เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1960 ท่านแม่ทัพใหญ่วัยกลางคน
ตอนที่ 1,960 ท่านแม่ทัพใหญ่วัยกลางคน
ฮันซางเซียงสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของหลินเป่ยเฉินจึงหันมากล่าวว่า “อย่าเป็นกังวลไปเลย ท่านแม่ทัพใหญ่ไม่ใช่คนดุร้าย”
“ท่านแม่ทัพฮันไม่เข้าใจหรอก นี่เป็นเรื่องราวระหว่างบุรุษ”
หลินเป่ยเฉินตอบกลับไป
ฮันซางเซียงคิดจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจนางก้มหน้าก้มตาเดินนำทางต่อไปโดยไม่พูดคำใดอีก
ตลอดทางเดิน นายทหารจำนวนมากพร้อมใจกันประสานมือคำนับคนทั้งสอง
หลินเป่ยเฉินรับรู้ได้ถึงความเคารพที่ทุกคนมีต่อตนเอง
แต่เขาก็สังเกตเห็นเช่นกันว่าการรักษาความปลอดภัยนั้นเข้มงวดรัดกุมมากกว่าเดิม
นี่แสดงว่ามีผู้บัญชาการระดับสูงมาถึงแล้วจริง ๆ
และเช่นเดียวกับผู้คนที่แฝงตัวอยู่ในความมืด
หลินเป่ยเฉินสัมผัสได้ถึงแววตาดุร้ายที่จ้องมองมายังตนเอง
แต่ทันใดนั้น เขาก็มาถึงหน้าประตูห้องประชุมของหอบังคับการแล้ว
บริเวณหน้าประตูซ้ายขวามีองครักษ์ร่างกำยำในชุดเกราะสีเงินยืนรักษาการณ์ องครักษ์ทั้งสองสวมใส่ชุดเกราะตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่เปิดเผยต่อโลกภายนอก
จอมเทพจักราตอนปลาย!
องครักษ์ทั้งสองนายนี้มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักราตอนปลาย
หัวใจของหลินเป่ยเฉินยิ่งเต้นเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ
ระบบรักษาความปลอดภัยที่รัดกุม
ความเข้มงวดในการเข้าพบ
นับว่าศิษย์พี่ฮันพัฒนามายาวไกลจริง ๆ
แม้แต่องครักษ์หน้าประตูก็เป็นผู้ที่อยู่ในขั้นจอมเทพจักราตอนปลาย
ให้ตายเถอะ…
หลังจากนี้ หลินเป่ยเฉินคิดว่าตนเองต้องกอดขาศิษย์พี่ฮันเอาไว้ให้แน่นที่สุด
“กราบเรียนท่านแม่ทัพใหญ่ คุณชายอวี้เหวินซิวเซียนมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”
ฮันซางเซียงยืนรายงานอยู่หน้าประตู
“เข้ามาได้”
เสียงที่ทรงพลังและมีอำนาจดังตอบรับมาจากด้านในห้อง
หลินเป่ยเฉินรับฟังด้วยความตื่นเต้น สงสัยศิษย์พี่ฮันคงต้องลำบากมาไม่น้อย เสียงของเขาจึงแทบไม่ต่างไปจากชายวัยกลางคนผู้ผ่านชีวิตมาอย่างโชกโชน
ฮันซางเซียงยังคงยืนอยู่หน้าประตูและหันมาผายมือทำท่า ‘เชิญ’ ให้แก่หลินเป่ยเฉิน
หลินเป่ยเฉินเปิดประตูเดินเข้าไปโดยไม่ลังเล
พื้นที่ด้านในห้องประชุมกว้างใหญ่
แต่มีเพียงคนผู้เดียวเท่านั้นอยู่ในห้อง
ด้านบนสุดของขั้นบันไดเก้าขั้น ซึ่งเป็นที่ตั้งของกระดานดำแสดงรายละเอียดเส้นทางการโคจรของดวงดาว มีชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่สวมใส่เสื้อคลุมสีขาวคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น เขาไว้เคราที่ใต้คาง ดวงตาเป็นประกายลึกล้ำไม่ต่างกับมหาสมุทร แต่ก็บรรจุด้วยความรู้และวิสัยทัศน์อันกว้างใหญ่และชายวัยกลางคนผู้นี้ก็ดูเหมือนจะผ่านชีวิตมาอย่างโชกโชนจริง ๆ
เอ๊ะ?
หลินเป่ยเฉินหยุดชะงัก
ตาลุงคนนี้เป็นใครกัน?
ศิษย์พี่ฮันของเขาอยู่ไหน?
หลินเป่ยเฉินมองหน้าชายวัยกลางคนและกวาดสายตามองรอบตัว
ไม่พบคนอื่นอยู่ในห้องนี้อีกแล้ว
หรือว่าตาลุงคนนี้จะเป็นท่านแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพเป่ยเฉิน?
ความผิดหวังถาโถมเข้าใส่จิตใจของหลินเป่ยเฉิน
นี่ไม่ใช่ศิษย์พี่ฮัน
ตาลุงคนนี้แก่เกินไป ไม่มีทางใช่ศิษย์พี่ฮันเด็ดขาด
เขาเข้าใจผิดไปเอง
และความผิดหวังก็นำพามาซึ่งความหงุดหงิด
ก่อนหน้านี้ หลินเป่ยเฉินคาดหวังอย่างเต็มที่ว่าจะได้กลับมาพบกับศิษย์พี่ฮันอีกครั้ง แต่แล้วทุกอย่างก็พังทลายลงไปเมื่อได้มาเจอกับชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าผู้นี้
ดังนั้นหลินเป่ยเฉินจึงไม่ทราบเลยว่าตนเองสมควรกล่าวอย่างไรดี
“เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วย”
ทันใดนั้น ชายวัยกลางคนก็ทำลายความเงียบขึ้น
เสียงของเขาแข็งแรงและมีพลัง ทำให้ผู้คนรู้สึกเชื่อมั่นยามได้ยิน
หลินเป่ยเฉินตอบกลับไปว่า “ท่านลุง ท่านคือใคร พวกเรารู้จักกันด้วยหรือ?”
แต่เมื่อเด็กหนุ่มหันกลับไปจ้องมองอีกครั้ง หัวใจของเขาก็กระตุกวูบ
เดี๋ยวก่อนนะ…
ถ้าลบเคราที่ใต้คางออกไป ไม่สนใจริ้วรอยบนใบหน้า ไม่สนใจแววตาอย่างผู้ที่ผ่านชีวิตมาอย่างโชกโชน…
ไม่สนใจสิ่งใด สนใจแต่เพียงโครงหน้า…
หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกคุ้นหน้าตาลุงคนนี้อยู่ไม่น้อย
โครงหน้าของชายวัยกลางคนผู้นี้มีความละม้ายคล้ายกับศิษย์พี่ฮันอยู่หลายส่วน
อย่าบอกนะว่า…
หลินเป่ยเฉินเริ่มรู้สึกกลับมามีความหวังอีกครั้ง
นี่คือศิษย์พี่ฮันในเวอร์ชันชายวัยกลางคนชัด ๆ !
“ไม่ทราบว่าชีวิตนี้ท่านมีความฝันอยากทำสิ่งใด?”
หลินเป่ยเฉินถาม
ชายวัยกลางคนทำสีหน้าหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ขณะตอบว่า “ข้าเพียงอยากใช้ชีวิตเสวยสุขไปจนตายเท่านั้น”
“รูปปั้นที่ตั้งอยู่หน้าสำนักศึกษาในนครเจาฮุยคือรูปปั้นของอะไร?”
“รูปปั้นของผู้คนที่กำลังอ่านหนังสือ”
“เซียวปิงเป็นใคร?”
“น้องชายร่วมสาบานของเจ้า”
“อากวงล่ะ?”
“หนูอสูรหางกุดตัวหนึ่ง”
“หุบเขาชายแดนเหนือ?”
“สำนักล่าอสูรกุหลาบไฟ”
“อาจารย์ฉู่?”
“อาจารย์ผู้มีแขนเป็นโลหะ”
“หวังจง?”
“บ่าวรับใช้ที่คำว่าจงในชื่อมาจากจงรักภักดี…”
“อาจารย์ติง?”
“มือกระบี่ชื่อดัง เป็นอาจารย์ของเจ้า และเจ้ายังคิดครอบครองบุตรสาวของเขาอีกด้วย”
“เอ่อ… เรื่องนั้นข้าขอปฏิเสธ ไป๋ชินอวิ๋น?”
“เด็กสาวตัวเล็กหน้าอกใหญ่”
“น้องสาวของท่านมีนามว่าอันใด?”
“ฮันปู้ฮุย”
“อุ๊ย แล้วเยว่หงเซียงล่ะขอรับ?”
“…”
คำถามสุดท้าย ชายวัยกลางคนนิ่งเงียบ
หลินเป่ยเฉินตบมือหัวเราะด้วยความชอบใจ “ฮ่า ๆๆ ศิษย์พี่ฮัน เป็นท่านจริง ๆ ด้วย”
ชายวัยกลางคนใบหน้ากระตุกด้วยความเดือดดาลและลงมือโจมตีโดยทันที
วูบ!
ลำแสงกระบี่พุ่งด้วยความเร็วสายฟ้าฟาด
“ประเสริฐ”
หลินเป่ยเฉินร้องตะโกนและก็ลงมือตอบโต้กลับเช่นกัน
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
คมกระบี่สาดประกายวูบวาบ สะเก็ดไฟกระจัดกระจาย
ทั้งสองคนกำลังใช้ออกมาด้วยกระบวนท่าของวิชากระบี่สามพิฆาต
“สหาย งั้นท่านลองดูกระบวนท่าของข้าบ้าง”
หลินเป่ยเฉินเปลี่ยนแปลงกระบวนท่าและแทงกระบี่ออกไปอย่างต่อเนื่อง
ทั้งหมดล้วนเป็นวิชากระบี่ที่พวกเขาเคยศึกษาตอนอยู่ที่สถานศึกษากระบี่ที่สาม ประจำเมืองหยุนเมิ่ง
ชายวัยกลางคนก็สามารถตอบโต้กลับมาได้อย่างคล่องแคล่ว
เพราะเขาเองก็ใช้กระบวนท่าเดียวกับหลินเป่ยเฉินเช่นกัน