เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1941 ท่านผู้บัญชาการตายแล้ว!
ตอนที่ 1,941 ท่านผู้บัญชาการตายแล้ว!
กลุ่มอสูรโลหิตยังไม่ทันได้ตั้งตัว การต่อสู้ก็จบลงอย่างรวดเร็ว มือกระบี่ชุดขาวผู้ขี่สายฟ้าพุ่งตัวหายลับไปในพริบตา ไม่มีผู้ใดสามารถตามจับตัวได้ทัน
“ท่านแม่ทัพขอรับ มันหนีไปแล้ว”
“ท่านแม่ทัพขอรับ ให้พวกเราไล่ตามหรือ… เอ๊ะ?”
บรรดาลูกสมุนกำลังจะร้องขอคำสั่ง แต่เสียงของพวกมันก็ขาดหายไปอย่างกะทันหัน ก่อนจะตามมาด้วยเสียงอุทานด้วยความเหลือเชื่อ
ตุบ!
เพราะศีรษะผู้บัญชาการของพวกมันร่วงหลุดออกจากบ่า
บาดแผลเรียบเนียนบนลำคอ
ฟู่!
โลหิตพุ่งกระฉูดออกมาปานน้ำพุ
ท่านผู้บัญชาการตายแล้ว?!
บรรดาอสูรโลหิตที่เหลืออยู่ต่างก็เบิกตาโต ตกตะลึง ทำสิ่งใดไม่ถูกอีกแล้ว
ท่านผู้บัญชาการของพวกมันมีความแข็งแกร่งที่ไร้เทียมทาน แต่เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ก็ถูกมือกระบี่ชุดขาวตัดศีรษะได้แล้วหรือ?
พวกมันไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตนเองกำลังเห็น
แต่หลังจากนั้น ร่างไร้ศีรษะของท่านผู้บัญชาการก็ล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง
จบสิ้นแล้ว!!
ถ้อยคำนั้นผุดขึ้นในห้วงคิดของกลุ่มอสูรโลหิต
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พวกมันคือผู้ที่เชื่อมั่นในความแข็งแกร่ง
เมื่อผู้เป็นหัวหน้าใหญ่ล้มตาย กลุ่มลูกสมุนที่เหลืออยู่ก็ไม่มีขวัญกำลังใจที่จะหยิบจับอาวุธต่อสู้อีกแล้ว
แต่ยังไม่ทันที่พวกมันจะได้ทำสิ่งใดต่อไป หูของกลุ่มอสูรก็ได้ยินเสียงปานฟ้าคำรามดังขึ้นอีกครั้ง
เป็นมือกระบี่ชุดขาว
เขา… จะกลับมาฆ่าพวกมันใช่หรือไม่?
“พวกเราแก้แค้นให้ท่านแม่ทัพให้ได้…”
รองผู้บัญชาการอสูรนามว่าม่อโต้วกัดฟันกรอด
แต่พูดยังไม่ทันจบประโยค
โลหิตก็สาดกระจาย
หัวของมันกลิ้งกระเด็นออกไป
หลินเป่ยเฉินกระโดดลงจากมอเตอร์ไซค์ไปที่ศพของผู้บัญชาการอสูรและเริ่มตรวจค้นอย่างละเอียด
เมื่อสักครู่นี้ เขารีบหนีเกินไปหน่อยจนลืมตรวจดูของมีค่า
“นี่คือเจ้านายของพวกเจ้าใช่หรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินถามพร้อมกับตรวจค้นซากศพ “แม่ทัพของพวกเจ้ามีสมบัติอะไรติดตัวอยู่บ้าง?”
กลุ่มลูกสมุนอสูรหยุดชะงัก แต่แล้วพวกมันก็ระเบิดเสียงคำราม พร้อมใจกันพุ่งโจมตีใส่หลินเป่ยเฉิน
นี่คือบุคลิกที่ดุร้ายและไม่กลัวความตาย สมแล้วที่เป็นเผ่าพันธุ์อสูร แม้พวกมันจะรู้ว่าตนเองไม่ใช่คู่มือของหลินเป่ยเฉิน แต่พวกมันก็พยายามจะโจมตีเขาอยู่ดี…
นี่คือธรรมชาติของพวกอสูร
ดุร้ายและก้าวร้าว!!
บ้าคลั่งและกระหายเลือด!!!
หลินเป่ยเฉินยังคงตรวจค้นซากศพต่อไป
ปัง! ปัง! ปัง!
กลุ่มอสูรที่พุ่งเข้ามาล้มลงตายดั่งใบไม้ร่วง
พวกมันมีเพียงขวัญกำลังใจที่กล้าหาญเท่านั้น แต่ขั้นพลังยังต่ำต้อยยิ่งนัก
บรรดาอสูรที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่กล้าทำสิ่งใดอีกแล้ว
“ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป เพื่อให้นำชื่อเสียงของข้าไปป่าวประกาศให้ทั่วกัน”
หลินเป่ยเฉินหันไปมองด้วยแววตาดุดันและกล่าวว่า “พวกเจ้าจงฟังให้ดี ข้ามีนามว่า… อวี้เหวินซิวเซียน”
ขาดคำ
แง้นนนน!
รถมอเตอร์ไซค์ Zongshen รุ่น 250 ก็พุ่งทะยานออกไปดั่งสายฟ้าฟาดอีกครั้ง
วูบ!
ตามด้วยเรือเหาะเซียนกระบี่อมตะที่แล่นตามหลัง
บัดนี้ กลุ่มกองกำลังรักษาแนวป้องกันชั้นในของอสูรโลหิตแตกพ่ายไม่เหลือชิ้นดี พวกมันไม่สามารถป้องกันสิ่งใดได้อีกแล้ว
…
“พวกเจ้ารีบคุ้มกันท่านแม่ทัพหลบหนีไป”
หลินเถาเลือดท่วมตัวในขณะที่คอยระวังหลังให้แก่ฮันซางเซียง
ฮันซางเซียงซึ่งเป็นผู้บัญชาการการรบที่สมรภูมิเหนียนเซียงบัดนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส สติเลื่อนลอย ต้องอาศัยการช่วยประคองของเหล่าองครักษ์ในการหลบหนี
หลินเถาไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะมียอดฝีมือขั้นจอมเทพอนันต์รอคอยพวกของตนเองอยู่
ยอดฝีมือผู้นั้นเป็นเผ่ามนุษย์ทะเลทรายส่งมาช่วยเหลือเผ่าพันธุ์อสูรในการรักษาจุดทิ้งสมอประจำอาณาจักรเหนียนเซียง
ยิ่งไปกว่านั้น ยอดฝีมือผู้นั้นยังซ่อนตัวอยู่ในความมืดมาตลอดเวลา เขารอคอยให้ท่านแม่ทัพฮันซางเซียงถูกไล่ต้อนไปจนถึงจุดอับค่อยปรากฏตัวออกมาและลอบทำร้ายท่านแม่ทัพฮันซางเซียงจนได้รับบาดเจ็บสาหัสในกระบวนท่าเดียว แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะตัดสินผลแพ้ชนะในสงครามครั้งนี้…
“ฮ่า ๆๆ จะรีบหนีไปไหน”
ยอดฝีมือผู้มีนามว่าสวีหลิงซูแสยะยิ้มและกล่าวว่า “ข้าได้ยินมาว่าฮันซางเซียงผู้เป็นแม่ทัพของพวกเจ้านั้นมีหน้าตางดงามน่าลุ่มหลง และยังเป็นลูกศิษย์ของท่านแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพเป่ยเฉินอีกด้วย ฮ่า ๆๆ …ช่วยอยู่เป็นคู่มือให้ข้าได้เล่นสนุกก่อนเถอะ”
สวีหลิงซูเป็นคนชั่วร้าย และมีจิตใจอำมหิต
บรรดาองครักษ์ประจำตัวฮันซางเซียงพยายามเข้าขัดขวางเพื่อซื้อเวลาหลบหนี แต่เพียงลมหายใจเดียวเท่านั้น ร่างกายของพวกเขาก็ระเบิดเป็นม่านหมอกเลือด
ฮันซางเซียงอยากจะรวบรวมพลังออกไปต่อสู้อีกครั้ง
แต่นางก็สู้ไม่ไหวแล้ว
กลุ่มองครักษ์ผู้ซื่อสัตย์พยายามพานางหลบหนีต่อไป
แต่เพียงพริบตาเดียว แขนขาขององครักษ์เหล่านั้นก็กระจัดกระจายไปรอบทิศทาง ม่านโลหิตสาดกระเซ็น ผู้คนร่างระเบิดตายกลายเป็นเพียงเศษเนื้อไร้ทิศทาง…
ฮันซางเซียงรู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนัก
ในเวลาเดียวกันนี้ คำถามใหญ่ก็เกิดขึ้นในหัวใจ
มียอดฝีมือขั้นจอมเทพอนันต์ซ่อนตัวอยู่ที่นี่ เหตุใดจึงไม่มีผู้ใดล่วงรู้มาก่อน?
เหตุใดท่านแม่ทัพใหญ่ของพวกนางจึงผิดพลาดได้?
ทั้ง ๆ ที่การซ่อนตัวเช่นนี้ไม่เคยรอดพ้นหูตาของท่านแม่ทัพใหญ่สักครั้ง
ฮันซางเซียงเริ่มเกิดความวิตกกังวลอย่างใหญ่หลวง
หากยังไม่รีบหลบหนีไป มีหวังทุกคนได้ตายกันอยู่ที่นี่หมดแน่
ฮันซางเซียงพยายามหยัดยืนอย่างยากลำบากและออกคำสั่งว่า “การต่อสู้ยุติลงแล้ว… ขอให้พี่น้องทุกท่านจงหลบหนีไปโดยเร็ว นี่เป็นคำสั่ง”
พวกนางพ่ายแพ้แล้ว
สิ่งสำคัญคือต้องมีผู้รอดชีวิตกลับไปให้ได้เยอะที่สุด และผู้คนไม่สมควรจะต้องมาตายอยู่ที่นี่ด้วยกันทั้งหมด
“ฮ่า ๆๆ เป็นไปตามคาด สุดท้ายเจ้าก็ยังสามารถยืนหยัดได้อีกครั้ง แม้จะโดนฝ่ามือแยกนภาของข้าเข้าไปเต็ม ๆ”
ชายวัยกลางคนผู้มีนามว่าสวีหลิงซูลอยตัวอยู่กลางอากาศด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เมื่อเขาระเบิดพลังออกมาจากร่างกาย ร่างของนายทหารจำนวนมากที่อยู่ในรัศมีสามสิบวาก็จะระเบิดกระจายกลายเป็นม่านหมอกเลือดไปทันที
“ประเสริฐ ช่างน่าสนใจยิ่งนัก ฮ่า ๆๆ สาวน้อย จงอยู่เล่นสนุกกับข้าเสียดี ๆ”
สวีหลิงซูระเบิดเสียงหัวเราะและโบกสะบัดฝ่ามือ
ทันใดนั้น คลื่นพลังก็แผ่รัศมีกดดันเป็นวงกว้าง กาลเวลาคล้ายกับหยุดนิ่ง ผู้คนไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้อีก
เมื่อเผชิญหน้ากับยอดฝีมือระดับจอมเทพอนันต์ พวกเขาก็เป็นเพียงมดปลวกตัวหนึ่งเท่านั้น
ชายวัยกลางคนกำลังจะเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของฮันซางเซียง
แต่ในช่วงเวลาแห่งความพ่ายแพ้นั้นเอง
สิ่งที่ไม่คาดคิดก็บังเกิดขึ้น…
แง้นนนน!
เสียงคำรามราวกับฟ้าถล่มดังออกมาจากทิศทางของเขตแนวป้องกันชั้นในของพวกอสูรโลหิต
นี่เป็นเสียงที่แปลกประหลาดมาก
มันฟังดูเหมือนเสียงสัตว์ร้ายคำราม
และยังมีเสียงผู้คนร้องเพลงดังปะปนมาอีกด้วย “ความรักยิ่งใหญ่ดั่งแผ่นฟ้า สวยงามราวกับดอกไม้บานที่เชิงเขาเขียว…”
เสียงนั้นดังก้องกังวานเกินกว่าที่ผู้คนจะอธิบายได้ และมีพลังเปี่ยมล้น
ทันใดนั้น เสียงระฆังเตือนภัยก็ดังกังวานตามมา
“มีคนบุกเขตแนวป้องกัน”
“พวกมนุษย์มันบุกโจมตีเราแล้ว”
เสียงตะโกนและเสียงร่ำไห้ดังขึ้นไม่ขาดสาย
ทันใดนั้น กลุ่มอสูรโลหิตก็แตกกระจายวุ่นวายโกลาหล
สวีหลิงซูเฝ้ามองดูจากระยะไกล เห็นลำแสงกระบี่เป็นประกายวูบวาบ แล้วอุกกาบาตลูกใหญ่ก็ถูกทำลายล้างอย่างโหดร้ายอำมหิตยิ่งนัก!!