เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1924 เข้าพบอาจารย์ใหญ่
ตอนที่ 1,924 เข้าพบอาจารย์ใหญ่
ผู้ที่มีส่วนร่วมในการสร้างความวุ่นวายทั้งหมดถูกจับกุมตัว
อาณาจักรเล่ยฉื่อเป็นดินแดนแห่งผู้ใช้สายเลือดผู้เยียวยา แน่นอนว่าพวกเขาต้องสร้างคุกเอาไว้อย่างแน่นหนาและรัดกุม เพราะฉะนั้น พวกเขาจึงสามารถควบคุมตัวผู้คนจากสำนักตงหลินกว่าสี่พันชีวิตได้อย่างไม่มีปัญหา
และบรรดาผู้ที่เคยเป็นพันธมิตรกับสำนักตงหลินต่างก็แยกย้ายสลายตัวกันไปหมดสิ้น
แต่ถึงกระนั้น แม้พวกเขาจะไม่ได้ถูกจับกุม แต่ก็ได้รับการแจ้งเตือนอย่างเป็นทางการว่าห้ามไม่ให้มีการเดินทางออกจากอาณาจักรเล่ยฉื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต
นี่คือคำสั่งที่มีเหตุมีผลดีแล้ว
ถึงอย่างไร พวกเขาก็เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์เหมือนกัน ให้ฆ่าล้างบางทั้งหมดมันก็จะดูโหดร้ายเกินไป
และในเวลาเดียวกันนี้ เรื่องราวการเสียชีวิตของราชาหินดำก็แพร่ไปในวงกว้าง
…ความตายของราชาหินดำเป็นเพียงก้าวแรกสู่ปัญหาใหญ่เท่านั้น
ปัญหาใหญ่ที่ตามมาก็คือผู้ใดจะเป็นคนเติมเต็มช่องว่างในตำแหน่งของกงซานอิ๋งเฉวี่ยน?
…
สำนักศึกษาฉิวจื่อ
ห้องทำงานของฟางซื่อหลี่
“ว่าไงนะขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินตกใจจนเกือบจะทำถ้วยน้ำชาหลุดหล่นจากมือ “อาจารย์ใหญ่อยากพบข้าน้อยอย่างนั้นหรือ?”
เด็กหนุ่มจำได้ว่าตนเองตื่นขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟันเช้าวันนี้ ก่อนจะมานั่งดื่มน้ำชาในห้องทำงานประจำตัวของรองอาจารย์ใหญ่แห่งสำนักศึกษาฉิวจื่อ แล้วอยู่ดี ๆ ฟางซื่อหลี่ก็บอกเขาว่าอาจารย์ใหญ่อยากจะพบเขา
ก็ไหนว่าอาจารย์ใหญ่กงซานอิ๋งเฉวี่ยนตายแล้วไม่ใช่หรือ?
“อาจารย์ใหญ่ยังมีชีวิตอยู่”
ฟางซื่อหลี่รีบอธิบายเร็วไว “เมื่อวันก่อน อาจารย์ใหญ่รับมือการโจมตีจากราชาหินดำ ส่งผลให้อาการบาดเจ็บเก่ากำเริบ จึงต้องเสแสร้งแกล้งตายเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของตนเองอยู่ในแดนตำราสามโลก เจิ้งซินหลู่ไม่ทราบความจริง จึงนำข่าวปลอมมาประกาศบอกทุกคน เพราะเขาร่วมมือกับสองพ่อลูกตระกูลหลี่ ตั้งใจเขย่าขวัญกำลังใจของผู้คน”
หืม?
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เมื่อได้รับทราบว่าเรื่องราวที่แท้จริงเป็นเช่นนี้ เขาก็อดสงสารราชาหินดำขึ้นมาไม่ได้
ตอนแรก ราชาหินดำตั้งใจมาท้าสู้กับกงซานอิ๋งเฉวี่ยนโดยเอาชีวิตของทั้งสองฝ่ายเป็นเดิมพัน แต่บัดนี้ มีเพียงราชาหินดำเท่านั้นที่ต้องลงไปนอนอยู่ในโลงศพ
ส่วนกงซานอิ๋งเฉวี่ยนยังคงมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัย
หลังจากนั้นไม่นาน
ฟางซื่อหลี่ก็เดินนำทางหลินเป่ยเฉินไปยังบริเวณชั้นในของสำนักศึกษาฉิวจื่อ
พวกเขาเดินข้ามสะพานที่เป็นรูปทรงของหนังสือวางเรียงต่อกัน
ในอากาศมีแต่คัมภีร์ลอยว่อนเต็มไปหมด
คัมภีร์เหล่านั้นไม่ต่างจากนกน้อยที่บินอยู่ในอากาศ
แต่รัศมีแปลกประหลาดที่แผ่ออกมาจากคัมภีร์เหล่านั้นกลับทำให้ผู้คนรู้สึกจิตใจสงบขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ฟางซื่อหลี่อธิบายว่าพื้นที่ซึ่งพวกเขากำลังจะเดินทางเข้าไปนั้นเรียกว่าแดนตำราสามโลก ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้เก็บคัมภีร์ความรู้ทุกชนิดสำหรับผู้ใช้สายเลือดผู้เยียวยา
และมีเพียงผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนั้นได้
ฟางซื่อหลี่อธิบายยังไม่ทันจบ
เขาก็จ้องมองไปยังทางเดินเบื้องหน้าที่เกิดแสงสว่างเป็นประกายระยิบระยับขึ้น
แล้วทันใดนั้น เฉียวฟู่กับเฉียวปี้อี๋ก็เดินออกมาจากแสงสว่างพร้อมด้วยกลุ่มอาจารย์อาวุโสของสำนักศึกษาฉิวจื่ออีกนับสิบคน
อ้าว นี่มัน…
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโต
ตอนแรก เด็กหนุ่มเข้าใจว่าพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างแดนตำราสามโลกนั้น เป็นสถานที่ซึ่งไม่ใช่ใครก็จะเข้าไปได้ง่าย ๆ ต้องเป็นผู้มีพรสวรรค์และเป็นคนดีอย่างเขาเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าไปได้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่า…
ทว่าหลินเป่ยเฉินกลับต้องถอนหายใจ เพราะแดนตำราสามโลกนั้นเป็นดินแดนที่ผู้ใดก็สามารถเข้าออกได้อย่างง่ายดายจริง ๆ
“อ้าว พี่เฉินมาแล้วหรือเจ้าคะ?”
เฉียวปี้อี๋มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นหน้าหลินเป่ยเฉิน นางกระโดดเข้ามาหาเขาด้วยดวงตาเป็นประกายแวววาว
สีหน้าของเด็กสาวบอกชัดถึงความสุขที่เหมือนได้อยู่ในความฝันของตนเอง
มีผู้ใดสามารถคาดเดาได้บ้างว่าผู้เข้าสอบที่ทำคะแนนได้ต่ำต้อยอย่างนาง จะได้กลายเป็นศิษย์เอกของอาจารย์ใหญ่กงซานอิ๋งเฉวี่ยน?
สำหรับเฉียวปี้อี๋ นี่คือเรื่องราวที่นางไม่เคยกล้าที่จะฝันด้วยซ้ำ
จนถึงบัดนี้ เด็กสาวก็ยังไม่เข้าใจเหตุผลอยู่ดี
แต่เฉียวปี้อี๋ไม่ใช่ผู้คนที่ชอบคิดสิ่งใดให้มากความ หากนางได้รู้สิ่งใด นางก็ไม่ต้องการตามหาคำตอบ นางเพียงมีความสุขไปกับมันก็พอแล้ว
หลินเป่ยเฉินเอื้อมมือไปขยี้หัวเฉียวปี้อี๋ ก่อนกล่าวว่า “นี่นับเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งนัก เจ้าต้องรีบเติบโตให้มากกว่านี้และตั้งใจร่ำเรียนเข้าล่ะ”
“ข้ารู้แล้วน่า”
เฉียวปี้อี๋ยืดอกอวบอิ่มขึ้นด้วยความมุ่งมั่น
แน่นอนว่านางต้องตั้งใจศึกษาเล่าเรียนมากกว่าเดิม
เพราะไม่มีผู้ใดอยากจะเป็นตัวตลกในสายตาของผู้อื่นตลอดไปหรอก
“คุณชายเฉิน เชิญทางนี้”
ฟางซื่อหลี่เดินนำทางก้าวไปสู่แสงสว่างข้างหน้าที่เป็นประกายระยิบระยับนั้น แล้วร่างของชายชราก็หายวับไป
หลินเป่ยเฉินก็เดินตามติดเข้าไปอย่างใกล้ชิด
เมื่อเดินเข้าสู่แสงสว่างบนสะพานนั้น หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกได้ถึงความอ่อนนุ่มที่ห้อมล้อมจากรอบกาย เขารู้สึกเหมือนตนเองกำลังได้รับการบดคลึงจากถันของสาวงาม นี่เป็นความรู้สึกที่หลินเป่ยเฉินไม่จำเป็นต้องต่อต้านเลยแม้แต่น้อย
แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็กลายเป็นแสงสว่างเจิดจ้า
เมื่อภาพทุกอย่างตีลังกากลับหัว หลินเป่ยเฉินก็ตกอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนัก
จนกระทั่งแสงสว่างจางหายไป แสงแดดก็กลับมาสว่างอีกครั้ง ไม่มีอาการเวียนหัวตาลาย ไม่มีเครื่องประดับตกแต่งที่น่าตื่นตาตื่นใจ รอบกายของพวกเขาในขณะนี้มีแต่เพียง…
ตำรา
หลินเป่ยเฉินมองเห็นแต่ชั้นวางตำราไม่มีที่สิ้นสุด
บนพื้นก็มีตำรากองอยู่เต็มไปหมด
ไม่ว่ามองไปยังทิศทางใดก็จะเห็นแต่ตำรา
หลินเป่ยเฉินหมุนตัวมองสภาพแวดล้อมรอบตัว และเขาก็พบว่าตนเองกำลังยืนอยู่ท่ามกลางภูเขาจำนวนมาก แต่ภูเขาเหล่านั้นสร้างขึ้นมาจากกองหนังสือเท่านั้น
และบนภูเขาตำราลูกหนึ่งที่ตั้งอยู่ห่างออกไปไม่ไกล มีโต๊ะและเก้าอี้ชุดหนึ่งตั้งเอาไว้
เด็กสาวผมยาวสีเขียวผู้มีท่าทางอ่อนแอคนหนึ่ง นั่งอยู่หลังโต๊ะตัวนั้น นางห่มผ้าห่มทองคำ ขณะกำลังจ้องมองมาที่หลินเป่ยเฉินอย่างไม่วางตา
เด็กสาวผู้นี้หรือคืออาจารย์ใหญ่กงซานอิ๋งเฉวี่ยน?
คนที่หลินเป่ยเฉินเคยได้ยินแต่เสียงเท่านั้น
เด็กสาวผู้นี้มีหน้าตาที่อ่อนเยาว์มาก
แต่ไม่สามารถบอกได้เลยว่านางมีอายุที่แท้จริงเท่าไหร่กันแน่
เพราะสำหรับผู้ที่มีขั้นพลังสูงส่งนั้น ต่อให้มีอายุเป็นพันปี ก็สามารถทำให้รูปโฉมของตนเองเยาว์วัยได้เสมอ
ฟางซื่อหลี่หยุดยืนอยู่ด้านข้าง สีหน้าแสดงออกถึงความเคารพสูงสุด
หลินเป่ยเฉินเดินขึ้นไปบนภูเขาตำราลูกนั้นและประสานมือคำนับด้วยความนอบน้อม “ข้าน้อยขอคารวะอาจารย์ใหญ่กงซานอิ๋งเฉวี่ยน”
เด็กสาวผมเขียวท่าทางอ่อนแอยิ้มเล็กน้อย ก่อนตอบว่า “เชิญนั่งเถอะ”
แล้วเก้าอี้หยกตัวหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหลินเป่ยเฉิน
หลินเป่ยเฉินนั่งลงตามคำเชิญอย่างว่าง่าย “อาจารย์ใหญ่ยังไม่ตายอีกหรือขอรับ?”
ฟางซื่อหลี่เลิกคิ้วขึ้นสูงเมื่อได้ยินคำพูดนั้น นับว่าเด็กหนุ่มผู้นี้พูดจาไม่เคยเข้าหูคนเลยจริง ๆ
จากนั้นชายชราก็รีบหมุนตัวเดินจากไป
ในแดนตำราขณะนี้ จึงเหลือหลินเป่ยเฉินกับกงซานอิ๋งเฉวี่ยนตามลำพังเท่านั้น
กงซานอิ๋งเฉวี่ยนจ้องมองเด็กหนุ่มด้วยแววตาสงสัยและพินิจพิเคราะห์
รูปร่างหน้าตาของนางเป็นเพียงเด็กสาวผู้หนึ่ง แต่แววตาที่ใช้จ้องมองหลินเป่ยเฉินนั้นมีบางสิ่งบางอย่างแตกต่างออกไป
เป็นแววตาที่แสดงออกให้เห็นถึง… ความเคารพยกย่อง?
หลินเป่ยเฉินแทบไม่อยากเชื่อว่าอาจารย์ใหญ่กงซานอิ๋งเฉวี่ยนกำลังมองเขาด้วยความเคารพชื่นชม
เด็กหนุ่มจึงอดสงสัยอยู่ในใจไม่ได้ว่า ‘หรือนางจะชื่นชมเราที่เป็นคนสังหารราชาหินดำได้สำเร็จ?’