เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1936 การเผชิญหน้า
ตอนที่ 1,936 การเผชิญหน้า
“นายท่าน มีเรือเหาะของพวกเผ่าพันธุ์อสูรอยู่ด้านหน้าขอรับ”
หวังเฟิงหลิวรีบเดินเข้ามารายงานอย่างเร็วไว
เรือเหาะของเผ่าพันธุ์อสูรอย่างนั้นหรือ?
หลินเป่ยเฉินลุกขึ้นเดินไปยังบริเวณหัวเรือ นำกล้องส่องทางไกลที่ซื้อมาจากแอปเถาเป่าขึ้นทาบดวงตาและจ้องมองไปยังท้องฟ้าเบื้องหน้าอันกว้างใหญ่
“ท่านพี่ ท่านมองด้วยตาเปล่าก็เห็นนะขอรับ”
เซียวปิงที่เดินตามมายืนอยู่ด้านข้างพูดขึ้นเงียบ ๆ
หลินเป่ยเฉินจึงลดกล้องส่องทางไกลลง
และเขาก็เห็นว่าห่างออกไปไม่ไกล เรือเหาะขนาดกลางจำนวนสิบลำกำลังแล่นเข้ามาด้วยความเร็วสูงสุด
เรือเหาะเหล่านั้นมีความแตกต่างจากเรือเหาะของมนุษย์ สัญลักษณ์ที่ประดับอยู่บนตัวเรือนั้นเป็นสัญลักษณ์ของเผ่าพันธุ์อสูร หลินเป่ยเฉินสามารถระบุได้ตั้งแต่ตรงนี้เลยว่าวัสดุที่ถูกนำมาสร้างเป็นลำเรือนั้นคือกระดูกชิ้นใหญ่และผืนธงที่กำลังโบกสะบัดก็ทำมาจากหนังสัตว์หลายประเภท… ตำนานที่เล่าขานว่าพวกอสูรมักจะนำศพของยอดฝีมือไปสร้างเป็นเรือเหาะนั้นดูท่าจะเป็นเรื่องจริง
“พวกนี้เป็นเรืออะไร?”
หลินเป่ยเฉินสอบถาม
“เป็นเรือรบขอรับ”
หวังเฟิงหลิวรีบอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “นายท่าน พวกมันไม่ได้มีเจตนาดีแน่นอน นี่ไม่ใช่กองเรือขนส่งสินค้าของหอการค้าอสูร แต่นี่เป็นเรือรบของพวกมัน ไม่ว่าพวกมันจะปรากฏตัวขึ้นบริเวณใด พื้นที่ในแถบนั้นก็จะถูกทำลายล้างไม่เหลือสิ้น… โดยเฉพาะในระยะหลัง กองเรืออสูรโจมตีดาวเคราะห์ของมนุษย์นับไม่ถ้วน ดาวเคราะห์หลายดวงถูกยึดไปเป็นเขตแดนของเผ่าอสูรและเรือเหาะของมนุษย์ก็ถูกยิงร่วงทุกหนทุกแห่งในเส้นทางดาราจักร”
“ไม่เป็นไร”
หลินเป่ยเฉินตอบ “เดินหน้าต่อไป ข้าเองก็อยากรู้เช่นกันว่าพวกมันจะทำสิ่งใด”
หวังเฟิงหลิวมีสีหน้าลังเลเล็กน้อย “แต่นายท่าน เราไม่ควรเผยตัวนะขอรับ”
เผ่าพันธุ์อสูรร่วมมือกับเผ่ามนุษย์ทะเลทราย บัดนี้ พวกมันจึงกลายเป็นหนึ่งในขุมกำลังที่น่าเกรงขามที่สุด
และหลินเป่ยเฉินก็กำลังถูกเผ่ามนุษย์ทะเลทรายไล่ล่าตัว
หากหลินเป่ยเฉินเผชิญหน้ากับเรือรบอสูรในครั้งนี้ นั่นก็เท่ากับเด็กหนุ่มเผยตัวให้อีกฝ่ายได้พบเห็น และเผ่ามนุษย์ทะเลทรายก็จะรับทราบข่าวนี้ ซึ่งปัญหาใหญ่ก็จะตามมาในภายหลัง
“ข้าบอกว่าไม่เป็นไรไงล่ะ”
หลินเป่ยเฉินกล่าวเสียงเรียบเฉย “แค่เราฆ่าปิดปากพวกมันให้หมดก็พอ”
หวังเฟิงหลิวหันไปชำเลืองมองหวังจงที่ยืนก้มหน้าอยู่ด้านข้างและเมื่อเห็นว่าชายชราไม่กล่าวคำใด เขาก็รีบหมุนตัวไปปฏิบัติตามคำสั่งทันที
ระยะห่างเหลือเพียงไม่กี่ลี้
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ทันใดนั้น เรือรบอสูรเปิดฉากยิงปืนใหญ่
กลุ่มอสูรผิวม่วงที่มีฟันแหลมคม ถือดาบและโล่ในมืออย่างละข้างปรากฏตัวขึ้นบนดาดฟ้าเรือเหาะของพวกมัน บางตัวติดปีกโลหะบนแผ่นหลัง บางตัวถือตะขอเกี่ยวอยู่ในมือ รอคอยให้เรือเหาะของพวกมันเข้าใกล้เรือเหาะของมนุษย์มากกว่านี้ พวกมันก็จะข้ามไปบุกโจมตีอย่างไม่รอช้า
เห็นได้ชัดว่านี่คืองานถนัดของพวกมัน
การฆ่าและปล้นสะดม
สิ่งเหล่านี้คือเรื่องราวที่ไหลเวียนอยู่ในเลือดเนื้อ
ทุก ๆ การโจมตีของพวกมันไม่เคยผิดพลาด
แต่ละครั้งที่สามารถจมเรือเหาะของมนุษย์ได้สำเร็จ พวกมันก็จะได้เฝ้ามองมนุษย์ร้องไห้คร่ำครวญและหลั่งเลือดภายใต้คมดาบและคมขวานของเผ่าพันธุ์อสูร ทุกครั้งที่มนุษย์ถึงแก่ความตาย พวกมันจะร่ำรวยมากขึ้น สุดท้าย ผู้คนก็เรียกขานพวกมันว่ากองโจรอสูรม่วง
พวกมันมั่นใจว่าความรุ่งเรืองของเผ่าพันธุ์อสูรกำลังจะกลับคืนมา
และในวันนี้ พวกมันก็พบกับเหยื่อชิ้นโต!
เรือเหาะมนุษย์สีเงินลำนั้นโดดเด่นสะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น หมายความว่าบนเรือเหาะต้องบรรทุกบุคคลสำคัญและมีสิ่งของมีค่าอยู่เป็นจำนวนมาก
แม้อาจจะต้องเหนื่อยแรงสักหน่อย แต่รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน
กระสุนปืนใหญ่ที่ยิงออกไปนั้น สามารถทำได้เพียงสร้างความสั่นไหวให้แก่ม่านพลังที่ครอบคลุมเรือเหาะฝ่ายตรงข้ามเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แต่กองโจรอสูรม่วงก็ไม่วิตกกังวล
เพราะว่าพวกมันมีจำนวนกำลังพลเหนือกว่าเรือเหาะของฝ่ายตรงข้าม
สถานการณ์ในขณะนี้ เรือเหาะของมนุษย์จึงไม่ต่างจากสิงโตที่ถูกฝูงหมาป่าห้อมล้อม
“ฆ่ามัน!”
“เพื่อเกียรติยศแห่งกองโจรอสูรม่วง!”
ผู้นำกองโจรอสูรที่ยืนอยู่บนเรือเหาะลำหน้าสุดชูขวานยักษ์ที่อยู่ในมือของมันขึ้นสูง
เมื่อระยะห่างระหว่างเรือเหาะทั้งสองฝ่ายเหลือเพียงไม่ถึงหนึ่งลี้ กลุ่มอสูรก็เริ่มพุ่งตัวออกไป
และสิ่งที่พวกมันประหลาดใจก็คือมีผู้คนจากเรือเหาะสีเงินลำนั้นพุ่งตัวออกมาด้วยเช่นกัน
ไม่ใช่สิ สิ่งมีชีวิตที่พุ่งตัวออกมานั้นไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นหนูยักษ์ตัวหนึ่ง
ในปากของมันคาบบุหรี่และในมือก็ถือถ้วยสุรา ขนบนตัวของมันชี้ชัน ร่างกายสวมใส่ชุดเกราะหนังสีขาวอย่างเป็นเอกลักษณ์และดูตลกขบขัน ไม่มีสง่าราศีของการเป็นสัตว์อสูรจอมสังหารเลยแม้แต่น้อย
เจ้าหนูตัวนี้จะออกมาทำไมกันนะ?
หรือว่าถูกส่งออกมาเป็นอาหารให้แก่ฝ่ายศัตรู?
การต่อสู้ดำเนินไปชั่วชงน้ำชาหนึ่งถ้วย
แล้วกองเรือหมายเลข 98765 ของกองโจรอสูรม่วงก็แตกพ่าย
อากวงแสดงให้เห็นถึงพลังทำลายล้างที่แท้จริงของมัน หลังจากปลุกพลังอสูรผู้กลืนกินที่หลับใหลอยู่ในตัวขึ้นมาได้สำเร็จ มันต่อสู้ด้วยมือเพียงข้างเดียวเท่านั้น ก็สามารถสังหารอสูรได้นับร้อยตัว มิหนำซ้ำ ยังสามารถจมเรือเหาะของอีกฝ่ายได้สำเร็จอีกด้วย…
นี่เท่ากับกองเรือหมายเลข 98765 ของกองโจรอสูรม่วงต้องพ่ายแพ้ให้แก่หนูยักษ์เพียงตัวเดียว
และบรรดาอสูรที่รอดชีวิตก็ไม่มีตัวไหนหลบหนีไปได้
พวกมันถูกอากวงตามล่าจนถึงที่สุด
สุดท้าย กลุ่มอสูรระดับผู้นำสิบกว่าตัวก็ถูกลากกลับมาที่เรือเหาะเซียนกระบี่อมตะด้วยใบหน้าที่บวมช้ำยับเยิน
“บอกมา พวกเจ้ามาทำอะไรแถวนี้?”
หลินเป่ยเฉินถามพลางย่างเนื้อบนเตาไปด้วยขณะหันไปจ้องมองผู้นำกลุ่มอสูรที่มีนามว่าเฟยหลุน ซึ่งกำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนดาดฟ้าเรือเหาะ ใบหน้าบวมช้ำ สภาพน่าอนาถใจ “เท่าที่ข้าทราบ นี่เป็นอาณาเขตของเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่ใช่หรือ?”
หลินเป่ยเฉินคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าสิ่งที่ทำให้กองโจรอสูรกลุ่มนี้ถึงกับกล้าบุกโจมตีเรือเหาะของตนเองคืออะไร
“ข้าทำเพื่อแก้แค้นให้กับสหายของเรา”
เฟยหลุนมีเลือดไหลออกมาจากร่างกายเป็นจำนวนมาก แต่มันก็ยังตอบด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวและดุดัน “อาณาเขตนี้เคยเป็นของเผ่าพันธุ์อสูรมาก่อน แต่ที่อยู่อาศัยของพวกเราก็ถูกมนุษย์โสโครกอย่างพวกเจ้าแย่งชิงไปจนหมด ทั้ง ๆ ที่มนุษย์อย่างเจ้ามีค่าเป็นได้เพียงสัตว์เลี้ยงและอาหารของพวกเราเท่านั้น…”
ปัง!
หลินเป่ยเฉินระเบิดศีรษะเฟยหลุนทิ้งไปทันที
“เจ้าตอบผิด”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นเป่านิ้วมือของตนเอง “ตัวต่อไป”
เมื่อกลุ่มผู้นำอสูรอีกสิบกว่าตัวเห็นเช่นนั้น พวกมันก็ระเบิดเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น
แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าอาละวาดอีก
รองหัวหน้ากลุ่มผู้มีนามว่าเฟยอานถูกลากตัวออกมา
“เจ้าได้ยินคำถามของข้าแล้วนะ บอกมาว่าพวกเจ้ามาทำอะไรแถวนี้?”
หลินเป่ยเฉินยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามเย้ยหยันต่อไป
“พวกเรากองโจรอสูรม่วง…”
ปัง!
เฟยอานผู้โกรธแค้นยังไม่ทันได้ตอบคำถามจบประโยค ศีรษะก็ต้องระเบิดกระจายไปเสียแล้ว
ศพขนาดใหญ่ล้มลงกระแทกพื้นเสียงดังโครม
“เฮอะ ตอบไม่ตรงคำถามก็ต้องมีจุดจบเช่นนี้ล่ะนะ”
หลินเป่ยเฉินตวาดและกล่าวว่า “ตัวต่อไป”