เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1943 มาแล้วขอรับ
ตอนที่ 1,943 มาแล้วขอรับ
ในเวลาเดียวกันนี้
อวี้เหวินซิวเซียนก็ล่าถอยออกไปไกลแล้ว
“อ้าว เชี่ย…”
เขาสบถด้วยความขุ่นเคืองใจ “ตาเฒ่านี่ จะโจมตีกันไม่บอกไม่กล่าวสักคำ คิดว่าตัวเองเป็นวัยรุ่นเลือดร้อนหรือไงวะ”
แต่เมื่อหลินเป่ยเฉินโบกสะบัดฝ่ามือ บาดแผลบนร่างกายของเขาก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง
เมื่อเผชิญหน้ากับขอบเขตจอมเทพอนันต์ตัวจริง เขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้อยู่ดี
แม้จะมีตัวช่วยเป็นโทรศัพท์มือถือและอาวุธหนักหลายชนิด แต่สวีหลิงซูก็ยังแข็งแกร่งมากเกินไปอยู่ดี
ความประหลาดใจบนใบหน้าของสวีหลิงซูค่อย ๆ จางหายไป
รอยยิ้มมีความสุขปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าอีกครั้งขณะกล่าวว่า “คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าวันนี้ข้าจะได้พบกับยอดฝีมือรุ่นใหม่ของพวกมนุษย์ อายุเพียงเท่านี้ เจ้านับว่ามีความแข็งแกร่งมากแล้ว หากได้เติบโตต่อไป เจ้าจะได้อยู่ในขอบเขตจอมเทพอนันต์และมีอนาคตที่ยิ่งใหญ่สวยงาม…”
“อุ๊ย ถือว่ามีสายตาเฉียบแหลมเหมือนกันนะเนี่ย”
อวี้เหวินซิวเซียนยิ้มมุมปากตอบรับด้วยความภาคภูมิใจ “ข้าเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน”
“ฮ่า ๆๆ แต่น่าเสียดายเจ้าคงไม่มีวันนั้น เพราะเจ้าต้องมาตายด้วยน้ำมือของข้าเสียก่อน”
สวีหลิงซูกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา “การฆ่าเจ้าถือเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การได้ฆ่าเจ้าพร้อมกับฮันซางเซียง นี่ก็เปรียบดั่งโชคสองชั้นของข้าแล้ว ฮ่า ๆๆ”
ฮันซางเซียงที่ยืนอยู่ด้านข้างมีสีหน้าร้อนใจมากกว่าเดิม นางพยายามขยิบตาส่งสัญญาณบอกให้อวี้เหวินซิวเซียนหลบหนีไป
“ฮ่า ๆๆ แม่นางคนสวย เจ้าจะขยิบตาให้ข้าอยู่เรื่อยเพื่ออะไร?”
อวี้เหวินซิวเซียนยังคงยิ้มแย้มตอบกลับมาอย่างใจเย็น “ต่อให้เจ้าอยากจะยั่วยวนข้า แต่อย่างน้อยก็ต้องดูเวลาบ้างสิ… อย่าได้เป็นกังวลไปเลย ข้าเป็นคนที่ลุ่มหลงในเงินทองและราคะอยู่แล้ว ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าให้หลุดมือไปเด็ดขาด”
ฮันซางเซียงพูดอะไรไม่ออกอีกต่อไป
นางไม่ทราบเลยว่าอวี้เหวินซิวเซียนมีปัญหาทางสมองหรือไม่?
นางพบว่าตนเองตามความคิดของเขาไม่ทันแล้ว
จังหวะนั้น เป็นเวลาเดียวกับที่เรือเหาะเซียนกระบี่อมตะตามมาทันพอดี
กำลังเสริมของกลุ่มอสูรโลหิตก็ปรากฏตัวขึ้นมาก่อตั้งค่ายกลปิดล้อมเช่นกัน
กำลังเสริมของกลุ่มอสูรโลหิตนั้นมีแม่ทัพระดับสูงของพวกมันคอยควบคุมอยู่ถึงสองตัว
บัดนี้ ฝ่ายมนุษย์ถูกปิดล้อมจากรอบทิศทาง
“นี่พวกเจ้า…”
ฮันซางเซียงรู้สึกร้อนใจจนพูดคำใดไม่ออกอีกต่อไป
ไม่มีช่องทางใดให้อวี้เหวินซิวเซียนได้หลบหนีอีกแล้ว
นับว่าพวกอสูรวางแผนเอาไว้อย่างรอบคอบรัดกุมจริง ๆ
“ไม่ต้องห่วง ถึงข้าจะไม่ใช่คู่มือของตาเฒ่าผู้นี้ แต่ข้ามีน้องชายคนหนึ่งชื่อว่าอวี้เหวินซิวเอ๋อ และเขาก็สามารถจัดการจอมเทพอนันต์ได้ราวกับฆ่าหมูตัวหนึ่ง”
อวี้เหวินซิวเซียนกล่าวด้วยน้ำเสียงของผู้ชนะ ก่อนจะหันหน้าไปตะโกนใส่อากาศธาตุที่ว่างเปล่า
“น้องชาย เจ้าออกมาได้แล้ว”
“มาแล้วขอรับ”
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับอวี้เหวินซิวเซียนทุกกระเบียดนิ้วก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของเขา
คนผู้นี้ปรากฏตัวขึ้นมาได้อย่างไร?
ทุกฝ่ายล้วนตกตะลึง
โดยเฉพาะสวีหลิงซู แม้เขาจะอยู่ในขั้นจอมเทพอนันต์ แต่ก็ยังไม่รู้ตัวเลยว่าผู้มีนามว่าอวี้เหวินซิวเอ๋อนั้นปรากฏตัวขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่
“นี่คือน้องชายของข้าเอง”
อวี้เหวินซิวเซียนกล่าวด้วยน้ำเสียงของผู้ชนะต่อไป “และเขานี่แหละสามารถสังหารจอมเทพอนันต์ได้ราวกับฆ่าหมูตัวหนึ่ง เจ้าอย่ากลัวก็แล้วกัน ฮ่า ๆๆ”
ดวงตาของทุกคนจ้องมองไปที่อวี้เหวินซิวเอ๋อเป็นจุดเดียว
คนผู้นี้มีหน้าตาละม้ายคล้ายกับอวี้เหวินซิวเซียนแทบทุกส่วน
ไม่มีความแตกต่างแม้แต่รูขุมขนเดียว
ราวกับเป็นเงาสะท้อนในกระจก
แต่ที่สำคัญก็คืออวี้เหวินซิวเอ๋อไม่มีลักษณะของผู้ฝึกยุทธ์ติดตัวเลยแม้แต่น้อย
ไม่มีพลังปราณ ไม่มีพลังกดดันคุกคามแผ่ออกมาจากร่างกาย
เขาแทบไม่ต่างไปจากคนธรรมดาผู้หนึ่ง
แล้วคนเช่นนี้เนี่ยนะที่สามารถสังหารจอมเทพอนันต์ได้ราวกับฆ่าหมูตัวหนึ่ง?
แม้แต่พวกของหวังเฟิงหลิว เซียวปิงและคนอื่น ๆ ที่อยู่บนเรือเหาะเซียนกระบี่อมตะก็ยังต้องหยุดชะงักแล้ว
“พี่ใหญ่มีน้องชายอย่างนั้นหรือ?”
“ให้ตายสิ มีนายท่านอีกคนได้อย่างไร?”
“นายน้อยอีกคนอย่างนั้นหรือ?”
ทุกคนเบิกตาโต แต่ไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้น
ความผิดหวังฉายวูบในดวงตาของฮันซางเซียง
เพียงเท่านี้เองหรือ?
นี่คือไพ่เด็ดที่อยู่ในมือของอวี้เหวินซิวเซียน?
“ก่อนที่น้องชายของข้าจะสังหารเจ้า ข้ามีคำถามอยากจะถามและหวังว่าเจ้าคงตอบอย่างจริงใจ”
หลินเป่ยเฉินจ้องมองชายวัยกลางคนสวีหลิงซูและถามว่า “ถึงเจ้าจะมีความแข็งแกร่งสู้น้องชายของข้าไม่ได้ แต่อย่างน้อย เจ้าก็เป็นผู้คนที่มีศักดิ์ศรีในตนเอง ระดับพลังไม่ต่ำต่อย เหตุไฉนจึงต้องลดตัวลงไปเป็นสุนัขรับใช้พวกอสูรด้วย?”
หลินเป่ยเฉินถามเพราะอยากรู้จริง ๆ
แต่สวีหลิงซูกลับรู้สึกว่าตนเองกำลังโดนดูถูกอีกครั้ง
“สามหาว พวกเราเป็นพันธมิตรกับท่านสวีหลิงซู เจ้าอย่าได้พูดจาชักใบให้เรือเสีย…”
หนึ่งในสองของผู้บัญชาการกำลังเสริมกองทัพอสูรร้องตะโกน
“เจ้าลูกเต่า ปากคอเราะร้ายนักนะ ตายซะเถอะ”
สวีหลิงซูมีดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยจิตสังหารและลงมือโจมตีโดยทันที
เขากระแทกฝ่ามือออกมาข้างหน้า ปลดปล่อยพลังโจมตีของผู้ที่อยู่ในขอบเขตจอมเทพอนันต์
แล้วคลื่นพลังก็รวมตัวเป็นรูปทรงฝ่ามือขนาดยักษ์พุ่งตรงเข้าไปหาอวี้เหวินซิวเซียนด้วยความรวดเร็ว
กระบวนท่านี้เรียกว่าฝ่ามือสายฟ้าทลาย
เป็นพลังทำลายล้างที่สามารถสังหารหลินเป่ยเฉินได้อย่างไม่ต้องสงสัย
ผู้คนที่อยู่รอบข้างล้วนอกสั่นขวัญแขวนด้วยความตกตะลึงจนวิญญาณแทบหลุดลอยออกจากร่าง
นี่คือความน่ากลัวของจอมเทพอนันต์
สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งในอีกระดับหนึ่ง
หากไม่ได้อยู่ในขั้นจอมเทพอนันต์ ก็ไม่มีทางรับมือการโจมตีครั้งนี้ได้เด็ดขาด
มีแต่ต้องตายสถานเดียวเท่านั้น
และการเลื่อนขั้นสู่ขอบเขตจอมเทพอนันต์ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
มันเป็นสะพานที่ผู้คนยากจะข้ามผ่านไปได้
ไม่ว่าจะเป็นวิชาการต่อสู้ชนิดใด ไม่ว่าจะเป็นวิชาเวทมนตร์รูปแบบไหน แต่เมื่อมาเผชิญหน้ากับพลังของจอมเทพอนันต์ วิชาเหล่านั้นก็จะสูญเปล่าโดยทันที
แววตาของฮันซางเซียงมีแต่ความหมดหวัง
ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว
แต่ในทันใดนั้น…
“น้องรัก ต้องยกให้เป็นหน้าที่ของเจ้าแล้ว จัดการมันให้ได้”
อวี้เหวินซิวเซียนก้าวถอยหลัง
“รับทราบขอรับ ท่านพี่ผู้หล่อเหลาที่สุดในโลก”
อวี้เหวินซิวเอ๋อรับคำและเคลื่อนกายออกไปข้างหน้า
ในพริบตานั้น คลื่นพลังจากฝ่ามือสายฟ้าทลายก็กระแทกเข้าใส่ตัวของเขาอย่างหนักหน่วง
อวี้เหวินซิวเอ๋อระเบิดเสียงร้องคำราม
ตู้ม!
เกิดการระเบิดขนาดใหญ่ที่แผ่รัศมีกระจายเป็นวงกว้าง
วูบ!
มวลอากาศปั่นป่วนและบังเกิดเสียงกรีดร้องอีกครั้ง
อวี้เหวินซิวเอ๋อมาปรากฏตัวอยู่เหนือศีรษะของสวีหลิงซู เขายกเท้าขึ้นและกระทืบลงไปเต็มแรง