฉินไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดลอยไปและรีบส่งเสียงแทรกขึ้นว่า “มิน่าล่ะ หกวิชาก่อนหน้านี้ถึงไม่เคยได้คะแนนเต็มเลยสักวิชา แต่พอมาถึงสองวิชาสุดท้ายกลับได้คะแนนเต็มซะอย่างนั้น เหอ ๆๆ ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าโกงการสอบนี่เอง ช่างหน้าไม่อายสิ้นดี ในชีวิตของข้านั้น สิ่งที่ข้าเกลียดชังมากที่สุดก็คือคนที่โกงการสอบนี่แหละ หากเจ้าคิดใช้วิธีสกปรกเช่นนี้ แล้วผู้เข้าสอบคนอื่น ๆ ที่พยายามท่องตำราแทบเป็นแทบตายมาเป็นระยะเวลาหลายเดือนจะทำอย่างไรกันเล่า?”
“ข้าไม่ได้โกงการสอบ”
หลี่กวงอวี้กัดฟันกรอดด้วยความเคียดแค้น “ข้าไม่ได้ทำผิด”
หลี่ซืออี้ก็ส่งเสียงขึ้นด้วยความแข็งกร้าวเช่นกัน “เป็นพวกเจ้าตั้งใจใส่ร้ายสำนักตงหลิน นี่เป็นแผนการร้ายที่พวกเจ้าตั้งใจใส่ร้ายพวกเรา”
กลุ่มศิษย์จากสำนักตงหลินพลันส่งเสียงตะโกนโห่ร้องสนับสนุน
การตัดสินเช่นนี้เป็นที่ยอมรับไม่ได้เด็ดขาด
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หลี่กวงอวี้คือความภาคภูมิใจของสำนักตงหลิน เขาคือความหวังของผู้คนทั้งสำนัก เพราะฉะนั้น สำนักตงหลินจึงไม่มีทางยอมรับคำตัดสินของสำนักศึกษาฉิวจื่ออย่างแน่นอน
เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะมีการเข้าใจผิดกันในเรื่องนี้?
“อาจารย์ฟาง อย่าได้ไว้หน้าพวกเขาอีกเลย”
หลินเป่ยเฉินรีบเติมเชื้อไฟเข้าใส่ในกองเพลิง “นำหลักฐานออกมาขยี้พวกเขาให้แหลกไปเลยขอรับ”
ฟางซื่อหลี่ยิ้มเล็กน้อย หันกลับมามองหน้าหลี่กวงอวี้และกล่าวว่า “การหลอมวิญญาณจากคัมภีร์กลั่นวิญญาณนั้นเป็นวิธีการที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว แต่เจ้าคิดว่าจะสามารถปิดบังอาจารย์ใหญ่กงซานอิ๋งเฉวี่ยนได้จริง ๆ หรือ?”
“ว่าไงนะ?”
หลี่กวงอวี้อุทานออกมาด้วยความตกตะลึง
หลี่ซืออี้ผู้เป็นบิดาของเขาที่ยืนอยู่ด้านข้างก็หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะแล้วเช่นกัน
เกิดอะไรขึ้น?
วิชาที่อยู่ในคัมภีร์กลั่นวิญญาณนั้นเป็นวิชาที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ไม่ใช่หรือ?
เหตุใดพวกเขาใช้งานเพียงครั้งเดียวก็ถูกจับได้เสียแล้วเล่า?
ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!!
สองพ่อลูกตระกูลหลี่เริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี
หรือว่าพวกเขาจะถูกหลอก?
แต่เรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว พวกเขาจำเป็นต้องยืนกรานปฏิเสธต่อไป
อีกอย่าง สำนักตงหลินยังมีราชาหินดำคอยสนับสนุนอยู่อีกทั้งคน
ต่อให้เรื่องนี้จะถูกเปิดโปงขึ้นมาจริง ๆ แต่หลังจากนี้ กลุ่มคนที่รับรู้เรื่องราวนี้ทั้งหมดก็จะต้องถูกฆ่าตายจนหมดสิ้นอยู่ดี
ฟางซื่อหลี่ส่ายศีรษะด้วยความเศร้า “แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่มีหลักฐาน…”
เมื่อพ่อลูกตระกูลหลี่ได้ยินคำนั้น ดวงตาของพวกเขาก็เป็นประกายระยิบระยับอย่างมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
แต่ทันใดนั้น พวกเขาก็ได้ยินฟางซื่อหลี่กล่าวต่อไปว่า “โชคดีที่คนผู้หนึ่งมีหลักฐาน…”
ชายชราหันกลับมามองหน้าหลินเป่ยเฉินและกล่าวว่า “คุณชายเฉิน พวกเราคงต้องรบกวนท่านแล้ว”
หลินเป่ยเฉินสะดุ้งเฮือก
อ้าวเฮ้ย…
อยู่ดี ๆ ทำไมมาโยนเผือกร้อนให้กันอย่างนี้เล่า?
แล้วเขาจะเอาหลักฐานจากที่ไหนมาแสดงให้ดูเล่า?