เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1953 ศัตรูผู้ทรงพลัง
ตอนที่ 1,953 ศัตรูผู้ทรงพลัง
ฮันซางเซียงพยักหน้า ขณะเบนสายตามองไปทางประตูห้องอีกครั้ง ก่อนจะหยุดชะงักและกล่าวว่า “หากคุณชายอวี้เหวินออกมาเมื่อไหร่ ช่วยแจ้งให้ข้ารู้โดยเร็วที่สุดด้วย”
“รับทราบขอรับ”
หวังเฟิงหลิวรับคำด้วยความหนักแน่น
ฮันซางเซียงหมุนตัวและเดินจากไปอย่างช้า ๆ
เมื่อจ้องมองไปยังร่างของแม่ทัพสาวแห่งกองทัพเป่ยเฉิน หวังเฟิงหลิวก็รู้แล้วว่ามีอีกหนึ่งสาวงามได้หลงเสน่ห์นายท่านของเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้นเรียบร้อยแล้ว
หวังเฟิงหลิวรู้สึกสะทกสะท้อนใจขึ้นมาอย่างประหลาด
นั่นเป็นเพราะว่าหวังเฟิงหลิวก็ถือเป็นคนเสเพลคนหนึ่งแห่งกลุ่มพันธมิตรโกลาหล ไม่ทราบเลยว่ามีสาวงามมากน้อยเพียงใดที่ตกหลุมรักเขาและอยากจะมีลูกกับเขา…
ดังนั้น หวังเฟิงหลิวจึงมั่นใจในเสน่ห์ของตนเองอยู่พอสมควร
แต่เมื่อเทียบกับเสน่ห์ของนายน้อย หวังเฟิงหลิวก็รู้ตัวดีว่าตนเองยังห่างไกลจากนายน้อยหลายพันโยชน์
นี่คือเรื่องราวที่น่าเจ็บปวดหัวใจ
แต่เมื่อความคิดดำเนินมาถึงตรงนี้ ประตูไม้ด้านหลังก็เปิดออกอย่างแช่มช้า
หลินเป่ยเฉินเดินออกมาด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
“นายท่านไม่เป็นอะไรนะขอรับ?”
หวังเฟิงหลิวรีบหันกลับไปยิ้มประจบทันที “แม่ทัพฮันแวะมาหานายท่าน... นางเพิ่งกลับไปเมื่อสักครู่นี้ ให้ข้าน้อยไปตามกลับมาไหมขอรับ?”
“ไม่ต้องหรอก”
หลินเป่ยเฉินโบกมือวูบและถามว่า “สถานการณ์สู้รบเป็นอย่างไรบ้าง?”
หวังเฟิงหลิวรายงานโดยเร็ว “พวกเราสามารถบุกยึดพื้นที่ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของอาณาจักรเหนียนเซียงได้แล้วขอรับ แต่ก่อนที่จะมีการบุกยึดพื้นที่ทางภาคอื่น ข้าน้อยได้ยินมาว่ากองทัพเป่ยเฉินจะตั้งฐานบัญชาการอยู่ที่นี่ให้มั่นคงเสียก่อนขอรับ”
ก่อนโจมตีในพื้นที่อื่นจำเป็นต้องมีรากฐานที่แข็งแกร่ง
นี่คือเรื่องที่สมเหตุสมผลดีแล้ว
เพราะสมรภูมิสำคัญเช่นนี้ กองทัพอสูรและเผ่ามนุษย์ทะเลทรายต้องเตรียมตัวตอบโต้แน่ ๆ
ดังนั้น เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้คือสิ่งสำคัญที่สุด
กล่าวคือ กองทัพเป่ยเฉินจำเป็นต้องเรียกกำลังเสริม
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วใช้ความคิด แต่ในทันใดนั้นเอง เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังปราณแปลกประหลาดที่ลอยอยู่ในอากาศ
มีใครบางคนกำลังมา
เป็นชนชั้นยอดฝีมือผู้ทรงพลัง
สัญชาตญาณบอกหลินเป่ยเฉินว่าผู้มาเยือนมีความเป็นอันตรายต่อพรรคพวกของตน
และอีกฝ่ายน่าจะมีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพอนันต์
หลินเป่ยเฉินไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตอนนี้เขามีสัมผัสพิเศษในการเห็นอนาคตล่วงหน้าแล้วใช่หรือไม่?
“ข้าจะออกไปตรวจสอบอะไรบางอย่างสักครู่”
หลินเป่ยเฉินเดินออกไปข้างหน้าพร้อมกับกำชับว่า “สั่งให้คนของเราเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้และเตรียมตัวหลบหนีตลอดเวลา”
หลังจากกล่าวจบ ร่างของเด็กหนุ่มก็หายวับไปในอากาศ
หวังเฟิงหลิวหยุดชะงักอยู่ตรงนั้น
เตรียมตัวให้สู้รบเขายังพอเข้าใจ
แต่นายน้อยสั่งให้เตรียมพร้อมสำหรับการหลบหนีตลอดเวลาด้วยหรือ?
ตกลงว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรกันแน่?
อย่าบอกนะว่านายน้อยวางแผนเอาไว้ เมื่อนายน้อยสามารถเผด็จศึกท่านแม่ทัพฮันซางเซียงได้เมื่อไหร่ นายน้อยก็จะหลบหนีไปทันที?
ไม่น่าใช่เพราะเรื่องนี้
บุรุษเจ้าเสน่ห์อย่างนายน้อยไม่มีทางต้องทำเช่นนั้นหรอก
หรือว่า…
ทันใดนั้น หวังเฟิงหลิวนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
ไม่กี่อึดใจให้หลัง หวังเฟิงหลิวก็เดินไปเคาะประตูห้องพักของนายท่านหวังจง หลังจากนั้น หวังเฟิงหลิวก็ผลักประตูเปิดเข้าไปโดยเร็วไว “นายท่าน ดูเหมือนจะเกิดเรื่องแล้วขอรับ…”
ส่วนเรื่องที่ตนเองรับปากกับฮันซางเซียงเอาไว้ หวังเฟิงหลิวลืมเลือนไปหมดสิ้นแล้ว
…
“ม่านกระบี่ปกคลุมผืนฟ้า คนชราตื่นจากการหลับใหล”
เสียงหัวเราะดังกังวานพร้อมกับการท่องบทกวีบนท้องฟ้า
บนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่และเต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับ ร่างของคนผู้หนึ่งขับขานบทกวีพุ่งด้วยความเร็วสูง เพียงพริบตาเดียว เขาก็มาถึงเขตที่เป็นฐานบัญชาการกองทัพของฮันซางเซียง
ชายวัยกลางคนผู้นี้สวมใส่เสื้อคลุมสีแดง ผมยาวสยายสีทองคำ ใบหน้าหยาบกร้าน ร่างกายกำยำ คิ้วโก่งดั่งคมกระบี่ ดวงตาเป็นประกายกระหายเลือด ร่างกายแผ่รัศมีอันตราย
แกร๊ง! แกร๊ง!
เสียงระฆังแจ้งเตือนอันตรายดังกังวานไปทั่วพื้นที่
ฮันซางเซียงและผู้ติดตามปรากฏตัวขึ้นบนป้อมปราการลอยฟ้าแห่งหนึ่ง
และเมื่อพบเห็นฝ่ายตรงข้าม ทุกคนก็ต้องมีใบหน้าซีดขาว
เพราะผู้มาเยือนมีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพอนันต์
มือกระบี่ผู้นี้เป็นศัตรูผู้ทรงพลัง
เป็นศัตรูที่ฮันซางเซียงเกลียดชังมากที่สุด!
“มือกระบี่เมินฟ้า!”
ฮันซางเซียงกัดฟันกรอดพร้อมกับคำรามชื่อของฝ่ายตรงข้ามออกมา
นั่นเป็นเพราะว่าจอมทัพจากเผ่ามนุษย์ทะเลทรายผู้นี้เคยเป็นนายทหารอาวุโสประจำกองทัพเป่ยเฉินมาก่อน
และความเกลียดชังที่ฮันซางเซียงมีต่อชายวัยกลางคนผู้นี้ก็มีความล้ำลึกมากกว่ามหาสมุทรและมีความกว้างใหญ่มากกว่าท้องฟ้า
เพราะชายวัยกลางคนผู้นี้เป็นผู้สังหารมารดาของนางเอง
‘ต่อให้สวรรค์ลงโทษ ข้าก็ไม่สน’
นั่นคือคติประจำใจของมือกระบี่เมินฟ้า
ไม่มีผู้ใดทราบว่าเขามีชื่อจริงว่าอันใด
ทุกคนเพียงจดจำชายวัยกลางคนในนามของมือกระบี่เมินฟ้าและชายวัยกลางคนก็เรียกตนเองว่ามือกระบี่เมินฟ้า
ต่อให้สวรรค์ต้องการลงโทษเขาก็ทำอะไรเขาไม่ได้
ด้วยความที่มีคติประจำใจเช่นนี้ มือกระบี่เมินฟ้าจึงไม่เคยหวาดกลัวผู้ใด
ในจำนวนยอดฝีมือของเผ่ามนุษย์ทะเลทราย ‘มือกระบี่เมินฟ้า’ เป็นผู้ที่มีสถิติการสังหารมากที่สุด
และยังเป็นผู้ที่มีสถิติในการสังหารผู้คนมากกว่าราชาหินดำเสียอีก
มารดาของฮันซางเซียงต้องตายอย่างน่าเศร้าด้วยน้ำมือของมือกระบี่เมินฟ้าระหว่างการต่อสู้
ตอนนั้นกองทัพเป่ยเฉินถูกเผ่ามนุษย์ทะเลทรายโจมตีอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ผู้ควบคุมการรบของเผ่ามนุษย์ทะเลทรายคือมือกระบี่เมินฟ้า กองทัพเป่ยเฉินแทบพ่ายแพ้อย่างหมดรูป นายทหารบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่ด้วยความอัจฉริยะของท่านแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพเป่ยเฉิน นายทหารส่วนใหญ่จึงสามารถรอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์
ในขณะนั้น มารดาของฮันซางเซียงมีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักราตอนปลาย
แต่น่าเสียดายที่ระหว่างการหลบหนี นางต้องพยายามคุ้มครองบุตรสาวซึ่งมีอายุเพียงห้าขวบ สุดท้าย มารดาของฮันซางเซียงจึงต้องตกไปอยู่ในกำมือของมือกระบี่เมินฟ้า
ว่ากันว่ามือกระบี่เมินฟ้าได้นำศพของมารดาของฮันซางเซียงกลับไปเพื่อทำให้กองทัพเป่ยเฉินอับอาย
ฮันซางเซียงไม่อยากจะสังหารมือกระบี่เมินฟ้าโดยทันที เพราะนางอยากจะถามชายวัยกลางคนผู้นี้ก่อนว่า เขาเอาศพของมารดานางไปไว้ที่ใด
แต่โชคร้ายที่อีกฝ่ายมีความแข็งแกร่งมากเกินไป
มิหนำซ้ำ มือกระบี่เมินฟ้ายังได้รับการหนุนหลังจากเผ่ามนุษย์ทะเลทราย นี่จึงเป็นเรื่องที่พูดง่ายมากกว่าลงมือทำ
แม้ตลอดเวลาที่ผ่านมากองทัพเป่ยเฉินจะเคยพยายามโจมตีมือกระบี่เมินฟ้ามาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยมีครั้งใดสามารถโจมตีได้สำเร็จ
ฮันซางเซียงจึงคิดไม่ถึงเลยว่านางจะได้มาพบเจอกับคนผู้นี้ในวันนี้
นี่เผ่ามนุษย์ทะเลทรายเห็นว่าอาณาจักรเหนียนเซียงเป็นสมรภูมิที่สำคัญถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
ถึงกับต้องส่งจอมเทพอนันต์มาจัดการด้วยตนเอง
ทันใดนั้น มือกระบี่เมินฟ้าก็หยุดชะงัก
คิ้วสีทองคำเลิกขึ้นสูง ดวงตากวาดมองรอบบริเวณ
“ข้าคิดถึงที่นี่เหลือเกิน…”
ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยความประหลาดใจ
เบื้องหน้าเขาคือนายทหารใต้บังคับบัญชาของฮันซางเซียงจำนวนกว่าสองแสนคน
ในสายตาของมือกระบี่เมินฟ้า นายทหารเหล่านี้ไม่ต่างจากมดปลวกตัวเล็กตัวน้อย หาได้มีอันตรายต่อเขาไม่
ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่าต่อให้เป็นชนชั้นยอดฝีมือระดับจอมเทพจักรา ที่ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของมือกระบี่เมินฟ้าอยู่แล้ว!!