เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1942 ท่านรีบหนีไปเถอะ
ตอนที่ 1,942 ท่านรีบหนีไปเถอะ
สวีหลิงซูขมวดคิ้วและหันมองมาทางเสียงคำรามนั้น
แต่นี่ไม่ได้ทำให้เขาตื่นตระหนกแต่อย่างใด
เพราะชายวัยกลางคนมั่นใจในความแข็งแกร่งของตนเอง และเขาไม่แม้แต่จะจับตัวฮันซางเซียงเอาไว้ก่อนด้วยซ้ำ
สวีหลิงซูเพียงรู้สึกว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นชนชั้นยอดฝีมือระดับสูง
บางทีอาจจะเป็นชนชั้นจอมเทพอนันต์?
รอยยิ้มเหยียดหยามปรากฏขึ้นที่มุมปากของสวีหลิงซู
“ฮ่า ๆๆ นี่หรือกำลังเสริมของกองทัพเป่ยเฉิน?”
สวีหลิงซูหันกลับมามองหน้าฮันซางเซียงอีกครั้ง “ถึงกับนำตัวจอมเทพอนันต์ออกมาเชียว?”
ฮันซางเซียงสัมผัสได้ว่าพลังกดดันในร่างกายของตนเองสลายไปและนางก็สามารถกลับมาพูดได้อีกครั้ง
แต่นางกลับไม่ตอบคำใด ดวงตาจ้องมองไปยังเขตแนวป้องกันที่เกิดความวุ่นวายโกลาหล
จอมเทพอนันต์?
ท่านแม่ทัพใหญ่ส่งกำลังเสริมมาช่วยเหลืออย่างนั้นหรือ?
หัวใจของหญิงสาวเริ่มมีประกายแห่งความหวัง
ท่านแม่ทัพใหญ่ไม่เคยคำนวณแผนการผิดพลาดมาก่อน
ครั้งนี้ก็คงเช่นกันกระมัง?
แต่คำถามใหญ่ก็เกิดขึ้นในใจฮันซางเซียงอีกครั้ง
ว่ากันตามความเข้าใจของนาง มีไม่บ่อยครั้งนักที่ท่านแม่ทัพใหญ่จะนำตัวยอดฝีมือระดับสูงเช่นนี้ลงสู่สนามรบ เว้นแต่ว่าจะเป็นสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เท่านั้น
หรือนี่เป็นเรื่องบังเอิญ?
หากเป็นเช่นนั้นก็แย่แล้ว
เพราะยอดฝีมือระดับจอมเทพอนันต์ไม่ควรมาปรากฏตัวในสถานการณ์นี้เลย
หนีไป!
ต้องให้เขารีบหนีไปซะ!!
รีบหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!!!
ฮันซางเซียงกำลังจะส่งเสียงตะโกนร้องเตือน แต่นางก็ไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้อีก
รอยยิ้มสะใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของสวีหลิงซูขณะจ้องมองมาที่แม่ทัพหญิง “ไม่ต้องห่วง ปล่อยให้เขามาที่นี่แล้วเจ้าค่อยบอกดีกว่า…”
แง้นนนนน!
เสียงคำรามแปลกประหลาดนั้นดังใกล้เข้ามามากขึ้น
พร้อมกับลำแสงสีเงิน
ทันใดนั้น พวกเขาก็ได้เห็นมือกระบี่หนุ่มในชุดสีขาวนั่งอยู่ในท่วงท่าแปลกประหลาด พุ่งทะยานมาข้างหน้าด้วยความเร็วสายฟ้าฟาด
มือกระบี่สวมชุดขาว บนศีรษะสวมใส่หมวกครอบสีขาวเช่นกัน
และด้านหลังกระบังหมวกที่โปร่งใส พวกเขาสามารถมองเห็นดวงตาคู่หนึ่งที่เป็นประกายอยู่กลางความมืดมิด
ฮันซางเซียงรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าเจ้าของดวงตาคู่นั้นยังเยาว์วัยนัก
“หยุดอยู่ตรงนั้น”
สวีหลิงซูระเบิดเสียงคำรามออกไป
ทันใดนั้น มือกระบี่หนุ่มก็เคลื่อนไหวในลักษณะที่เหมือนกำลังขี่สัตว์อสูรสะบัดหาง เขาไถลตัวหันข้างและหยุดห่างจากพวกของสวีหลิงซูประมาณห้าสิบวา
ยังคงได้ยินเสียงร่ำร้องด้วยความเจ็บปวดของบรรดาเผ่าพันธุ์อสูรดังห่างไกลออกไป
ฟึบ!
กระบังหมวกถูกเลื่อนเปิดขึ้น
“มนุษย์? พวกท่านเป็นคนของกองทัพเป่ยเฉินใช่หรือไม่?”
เมื่อดวงตาไม่มีกระบังหมวกคอยขวางกั้น มันก็มีความสดใสเป็นประกายระยิบระยับ และเสียงของเขานั้นก็ฟังดูอบอุ่นหัวใจไม่ต่างจากสายลมในฤดูใบไม้ผลิ แม้แต่ผู้คนที่หมดหวังในชีวิต ก็ยังรู้สึกสดชื่นแจ่มใสขึ้นมาแล้ว
“เจ้าเป็นใคร?”
สวีหลิงซูสำรวจมองเด็กหนุ่มตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยความสงสัย
“ข้าน้อยอวี้เหวินซิวเซียนเป็นผู้บัญชาการแห่งกองทัพวายุ ยินดีที่ได้พบพวกท่าน”
มือกระบี่ชุดขาวยังคงนั่งอยู่ในท่วงท่าแปลกประหลาดและสอบถามต่อไป “ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสมาจากกองทัพใดหรือ?”
“เขาไม่ได้อยู่พวกเดียวกับเรา… แต่เป็นพันธมิตรกับกองทัพอสูรโลหิต… เขาเป็นศัตรู”
ในที่สุด ฮันซางเซียงก็ส่งเสียงพูดออกมาได้สำเร็จ “รีบหนีไป… ท่านรีบหนีไปเถอะ”
“อ้าว? เป็นศัตรูเหรอเนี่ย? ฮ่า ๆๆ ไม่เป็นไร งั้นไม่ต้องรู้จักกันก็ได้”
อวี้เหวินซิวเซียนถอดหมวกครอบศีรษะออกอย่างไม่รีบร้อน และส่องกระจกมองข้างที่ไม่มีผู้ใดมองเห็นเพื่อปรับแต่งทรงผมของตนเอง หลังจากผมเผ้าหายยุ่งเหยิงแล้ว เขาก็พยักหน้าด้วยความพอใจ ก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้แก่ฮันซางเซียงพร้อมกับดวงตาที่เป็นประกายแวววาว ก่อนจะถามว่า “แล้วเจ้าเป็นใครล่ะ แม่นางคนสวย?”
เมื่อกลุ่มองครักษ์ของท่านแม่ทัพฮันซางเซียงได้ยินถ้อยคำแทะโลมจากมือกระบี่ชุดขาว ดวงตาของพวกเขาก็เป็นประกายวาวโรจน์ขึ้นมาทันที
หรือว่ามือกระบี่ชุดขาวผู้นี้ก็เป็นตัววายร้ายเช่นกัน?
แม้แต่สวีหลิงซูก็ยังอดประหลาดใจไม่ได้
เขาประหลาดใจในความหล่อเหลาของมือกระบี่หนุ่ม
ในโลกนี้จะมีผู้คนที่มีหน้าตาหล่อเหลาราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยายได้อย่างไร?
ส่วนฮันซางเซียงรู้สึกอย่างไรบ้างน่ะหรือ?
บัดนี้ นางกำลังตกตะลึง
ให้ตายเถอะ…
ช่างหล่อเหลาเกินไปแล้ว!!!
ฮันซางเซียงผ่านสมรภูมิรบมาหลายร้อยครั้ง เคยเฉียดตายมานับครั้งไม่ถ้วน หัวใจของนางจึงเย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็ง ตลอดเวลาที่ผ่านมา นางปฏิเสธบรรดาแม่ทัพหนุ่มหล่อในกองทัพเป่ยเฉินอย่างไร้เยื่อใย เพราะนางอยากจะมีสมาธิกับการต่อสู้เพื่อความรุ่งเรืองของเผ่าพันธุ์มนุษย์ นางไม่เคยมีความรัก ไม่แม้แต่จะคิดว่าตนเองเป็นสตรีเลยด้วยซ้ำ…
แต่บัดนี้ เมื่อนางได้เห็นหน้า ‘อวี้เหวินซิวเซียน’ หัวใจของนางก็เต้นไม่เป็นจังหวะ ฮันซางเซียงรู้สึกชาดิกไปทุกส่วนของร่างกาย
นับเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดมาก
“แม่นางคนสวย? แม่นางคนสวย?”
หลินเป่ยเฉินโบกมือตรงหน้าหญิงสาวและถามว่า “สวัสดี? ท่านเป็นอะไรหรือไม่?”
“หา? อ้อ… ท่านรีบหนีไป”
ฮันซางเซียงกลับมาได้สติอีกครั้งจึงร้องเตือนว่า “คนผู้นี้มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพอนันต์ ท่านรีบหนีไปโดยเร็ว”
ฮันซางเซียงรีบเร่งเร้าให้มือกระบี่หนุ่มหลบหนี ด้วยการเคลื่อนที่เป็นลำแสงสายฟ้าฟาดของเขา อวี้เหวินซิวเซียนคงสามารถหลบหนีการไล่ตามของจอมเทพอนันต์ได้อย่างไม่มีปัญหา
“จอมเทพอนันต์อย่างนั้นหรือ?”
อวี้เหวินซิวเซียนเบิกตาโตด้วยความตกตะลึงและหันกลับไปมองหน้าสวีหลิงซูอีกครั้ง
ดวงตาของเขาเป็นประกายระยิบระยับด้วยความตื่นเต้น
“บอกตามตรงเลยนะ ข้ายังไม่เคยพบจอมเทพอนันต์ตัวเป็น ๆ มาก่อน”
เขาจ้องมองชายวัยกลางคนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าและถามว่า “ในยี่สิบสี่สายเลือด ท่านเป็นผู้ใช้สายเลือดใด?”
ฮันซางเซียงพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
นี่คือปฏิกิริยาตอบรับที่แตกต่างจากการคาดเดาของนางอย่างสิ้นเชิง
คิ้วของสวีหลิงซูกระตุกเล็กน้อย สีหน้าของเขามีความเคร่งขรึมมากขึ้น
ชายวัยกลางคนรู้สึกว่าตนเองกำลังโดนดูถูก
ดังนั้นเขาจึงตอบคำถามด้วยการกระแทกฝ่ามือออกไป
ตั้งใจจะลงมือโจมตีให้ถึงตาย
มวลอากาศปั่นป่วนขึ้นด้วยการระเบิดพลังของจอมเทพอนันต์
ฝ่ามือนี้ของเขามีความรุนแรงมากพอที่จะระเบิดดาวเคราะห์ได้ทั้งดวง
ตู้ม!
เสียงระเบิดดังสนั่น
คลื่นพลังอัดกระแทก
แล้วความประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของสวีหลิงซู!!