เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1945 อย่าใส่ชุดสีขาว
ตอนที่ 1,945 อย่าใส่ชุดสีขาว
“น้องรัก”
หลินเป่ยเฉินจ้องมองไปที่อวี้เหวินซิวเอ๋อและกล่าวว่า “ไปจัดการอสูรที่กำลังหลบหนีให้สิ้นซาก อย่าให้พวกมันมาทำลายบรรยากาศระหว่างที่ข้ากำลังพูดคุยกับสาวงามอีก”
“รับทราบขอรับ ท่านพี่ผู้หล่อเหลาที่สุดในโลก”
อวี้เหวินซิวเอ๋อน้อมรับคำสั่งด้วยความเคารพ จากนั้นก็หิ้วร่างที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสของสวีหลิงซูพุ่งออกไปเป็นลำแสงสีเงิน หลังจากนั้น เขาก็ระเบิดพลังในขั้นจอมเทพอนันต์ไล่ล่าบรรดาอสูรโลหิตที่กำลังพยายามหลบหนี
เมื่อพรรคพวกของฮันซางเซียงเห็นเช่นนี้ ทุกคนก็อดรู้สึกสงสารพวกอสูรโลหิตขึ้นมาไม่ได้
แต่ถึงกระนั้น การได้ตายด้วยน้ำมือของผู้ที่อยู่ในขั้นจอมเทพอนันต์ก็นับเป็นเกียรติแห่งชีวิตของพวกมันแล้ว
หากพวกอสูรโลหิตรู้ความคิดนี้เข้า พวกมันก็คงตอบกลับมาว่า ‘ขอบคุณมากสำหรับความเมตตา แต่พวกข้าไม่ขอรับเกียรตินี้ไว้ดีกว่า’
เมื่อผู้ที่อยู่ในขั้นจอมเทพอนันต์ลงมือ สถานการณ์ก็คลี่คลายลงโดยเร็ว
ในไม่ช้า กลุ่มอสูรโลหิตที่พยายามหลบหนีก็ถูกฆ่าตายไม่มีเหลือรอดแม้แต่ตัวเดียว
ร่างของราชาหินดำที่ถูกแปลงโฉมให้เป็นหลินเป่ยเฉินนำตัวสวีหลิงซูกลับมาหาผู้เป็นเจ้านายอีกครั้ง
“เจ้าเป็นใครกันแน่?”
สวีหลิงซูผู้สวมใส่ชุดบัณฑิตสีขาวกลายเป็นนักโทษโดยสมบูรณ์ หัวใจเต็มไปด้วยความตื่นกลัว ดวงตาจ้องมองไปยังหลินเป่ยเฉิน พยายามค้นหาคำตอบ “เหตุไฉนข้าถึงไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของเจ้ามาก่อน?”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่นและตอบว่า “บอกแล้วไง ข้าเป็นเพียงผู้ที่ผ่านทางมาเท่านั้น”
“สหายน้อย เจ้ามีพรสวรรค์และมีความแข็งแกร่ง แต่เจ้าไม่ควรมาเป็นศัตรูกับพวกข้าเลย”
สวีหลิงซูมีน้ำเสียงที่อ่อนโยนมากขึ้น ก่อนจะกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงขมขื่น “กลุ่มอำนาจที่หนุนหลังข้าอยู่นั้น มีความแข็งแกร่งในชนิดที่เจ้าคาดไม่ถึงแน่นอน และพวกเจ้าก็เป็นเพียงหมากบนกระดานของผู้มีอำนาจเท่านั้น อย่าคิดเลยว่าพวกเจ้าจะสามารถเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ได้ สุดท้าย พวกเจ้าก็ต้องกลายเป็นสุนัขรับใช้ผู้อื่นอยู่ดี… และถึงเจ้าจะเปลี่ยนใจในตอนนี้ มันก็คงสายเกินไปแล้ว”
หลินเป่ยเฉินลังเลเล็กน้อยและถามว่า “ข้าทำผิดพลาดถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”
“ใช่แล้ว”
สวีหลิงซูถือคติว่าตีเหล็กต้องตีตอนร้อน ๆ จึงรีบกล่าวต่อทันที
“เจ้าทำผิดพลาดมหันต์”
“หืม? ข้าทำผิดพลาดอย่างไร?”
หลินเป่ยเฉินถามด้วยความไม่เข้าใจ
สวีหลิงซูพยายามอธิบายด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความจริงใจมากที่สุด
“บางทีเจ้าอาจจะเกลียดเผ่าอสูรและคิดว่าพวกมันเป็นศัตรูกับมนุษย์ แต่เจ้าก็สมควรรับรู้ไว้เช่นกันว่าเผ่ามนุษย์ก็ไม่ใช่ตัวดีอันใด มนุษย์ไล่ล่าสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์อื่น ๆ และทำลายดาวเคราะห์ไปมากมาย และหากพวกอสูรคิดแก้แค้น ก็จะต้องมีมนุษย์ถูกฆ่าตายมากมายนับไม่ถ้วน… การที่ข้าร่วมมือกับพวกมันนั้น ก็เพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์มนุษย์นั่นเอง”
“ฟังจากที่เจ้าอธิบายมาแล้ว… ดูเหมือนข้าจะทำผิดมหันต์ลงไปจริง ๆ”
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจ สีหน้าของเขาเคร่งเครียด
ฮันซางเซียงและพรรคพวกรับฟังมาถึงตรงนี้ก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
หากมือกระบี่ชุดขาวรับฟังเหตุผลของสวีหลิงซู ถ้าอย่างนั้นพวกนางจะไม่เดือดร้อนเอาหรือ?
ฮันซางเซียงกำลังจะอ้าปากกล่าวอะไรบางอย่าง
แต่ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินก็ยิงฟันยิ้มอย่างชั่วร้ายและกล่าวว่า “แต่ถึงข้าจะทำผิดมหันต์ ข้าก็จะไม่เปลี่ยนใจเด็ดขาด”
“เจ้า…”
สวีหลิงซูผู้สวมใส่ชุดบัณฑิตสีขาวเกือบจะพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว “นี่เจ้ากำลังหลอกปั่นหัวข้าอยู่หรือ?”
เพียะ!
หลินเป่ยเฉินพลันยกมือขึ้นตบหน้าสวีหลิงซูเต็มแรง
ฝ่ามือของเขาถึงกับรู้สึกชาดิก
“ปั่นหัวอะไรของเจ้า? เจ้ารู้หรือไม่ว่าตั้งแต่ที่ข้าเห็นเจ้าครั้งแรก ข้าก็ไม่คิดไว้ชีวิตเจ้าอยู่แล้ว… เจ้าทำผิดพลาดมหันต์ที่สุดในชีวิต เพราะว่าเจ้าไม่ควรสวมใส่ชุดสีขาวเหมือนกับข้า!”
สวมใส่ชุดสีขาว?!
ไม่ทราบว่าการสวมใส่ชุดสีขาวกลายเป็นความผิดมหันต์ตั้งแต่เมื่อไหร่?
นี่หรือคือเหตุผล?
ไม่ใช่เพียงสวีหลิงซูเท่านั้น แต่คนอื่น ๆ ก็พูดอะไรไม่ออกเช่นกัน
หลังจากนั้น หลินเป่ยเฉินก็กลับมามีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น เขาเงยหน้าขึ้นสี่สิบห้าองศา ดวงตาเป็นประกายสดใสด้วยความภาคภูมิใจขณะเหม่อมองดวงดาวที่ลอยล่องอยู่ห่างไกลและกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มลึกว่า “นอกจากผู้ที่หล่อเหลาสมบูรณ์แบบอย่างข้าแล้ว ยังจะมีผู้ใดควรค่าต่อการสวมใส่ชุดขาวอีกหรือ?”
บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบทันที
ทุกคนหันมองหน้ากัน
นี่ทำให้พวกเขาสังเกตเห็นถึงบางสิ่งบางอย่างที่ตนเองมองข้ามมาโดยตลอด…
ปรากฏว่าอวี้เหวินซิวเซียนก็สวมใส่ชุดสีขาวเช่นกัน
เขาสวมใส่ชุดสีขาว ซึ่งดูสง่างามและสูงส่งยิ่ง
หากไม่ใช่เขาแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดควรค่าแก่การสวมใส่ชุดสีขาวอีก!
สวีหลิงซูถูกคลื่นพลังกดดันกดทับ จนรู้สึกแน่นหน้าอกและหายใจไม่ออก
เขาพยายามคิดหาเหตุผลว่าอวี้เหวินซิวเซียนยื่นมือเข้ามาแทรกแซงเพราะอะไร สุดท้าย ชายวัยกลางคนก็ได้คำตอบว่าอวี้เหวินซิวเซียนเพียงต้องการปกป้องสาวงามเท่านั้น
ช่างน่าเจ็บใจเหลือเกิน!!
และช่างน่าโกรธแค้นยิ่งนัก!!!!
“ฟู่…”
ด้วยความที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ประกอบกับความเศร้า ความอับอาย และความโกรธแค้นที่ถาโถมอย่างหนักหน่วง สวีหลิงซูพลันกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ก่อนที่จะล้มลงหมดสติไป
บรรยากาศยังคงตกอยู่ในความเงียบ
สภาพจิตใจของสวีหลิงซูได้รับความบอบช้ำยิ่งกว่าสภาพร่างกายเสียอีก
กลุ่มนายทหารของฮันซางเซียงรู้แจ้งทันที ว่าการเป็นศัตรูกับอวี้เหวินซิวเซียนนั้น คือเรื่องราวที่โหดร้ายต่อชีวิตมากเกินไป
แต่เขาก็แข็งแกร่งอย่างแท้จริง
แม้ว่าเด็กหนุ่มที่ชื่ออวี้เหวินซิวเซียนจะมีภาพลักษณ์ภายนอกเป็นเหมือนบุคคลสมองเสื่อมผู้หนึ่ง แต่เขาก็มีหัวใจที่หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีของตนเอง
และที่สำคัญก็คือเขาเป็นผู้ชนะ!!
ในที่สุด ฮันซางเซียงก็สามารถถอนหายใจออกมาได้ด้วยความโล่งอก
เมื่อเหตุการณ์จบลงเช่นนี้ นั่นก็หมายความว่าภารกิจของนางเสร็จสิ้นลงแล้ว
เมื่อจิตใจผ่อนคลาย อาการบาดเจ็บทางร่างกายก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น และนั่นทำให้โลหิตไหลทะลักออกมาจากบาดแผลเป็นจำนวนมาก
ฮันซางเซียงรู้สึกตาลาย อ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง หูได้ยินเสียงอุทานดังขึ้นรอบกาย ก่อนที่โลกทั้งใบจะหมุนตลบตีลังกา แล้วมือที่อบอุ่นของใครบางคนก็ช้อนรับร่างของนางเอาไว้ ก่อนที่นางจะไม่รับทราบสิ่งใดอีกเลย