เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1940 ผู้ขี่สายฟ้า
ตอนที่ 1,940 ผู้ขี่สายฟ้า
หลินเป่ยเฉินบิดคันเร่งด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างถือกระบี่ เขารู้สึกเหมือนตนเองเป็นตัวละครในเรื่องสามก๊กที่กำลังขี่ม้าบุกตะลุยเข้าสู่เขตแดนของศัตรู
แต่น่าเสียดายที่ไม่มีโจโฉมาคอยถามว่า “ท่านมีนามอันสูงส่งว่าอันใด?”
หลินเป่ยเฉินใช้ความคิดอยู่เล็กน้อย สุดท้ายก็โยนกระบี่ในมือซึ่งไม่รู้ว่าติดมือมาตั้งแต่เมื่อไหร่ทิ้งไป
แล้วเขาก็นำกระบี่ยักษ์ออกมาใช้งานจากแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์…
ค่อยดูดีขึ้นมาหน่อย
“ผู้ใดที่ขวางทางข้า พวกมันจะต้องตายทั้งหมด”
หลินเป่ยเฉินแผดเสียงคำรามพร้อมกับบิดมอเตอร์ไซค์ตรงเข้าไปยังเขตแนวป้องกันชั้นนอกของจุดทิ้งสมอ ซึ่งเผ่าพันธุ์อสูรตั้งกองกำลังคุ้มกันอย่างแน่นหนา
และในไม่กี่อึดใจต่อมา หายนะก็เกิดขึ้นกับพวกมันทั้งหมด
ลำแสงกระบี่สาดประกายเจิดจ้า
เรือเหาะอสูรที่อยู่ในบริเวณนั้นถูกตัดขาดครึ่ง ก่อนจะตามมาด้วยการระเบิดอย่างรุนแรง ค่ายอาคมถูกสลาย นักรบอสูรจำนวนนับไม่ถ้วนต้องเสียชีวิตในพริบตาเดียว
เพียงไม่ถึงยี่สิบลมหายใจ หลินเป่ยเฉินก็สามารถกวาดล้างกลุ่มอสูรที่ประจำการอยู่ในเขตป้องกันชั้นนอกได้สำเร็จ
เรือเหาะเซียนกระบี่อมตะแล่นตามมาด้วยความไม่รีบร้อน
ทุกคนที่อยู่บนดาดฟ้าเรือล้วนประหลาดใจ
พวกเขายังไม่ได้ลงมือทำสิ่งใดเลย ก็สามารถผ่านทางได้โดยสะดวกแล้วหรือ?
นี่มันง่ายดายมากเกินไปแล้ว
เรือเหาะอสูรถูกทำลายอย่างง่ายดายนัก
ในพริบตาต่อมา เรือเหาะเซียนกระบี่อมตะก็ลอยลำเข้าสู่เขตแนวป้องกันชั้นใน
หลินเป่ยเฉินถือกระบี่ทำมุมสี่สิบห้าองศาและตวัดฟาดฟันอย่างต่อเนื่อง
คมกระบี่สาดประกายแวววาว
ไม่ต่างจากนินจาที่ตวัดดาบหั่นผลไม้กลางอากาศจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“สกัดมันให้ได้”
“พวกเรารีบหยุดมันเอาไว้”
บรรดานักรบอสูรร้องคำราม
พวกมันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเรือเหาะมนุษย์เพียงลำเดียวจะสามารถบุกทะลวงมาได้ถึงเขตแนวป้องกันชั้นใน
โดยเฉพาะมือกระบี่ชุดขาวผู้นั้น เขาอยู่ในท่วงท่าแปลกประหลาด นั่งโก้งโค้งถ่างขา ลักษณะเหมือนกำลังขี่ม้าหรือขี่สัตว์อสูร แต่กลับสามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็วสายฟ้าฟาด
“มีผู้ใดอยากจะออกไปฆ่ามันผู้นั้นให้กับข้าบ้าง?”
ห่างออกไปไม่ไกล บนอุกกาบาตลูกหนึ่ง อสูรโลหิตที่มีร่างกายสูงใหญ่เท่ากับตึกสามชั้นระเบิดพลังกดดันออกมาจากร่างกาย ดวงตาของมันเป็นสีแดงก่ำ กล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันอำมหิตว่า “ผู้ใดก็ตามที่สามารถสังหารมันได้สำเร็จ ข้าจะมอบมนุษย์ทาสให้พันคน เงินสดอีกแสนตำลึงทอง และขวานเหล็กเล่นแร่แปรธาตุระดับ 49 อีกหนึ่งด้าม”
ร่างของอสูรอีกยี่สิบตัวพลันปรากฏขึ้นด้านหลัง
แต่ละตัวล้วนเป็นยอดฝีมือของกลุ่มอสูรโลหิต
“ท่านแม่ทัพ ข้าน้อยขอไปเอง”
กู่หลุน เจ้าของฉายาขวานโลหิตใจสลายคุกเข่าข้างเดียวขอรับภารกิจ
“ประเสริฐ กู่หลุน เจ้าต้องสามารถสังหารพวกมันได้อย่างแน่นอน”
“นายท่านไม่ต้องเป็นกังวล ข้าจะทำให้มนุษย์เหล่านี้ต้องทรมานอย่างถึงที่สุด”
กู่หลุนตอบรับด้วยความมั่นใจ
มันเป็นอสูรผิวแดงสวมใส่ชุดเกราะโลหะ ร่างกายสูงใหญ่กำยำ มีพลังอยู่ในขั้นจอมอสูรจักราระดับ 5 ผิวหนังมีความแข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกล้า ยามลงสู่สนามรบถือเป็นสัตว์ร้ายกระหายเลือดที่น่ากลัว และตลอดเวลาที่ผ่านมา กู่หลุนก็สร้างผลงานในการฆ่ามนุษย์ได้อย่างน่าประทับใจ
มันสะกิดเท้าและพุ่งตัวขึ้นไปในอากาศ เข้าสู่สนามรบโดยไม่ลังเล
“ฮ่า ๆๆ มนุษย์เพียงหยิบมือเดียวไม่คณามือท่านแม่ทัพกู่หลุนแน่”
“ใช่ วันนี้ข้าจะได้เห็นขวานโลหิตใจสลายอาละวาดอีกแล้วสินะ”
“มือกระบี่ชุดขาวผู้นั้นต้องถึงแก่ความตายแน่ ๆ”
บรรดาสมาชิกกลุ่มอสูรโลหิตยืนพูดคุยกันด้วยความมั่นใจในตัวของกู่หลุน
ผู้บังคับบัญชาร่างยักษ์ยิ้มและลูบหนวดเคราของตนเองอย่างช้า ๆ
แต่หลังจากนั้น สีหน้าของมันก็เปลี่ยนไป
เพราะมือกระบี่ชุดขาวเพียงตวัดกระบี่ครั้งเดียวเท่านั้น ร่างของขวานโลหิตใจสลายกู่หลุนก็ถูกตัดขาดเป็นสองท่อน
ง่ายดายไม่ต่างจากชาวนาเกี่ยวข้าว!
ขวานโลหิตซึ่งเป็นอาวุธคู่กายของกู่หลุนตกไปอยู่ในมือของมือกระบี่ชุดขาว
หลังจากนั้น มือกระบี่ชุดขาวก็ถือกระบี่ในมือหนึ่งและอีกมือก็ถือขวานใหญ่ เขาสะบัดอาวุธทั้งสองชนิดนั้นไม่ต่างจากกังหันลม การสังหารรุนแรงมากขึ้น โลหิตอสูรสาดกระจายในอากาศ นี่เป็นการลงมือที่อำมหิตและไร้ความเมตตายิ่งนัก
สีหน้าของกลุ่มอสูรโลหิตแปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
“แย่แล้วสิ”
ใครคนหนึ่งอุทานขึ้นมา “เจ้านั่นกำลังตรงมาที่นี่แล้ว”
พวกมันพบว่ามือกระบี่ชุดขาวที่กำลังถือขวานโลหิตนั้นพุ่งทะยานเข้ามาทางตนเองด้วยความเร็วสายฟ้าฟาด บริเวณบั้นท้ายระเบิดเสียงคำรามออกมาดังสนั่นหวั่นไหว
“ให้มันมาเถอะ”
ผู้บังคับบัญชาอสูรโลหิตยิ้มมุมปาก “มันจะมีปัญญาทำอะไรข้าได้ ฮ่า ๆๆ…”
มันหัวเราะในลำคอด้วยความเหยียดหยาม
บัดนี้ บนผิวหนังของมันปรากฏเส้นเลือดปูดโปนไม่ต่างจากรอยสักแปลกประหลาด ดวงตาจ้องมองมือกระบี่ชุดขาวที่กำลังขี่สายฟ้าพุ่งตรงมาหาตนเองด้วยแววตาอำมหิต
จิตสังหารเดือดพล่าน
เหล่ายอดฝีมือของกลุ่มอสูรโลหิตต้องล่าถอยไปอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง
พวกมันดูออกว่าท่านผู้บัญชาการกำลังโกรธแค้น
และความโกรธแค้นของท่านผู้บัญชาการก็มีความน่ากลัวเสมอ
เคยมีมนุษย์ผู้หนึ่งทำให้ท่านผู้บัญชาการโกรธแค้นเช่นนี้มาแล้ว
ผลลัพธ์ก็คือ…
เผ่าพันธุ์มนุษย์ในดาวเคราะห์ดวงนั้นต้องถูกจับตัวมาทรมานถึงหกสิบล้านคน ก่อนที่จะถูกฆ่าตายด้วยความโหดร้ายอำมหิตทั้งหมด
ห่างออกไปไม่ไกล
มือกระบี่ชุดขาวพุ่งทะยานเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ
ห้าลี้…
สามลี้…
สองลี้…
ไม่กี่ร้อยวา…
ด้วยความเร็วอันน่าตกตะลึง
ไม่ว่าเขาผ่านไปบริเวณใด ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะแหลกสลายเป็นผุยผง
ระหว่างทางไม่มีสิ่งใดที่จะหยุดยั้งเขาได้
สามร้อยวา…
หนึ่งร้อยวา…
“ตายซะเถอะ!”
มือกระบี่ชุดขาวระเบิดเสียงคำราม ก่อนที่รังสีจากขวานโลหิตจะสาดกระจายปกคลุมผืนฟ้า
ม่านโลหิตสาดกระเซ็น
ลำแสงสีขาวและลำแสงสีแดงตัดสลับกัน
“เจ้านั่นแหละที่ต้องตาย”
ผู้บัญชาการกลุ่มอสูรโลหิตยกง้าวในมือขึ้นสูงและตวัดออกไปเต็มแรง
คมง้าวสาดประกายราวแสงจันทร์
ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่าต้องมีมนุษย์เสียชีวิตภายใต้คมง้าวนี้มามากมายเพียงใด
ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือจากสำนักใด ไม่ว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งจากอาณาจักรไหน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับง้าวด้ามนี้ ทุกคนก็ต้องตกตายอย่างไร้ทางหวนคืน
แหลกสลายเป็นเพียงเถ้าถ่าน
โลหิตไหลนอง
กลายเป็นเหยื่ออีกหนึ่งคนที่ถูกสังหารโดยผู้บัญชาการกลุ่มอสูรโลหิต
แต่บัดนี้…
เคร้ง!
เสียงอาวุธปะทะกันดังขึ้น
สะเก็ดไฟสาดกระจายใส่ใบหน้าของกลุ่มอสูร
วูบ!
เงาร่างเคลื่อนไหวในอากาศ
ทันใดนั้น มีร่างหนึ่งซวนเซ
ภาพยังคงไม่หยุดนิ่ง
แล้วกลุ่มอสูรก็ได้เห็นว่ามือกระบี่ชุดขาวกำลังขี่สายฟ้าหลบหนีไป…