เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1968 วิธีการตีความ
ตอนที่ 1,968 วิธีการตีความ
คำทำนายอย่างนั้นหรือ?
หลินเป่ยเฉินนึกถึงแอปที่เกี่ยวข้องกับคำทำนายซึ่งตนเองเคยดาวน์โหลดมาติดตั้งในโทรศัพท์มือถือเมื่อนานมาแล้วได
และมันก็ไม่ต่างไปจากแอปเวยป๋อ เพราะหาประโยชน์ในการใช้งานไม่ได้เลย
แต่นั่นมันก็นานมาแล้ว
หลินเป่ยเฉินหันกลับมาหาฮันปู้ฟู่และถามว่า “ศิษย์พี่จะทำนายอย่างไรหรือขอรับ?”
นาฬิกาโบราณเรือนนั้นลอยอยู่กลางอากาศในระดับศีรษะผู้คนพอดี
ฮันปู้ฟู่เอื้อมมือขึ้นไปดึงนาฬิกาโบราณขนาดใหญ่เรือนนั้นให้ลดระดับลงมาอยู่ในระนาบเดียวกับใบหน้าของตนเองก่อนยิ้มและตอบว่า “วิธีการดูคำทำนายนั้นง่ายมาก ข้าจะเหวี่ยงนาฬิกาเรือนนี้ออกไป เมื่อมันเหวี่ยงกลับมา หากมันเหวี่ยงมาถูกใบหน้าของข้า นั่นก็หมายความว่าพวกเราตกอยู่ในอันตราย แต่หากนาฬิกาเหวี่ยงมาไม่ถึงใบหน้าของข้า นั่นก็หมายความว่าพวกเรายังคงอยู่รอดปลอดภัยต่อไป”
หลินเป่ยเฉินกะพริบตาปริบ ๆ
นี่ล้อกันเล่นใช่ไหมเนี่ย?
นี่มันเป็นวิธีการทำนายรูปแบบใดกัน?
นี่เป็นเรื่องของการใช้เรี่ยวแรงล้วน ๆ ต่างหาก
ขอแค่เหวี่ยงนาฬิกาออกไปเบา ๆ นาฬิกาก็ไม่มีทางเหวี่ยงกลับมาโดนใบหน้าตนเองได้เด็ดขาด
แต่เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังของฮันปู้ฟู่ หลินเป่ยเฉินก็ตระหนักชัดเจนว่าอีกฝ่ายไม่ได้ล้อเล่น… หลินเป่ยเฉินจึงทำได้เพียงจ้องมองชายวัยกลางคนผู้เป็นรุ่นพี่ด้วยความตกตะลึง
นาฬิกาโบราณเรือนนี้จะสามารถเอาชนะกฎของนิวตันได้จริง ๆ หรือ?
วูบ!
ฮันปู้ฟู่ยกมือผลักนาฬิกาโบราณเรือนนั้นออกไปเต็มแรง
นาฬิกาโบราณถูกเหวี่ยงออกไปลอยขึ้นสูง
เมื่อมันถูกเหวี่ยงไปจนสุดระยะแล้ว นาฬิกาโบราณก็หยุดชะงัก ก่อนที่จะเหวี่ยงกลับมาตามทางเดิมและนาฬิกาโบราณก็พุ่งเข้ามาหาใบหน้าของฮันปู้ฟู่ด้วยความรวดเร็วและรุนแรง
จนกระทั่งห่างจากใบหน้าของเขาไม่ถึงหนึ่งไม้บรรทัด
แล้วทันใดนั้นเอง สิ่งที่ไม่คาดคิดก็บังเกิดขึ้น
กริ๊ก!
โดยไม่มีสัญญาณเตือน นาฬิกาโบราณก็หยุดชะงักอยู่ห่างจากใบหน้าของฮันปู้ฟู่ไม่ถึงหนึ่งฝ่ามือ
อยู่ดี ๆ มันก็หยุดชะงัก โดยไม่มีการค่อย ๆ ลดความเร็วลงใด ๆ ทั้งสิ้น
นี่มันสมเหตุสมผลดีแล้วหรือ?
นี่มันไม่ได้เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์เลยสักนิด
ฮันปู้ฟู่ยิ้มเล็กน้อยและกล่าวด้วยความดีใจ “ดูเหมือนครั้งนี้พวกเราจะยังคงอยู่รอดปลอดภัย ปัญหาที่ต้องจัดการหลังจากนี้ ก็คือการรับมือกับยอดฝีมือทั้งห้าคนนั้นสินะ”
หลินเป่ยเฉินรู้สึกเชื่อมั่นในคำทำนายของฮันปู้ฟู่
แต่เพื่อความแน่ใจ เด็กหนุ่มจึงนำโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดแอปพยากรณ์ดวงประจำวัน
นี่คือสิ่งที่เด็กหนุ่มคิดว่าตนเองไม่เคยจะต้องทำมาก่อน
เขารีบเปิดแอปด้วยความตื่นเต้น
หลินเป่ยเฉินก้มหน้าดูหน้าจอโทรศัพท์
การพยากรณ์ให้ผลลัพธ์ว่า
‘หมั่นสวดมนต์และทำทาน ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก...’
‘หลีกเลี่ยงการทำสงคราม หลีกเลี่ยงความขัดแย้ง หลีกเลี่ยงการเดินทาง หลีกเลี่ยงการก่อสร้าง…’
ให้ตายเถอะ!
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจ นี่เป็นคำทำนายที่ไม่เป็นมงคลเอาเสียเลย
ถึงกับบอกว่าให้หลีกเลี่ยงการทำสงคราม
หมายความว่าแผนการที่ศิษย์พี่ฮันวางเอาไว้จะไม่สำเร็จผลอย่างนั้นหรือ?
“แต่นี่เป็นแอปพยากรณ์ดวงประจำวัน กว่าพวกเราจะประกาศสงครามก็อีกหลายวัน นี่เป็นดวงประจำวันนี้ สงสัยต้องเปิดดูวันที่ทำสงครามล่ะมั้ง”
หลินเป่ยเฉินพยายามปลอบใจตนเองและเลื่อนปฏิทินไปยังกำหนดที่น่าจะเป็นช่วงการทำสงคราม
แล้วสีหน้าของเด็กหนุ่มก็ไม่ได้ดีไปกว่าเดิม
นับจากนี้ไปอีกสิบวัน คำพยากรณ์ล้วนออกมาเหมือนกันหมดว่า…
ไม่ควรทำการใด ๆ ทั้งสิ้น
ให้มันได้อย่างนี้สิ!!
หลินเป่ยเฉินไม่รู้อีกแล้วว่าควรเชื่อคำพยากรณ์ไหนดี
แต่ไม่เป็นไรหรอก
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงคำพยากรณ์เท่านั้น
หลินเป่ยเฉินเชื่อมั่นในวิทยาศาสตร์มาแต่ไหนแต่ไร
แล้วพวกเขาทั้งสองคนก็ออกมาจากวิหารแห่งกาลเวลา
…
อาณาจักรเหนียนเซียงเป็นเพียงอาณาจักรเล็ก ๆ เท่านั้น
ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ ยังคงมีดาวเคราะห์อยู่มากมายหลายล้านดวง
บางส่วนเป็นดาวเคราะห์ที่รกร้าง บางส่วนก็เป็นดาวเคราะห์ที่เต็มไปด้วยผลึกแร่ธาตุ
แต่ผลึกแร่ธาตุเหล่านั้นคือสิ่งที่ถูกนำมาใช้หลอมเป็นสกุลเงินตำลึงเงินและตำลึงทอง
ส่วนแร่ธาตุชนิดอื่น ๆ ก็จะถูกนำมาหลอมเหลวเป็นข้าวของเครื่องใช้
เหตุผลไม่มีสิ่งใดซับซ้อน
สำหรับผู้คนในเส้นทางดาราจักร แร่เงินและแร่ทองมีคุณค่าที่เท่าเทียมกัน ส่วนแร่โลหะมีคุณค่าเพียงนำมาหลอมเป็นข้าวของเครื่องใช้ในครัวเรือนเท่านั้น และในเส้นทางดาราจักร พวกเขามีดาวเคราะห์ที่เป็นเหมืองแร่เงินและแร่ทองคำอยู่ร้อยสามสิบหกดวง
เหมืองแร่เหล่านั้นเคยเป็นของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์
ปัจจุบัน หนึ่งในสามของเหมืองแร่เหล่านั้นตกมาอยู่ในมือของกองทัพเป่ยเฉิน
และดาวเคราะห์เหล่านั้นก็ตั้งอยู่ใน ‘อาณาจักรโจวหลุน’
นั่นจึงทำให้อาณาจักรโจวหลุนมีความสำคัญขึ้นมาในทันที
เพราะว่าแร่เงินและแร่ทองคำที่ได้มาจากอาณาจักรโจวหลุนนั้น มีค่าเท่ากับแร่เงินและแร่ทองคำจำนวนห้าจากร้อยส่วน ซึ่งเป็นผลผลิตทั้งหมดจากดาวเคราะห์ที่เป็นเหมืองแร่ทั้งร้อยสามสิบหกดวง
เมื่อเดือนก่อน กองทัพเป่ยเฉินสามารถบุกยึดอาณาจักรแห่งนี้ได้สำเร็จ
พวกเขาจึงเร่งการขุดเหมืองและนำแร่ธาตุชนิดต่าง ๆ ไปหลอม และใช้ดาวเคราะห์รกร้างที่ไม่มีผู้อยู่อาศัยเป็นสถานที่เก็บผลึกแร่ทั้งหมด
และเพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้คนมาขโมยผลึกแร่เหล่านั้นไป พวกเขาจึงส่งยอดฝีมือนามว่าจีอู๋ซวงมาควบคุมดูแลการขุดเหมืองโดยเฉพาะ
ทุกคนต่างก็ทำงานแข่งกับเวลา
จีอู๋ซวงมีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักราตอนปลาย สวมใส่ชุดเสื้อคลุมสีแดง คิ้วเข้ม ใบหน้าขรึม ยืนอยู่บนยอดเขาสูง ขณะเงยหน้ามองดวงดาวบนท้องฟ้า
ท้องฟ้าดำมืด ดวงดาวเป็นประกายระยิบระยับ
ช่างเป็นท้องฟ้าที่สวยงาม
แต่น่าเสียดายที่องค์จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ ผู้เคยควบคุมความยิ่งใหญ่ของเส้นทางดาราจักร บัดนี้ได้ล่วงลับไปเสียแล้ว
เผ่าพันธุ์มนุษย์กำลังจะเผชิญกับยุคสมัยแห่งความตาย
แต่ผู้คนจำนวนมากยังไม่รู้
กองทัพเป่ยเฉินยังคงต่อสู้เพื่อความอยู่รอด
บางครั้ง พวกเขาถึงกับต้องจำใจยอมห้ำหั่นกันเอง
“หวังว่าในเส้นทางดาราจักรของพวกเราจะมีผู้กล้าหาญปรากฏตัวขึ้นมาเป็นแสงสว่างแห่งความหวังของมวลมนุษย์สักคนบ้างล่ะนะ”
จีอู๋ซวงถอนหายใจ
ทันใดนั้น หัวใจของเขาก็กระตุกวูบ
เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไป ดวงตาของจีอู๋ซวงก็เบิกโต
ดวงตาของเขาปลดปล่อยลำแสงออกไปข้างหน้า ทำให้เห็นว่าในบรรดาดวงดาวที่ลอยอยู่บนฟากฟ้านั้น มีร่างของใครบางคนกำลังยืนอยู่บนดาวเคราะห์ร้างดวงหนึ่งและจ้องมองลงมาที่ตนเอง
คนผู้นั้นสวมใส่ชุดสีขาว
ร่างกายเปี่ยมไปด้วยสง่าราศี
บนแผ่นหลังของคนผู้นั้นมีมืองอกออกมาอีกหลายข้างและมือเหล่านั้นก็กำลังร่ายรำกระบวนท่าต่าง ๆ
มิหนำซ้ำ ตัวคนยังขยายใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ
เพียงพริบตาเดียว คนผู้นั้นก็มีร่างกายใหญ่ยักษ์จนบดบังแสงสว่างของดวงดาวและดวงตะวันหมดสิ้น
ดาวเคราะห์ดวงนั้นกลายเป็นเพียงลูกทรงกลมเล็ก ๆ เมื่ออยู่ต่อหน้ายักษ์ใหญ่
“ราชาหยกขาว!”
จีอู๋ซวงพลันร้องตะโกนออกมาด้วยความตื่นตระหนก
“พวกเรารีบถอนกำลังเดี๋ยวนี้… แจ้งเตือนทุกคนให้ถอนกำลังออกจากเหมืองแร่ ถอนกำลังโดยเร็วที่สุด…”