เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1920 ข้าถูกปรักปรำ
ตอนที่ 1,920 ข้าถูกปรักปรำ
“ท่านอาอย่าไปฟังที่มันพูด คนชั่วผู้นี้ฆ่าหลานจริง ๆ…”
วิญญาณของเฉาซูอี้มีน้ำตาไหลเป็นสายเลือด “หลี่กวงอวี้เป็นคนฆ่าข้าและยังฆ่าบัณฑิตคนอื่น ๆ อีกสี่คนเพื่อนำวิญญาณของพวกเรามาหลอมรวมเป็นทาสรับใช้ พวกท่านจำคุณชายหลินหยงอวี่กับคุณชายจูเฟิงที่ตายอย่างน่าอนาถเมื่อครึ่งปีก่อนได้หรือไม่ พวกเขาเองก็ถูกพ่อลูกตระกูลหลี่ฆ่าตายเช่นกัน…”
ทันใดนั้น ดวงวิญญาณอีกสี่ตนก็เริ่มกลับมามีหน้าตาชัดเจนอีกครั้ง
พวกเขาเป็นวิญญาณที่ตายมานานแล้ว จึงไม่สามารถส่งเสียงพูดได้อย่างวิญญาณของเฉาซูอี้
แต่ดวงวิญญาณทั้งสี่จ้องมองไปยังพ่อลูกตระกูลหลี่ด้วยความโกรธแค้น
นี่คือหลักฐานที่พิสูจน์ความจริง
ดวงวิญญาณทั้งสี่ยามที่ยังมีชีวิตอยู่ต่างก็ได้ชื่อว่าเป็นยอดอัจฉริยะจากสำนักของตนเองทั้งสิ้น
“อวี่เอ๋อร์ บิดาตามหาเจ้าแทบแย่ สุดท้ายเจ้าก็ต้องมาทนทรมานอยู่กับคนพวกนี้เอง”
ชายชราผมขาวผู้หนึ่งเมื่อเห็นหนึ่งในดวงวิญญาณเหล่านั้นก็ถึงกับร้องไห้โฮแล้ววิ่งออกมาข้างหน้าโดยทันที
“ศิษย์พี่เฟิง ปรากฏว่าท่านเสียชีวิตไปแล้วนี่เอง… ฮื่อ ข้าเคยสาบานว่าจะแก้แค้นให้แก่ท่าน ข้าไล่ล่าหาตัวฆาตกรมาครึ่งปีแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่า…”
บัณฑิตหนุ่มที่มีอายุเพียง 18 – 19 ปีผู้หนึ่งกล่าวด้วยใบหน้านองน้ำตา
ผู้คนรู้สึกสะเทือนใจยิ่งนัก
ตอนแรก ไม่มีผู้ใดทราบถึงสาเหตุการตายของบัณฑิตทั้งสี่คนนี้ และเกือบทั้งหมดก็หายตัวไปอย่างเป็นปริศนาแทบไม่เคยมีผู้ใดพบศพของพวกเขา ตลอดระยะเวลาครึ่งปีที่ผ่านมา นี่เป็นคดีฆาตกรรมที่สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้แก่ทุกสำนักเป็นอย่างยิ่ง
ไม่มีผู้ใดจะคาดคิดเลยว่าฆาตกรที่แท้จริงกลับเป็นสองพ่อลูกตระกูลหลี่
“ข้าถูกใส่ร้าย ข้าถูกปรักปรำ”
หลี่กวงอวี้รีบขยับออกมาข้างหน้าและกล่าวเสียงดังว่า “ดวงวิญญาณเหล่านี้ถูกควบคุมโดยเฉินเป่ยหลิน พวกมันไม่ใช่ดวงวิญญาณจริง ๆ พวกมันเป็นเพียงภาพมายาที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายข้าเท่านั้น…”
“เฮอะ”
จังหวะนั้น ผู้เข้าสอบคนหนึ่งได้วิ่งออกมาจากกลุ่มคนและถ่มน้ำลายใส่ใบหน้าของหลี่กวงอวี้ “เจ้าโกงข้อสอบยังไม่พอ นี่ถึงกับฆาตกรรมคุณชายหลินหยงอวี่ ครั้งนี้หากไม่ใช่เพราะคุณชายเฉินเป่ยหลินฉีกหน้ากากคนดีของเจ้า พวกเราก็ไม่ทราบเลยว่าในอาณาจักรเล่ยฉื่อจะต้องมีผู้คนที่ถูกเจ้าฆ่าตายไปอีกมากมายเพียงใด คุณชายเฉินไม่เคยมีความแค้นอันใดกับเจ้า แล้วเขาจะมาใส่ร้ายป้ายสีเจ้าเพื่ออะไร?”
“เฮอะ นี่อาจเป็นแผนการที่เขาวางเอาไว้นานแล้วก็เป็นได้”
หลี่กวงอวี้ยังคงไม่ยอมรับผิด เพราะเชื่อมั่นว่าไม่มีผู้ใดสามารถทำอะไรตนเองได้
ผู้เข้าสอบคนนั้นหัวเราะเยาะ “พ่อลูกตระกูลหลี่นี่เป็นตัวชั่วช้าจริง ๆ เมื่อวันก่อน หลี่ซืออี้ส่งคนไปตามหาข้า บอกว่าจะให้ทรัพย์สินเงินทองและสมุนไพรวิเศษกับข้าและจะส่งคนไปรักษาอาจารย์ของข้าที่กำลังป่วยหนัก ขอเพียงข้าออกมาใส่ร้ายชินเหลียนเซินว่านางโกงข้อสอบเท่านั้น ตอนนั้นข้าก็ยังไม่เข้าใจสิ่งใดหรอก ข้าหลงเชื่อคำพูดของเขา ข้าจึงออกมาใส่ร้ายป้ายสีแม่นางชิน แต่สุดท้าย นอกจากหลี่ซืออี้จะไม่ส่งคนไปช่วยรักษาอาจารย์ของข้าแล้ว เขายังส่งผู้คุ้มกันมาลอบสังหารข้าอีกด้วย…”
เมื่อผู้เข้าสอบผู้นั้นกล่าวจบลง เสียงอุทานก็ดังขึ้นรอบทิศทาง
บัดนี้ เริ่มมีผู้คนจดจำได้แล้วว่าบัณฑิตหนุ่มผู้นี้ก็คือคนที่เดินออกมาขวางทางชินเหลียนเซินเมื่อวันก่อน และยืนยันอย่างหนักแน่นว่านางเป็นผู้โกงข้อสอบ
ในวันนั้น หากไม่ใช่เพราะว่าชินเหลียนเซินมีเฉินเป่ยหลินคอยสนับสนุนอยู่เคียงข้าง บรรดาฝูงชนที่ไม่รู้ความจริงก็คงเข้าไปทำร้ายชินเหลียนเซินด้วยความโกรธแค้นเกลียดชังจนนางได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นแน่แท้
เพราะว่าในวันนั้น ผู้คนหลงเชื่อคำพูดของบัณฑิตหนุ่มคนนี้
ผู้ใดจะไปคิดเลยว่านี่เป็นการใส่ร้ายป้ายสีกัน
เมื่อมีหลักฐานเอาผิดหนาแน่นถึงเพียงนี้ ต่อให้ตระกูลหลี่มีรากฐานแข็งแกร่งเพียงใด สุดท้ายก็คงหนีจุดจบไม่พ้นอยู่ดี
“ฆ่าคนตาย ใส่ร้ายผู้อื่น โกงการสอบ...”
ฟางซื่อหลี่กล่าวเสียงเข้ม “ข้อกล่าวหาเหล่านี้ต่างก็มีพยานหลักฐานหนักแน่น หลี่ซืออี้ หลี่กวงอวี้ พวกเจ้ายอมมอบตัวเถอะ อย่าบังคับให้ข้าต้องทำอะไรรุนแรงเลย”
กล้ามเนื้อบนใบหน้าของหลี่กวงอวี้กระตุกอย่างควบคุมไม่ได้
หลี่ซืออี้ถอนหายใจออกมายาวและแรง ก่อนเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะใส่ท้องฟ้า “ฮ่า ๆๆ พวกเจ้าช่างร้ายกาจกันเสียจริง… แต่ช่างเถอะ ในเมื่อพวกเจ้ารู้ความจริงแล้ว ข้าก็จะไม่ปิดบังอีกต่อไป ฟางซื่อหลี่ เจ้าทำเช่นนี้ถือว่าไม่ไว้หน้าสำนักตงหลิน นับจากวันนี้เป็นต้นไป สำนักตงหลินเราจะขอแยกตัวจากอาณาจักรเล่ยฉื่อ พวกเราไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกันอีก”
สุดท้าย หลี่ซืออี้ก็ยอมรับผิดแล้ว
ดวงตาของเฉาชางชุนเป็นประกายวาวโรจน์ จ้องมองหลี่ซืออี้ด้วยความเคียดแค้น “สุดท้ายเจ้าก็ยอมรับแล้วสินะว่าฆ่าหลานชายของข้าจริง ๆ?”
หลี่ซืออี้หัวเราะเยาะตอบกลับไปว่า “แล้วไงล่ะ? วิญญาณของหลานชายเจ้าได้รับใช้บุตรชายของข้าก็ถือเป็นเกียรติมากแล้ว”
“เจ้า…”
เฉาชางชุนสั่นเทาไปทั้งตัว “ข้าจะสู้กับเจ้าเอง”
แล้วคัมภีร์วิญญาณประจำตัวเฉาชางชุนก็ถูกอัญเชิญออกมา
หลี่ซืออี้ระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “เจ้าไม่กลัวตายเลยหรือ?”
หลังจากนั้น สองผู้อาวุโสจากตระกูลเฉาและตระกูลหลี่ก็ยืนเผชิญหน้ากันพร้อมต่อสู้ได้ทุกเมื่อ
“ท่านคิดจะทำอะไรได้โปรดไตร่ตรองดูให้ดีก่อน”
หลินเป่ยเฉินเก็บตะเกียงวิญญาณจำนนพร้อมกับส่งเสียงพูดขึ้นมาว่า “หลี่ซืออี้ ท่านทรยศต่อผู้ใช้สายเลือดผู้เยียวยา ท่านไม่กลัวจะถูกพวกเขารุมทำร้ายเอาหรือ?”
หลี่ซืออี้หันกลับมามองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยความโกรธแค้น “หากไม่มีเจ้าสักคน แผนการของข้าก็คงสำเร็จลุล่วงไปแล้ว… วันนี้ เจ้าเองก็อย่าหวังรอดชีวิตอีกเลย”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ชายชราร่างอ้วนก็ถอยไปยังใต้ต้นไม้ที่ชายชราชุดดำนั่งหลับตาอยู่ “ข้าน้อยคงต้องรบกวนท่านผู้อาวุโสแล้ว ได้โปรดทวงคืนความยุติธรรมให้แก่สำนักตงหลินด้วย”
ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ
“ท่านผู้อาวุโสขอรับ?”
หลี่ซืออี้จ้องมองราชาหินดำที่นั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้และประสานมือทำความเคารพอีกครั้ง “ข้าน้อยมาจากสำนักตงหลิน พวกเรารับใช้ผู้อาวุโสมาอย่างยาวนาน ผู้อาวุโสโปรดสังหารผู้คนเหล่านี้เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้แก่พวกเราด้วย”
ราชาหินดำยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนต่อไป
สมแล้วที่เป็นชนชั้นยอดฝีมือ แม้แต่ในสถานการณ์กดดันเช่นนี้ ก็ยังรักษาความสงบเยือกเย็นเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม
หลี่ซืออี้เห็นว่าสีหน้าของราชาหินดำเริ่มเกิดความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ร่างกายปลดปล่อยพลังกดดันออกมา หลี่ซืออี้จึงหันมาจ้องมองทางฝั่งของหลินเป่ยเฉิน ฟางซื่อหลี่และคนอื่น ๆ ก่อนกล่าวด้วยความมั่นใจว่า
“พวกเจ้าหนีไม่รอดแน่ ราชาหินดำลงมือโจมตีเมื่อไหร่ พวกเจ้ามีแต่ต้องตายกับตายเท่านั้น”
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างกายของราชาหินดำ ผู้คนก็ต้องรีบถอยหนีไม่กล้าเข้าใกล้
เพราะพวกเขายังจำได้ดีถึงพลังทำลายล้างที่น่าหวาดกลัวของชายชราชุดดำผู้นี้
เนื่องจากไม่มีผู้ใดสามารถรับมือราชาหินดำได้ทั้งสิ้น นอกจากกงซานอิ๋งเฉวี่ยน
“เจ้าสมคบคิดแผนร้ายกับคนนอกมานานแล้วสินะ?”
จางไป่ฝูจ้องมองหลี่ซืออี้ด้วยแววตาอาฆาตแค้น พลางกล่าวว่า “การที่ผู้หนึ่งผู้ใดจะสามารถศึกษาวิถีผู้ใช้สายเลือดผู้เยียวยาได้นั้น จำเป็นต้องใช้ความขยันหมั่นเพียรและความอดทนในการท่องตำรามากกว่าผู้ใช้สายเลือดอื่น แต่เจ้ากับคิดเห็นแก่ตัวจนทรยศต่อความพยายามของผู้อื่น ไม่ทราบว่าพวกเจ้าเห็นเราเป็นตัวอะไรกันแน่?”
“เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้คิดทรยศต่อท่านอาจารย์ใหญ่กงซานอิ๋งเฉวี่ยน?”
หลี่เสี่ยวเฟยถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ
หลี่ซืออี้หัวเราะในลำคอตอบกลับไปว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าทำไปนั้น ข้าก็ทำเพื่อผู้ใช้สายเลือดผู้เยียวยาทุกคน ไม่งั้นข้าจะยอมร่วมมือกับราชาหินดำเพื่ออะไร? ราชาหินดำเองก็อยากจะเป็นผู้ใช้สายเลือดผู้เยียวยาเช่นกัน แต่การที่เราจะพัฒนาสายเลือดผู้เยียวยาได้นั้น ก็จำเป็นต้องมีการปฏิรูปขนานใหญ่ และทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าทำไป ข้าล้วนทำด้วยความบริสุทธิ์ใจทั้งสิ้น”
“ไร้ยางอาย”
จางไป่ฝูสวนกลับไปทันที “นี่หรือคือเหตุผลที่เจ้าฆาตกรรมผู้คนและนำวิญญาณของพวกเขาไปเป็นทาสรับใช้?”
หลี่ซืออี้ตอบกลับเสียงเรียบว่า “ไม่ว่าอย่างไรคนเราเกิดมาก็ต้องตายอยู่แล้ว และการตายของพวกเขาก็ถือเป็นการเสียสละเพื่อส่วนรวม นี่เป็นการเสียสละเพื่อความรุ่งเรืองแห่งอนาคตของผู้ใช้สายเลือดผู้เยียวยาทั้งมวล”
บรรดาอาจารย์จากสำนักศึกษาฉิวจื่อต่างก็ระเบิดเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น
นับว่าสำนักตงหลินไร้ยางอายมากเกินไปแล้วจริง ๆ