เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1977 รีบกลับไปเฝ้าภรรยาคลอดบุตร
ตอนที่ 1,977 รีบกลับไปเฝ้าภรรยาคลอดบุตร
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง
‘ติ๊ง!’
‘ภารกิจความรุ่งเรืองของกองทัพเซียนกระบี่ Part 2 สำเร็จแล้ว…’
‘กำลังแจกจ่ายรางวัลให้แก่ผู้เข้าร่วมภารกิจ’
เสียงการแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้นในหัวของหลินเป่ยเฉิน
เด็กหนุ่มรู้สึกดีใจยิ่งนัก
ทันใดนั้น มวลพลังในร่างกายของเขาก็เพิ่มขึ้น
ขั้นพลังเลื่อนระดับอย่างน่าตกใจ
หลินเป่ยเฉินสามารถก้าวขึ้นสู่ขั้นจอมเทพอนันต์ระดับ 1 ได้สำเร็จ
แต่การเลื่อนขั้นพลังยังไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้
จอมเทพอนันต์ระดับ 2… จอมเทพอนันต์ระดับ 3… จอมเทพอนันต์ระดับ 4… จอมเทพอนันต์ระดับ 5…
สุดท้าย ขั้นพลังของหลินเป่ยเฉินก็ไปหยุดที่ขอบเขตจอมเทพอนันต์ระดับ 6
หลินเป่ยเฉินรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามวลพลังที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายมีความหนาตัวและมีมวลที่รุนแรงมากกว่าเดิม และร่างกายของเขาก็มีความแข็งแกร่งมากขึ้นเช่นกัน
นี่ย่อมหมายความว่าพลังการต่อสู้ก็ต้อง…
“การประลองคู่ที่สอง ข้าจะออกไปสู้เอง”
หลินเป่ยเฉินรีบอาสาด้วยความกระตือรือร้น “พอดีข้ากำลังรีบ”
เขากำลังรีบกลับไปเฝ้าภรรยาคลอดบุตร!
บนสังเวียนประลอง
คลื่นพลังกดดันแผ่กระจาย
นี่ไม่ใช่สังเวียนของผู้อ่อนแอ
รอบสังเวียนประลองยังคงปกคลุมด้วยม่านพลังที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้บรรดาผู้ชมได้รับลูกหลงจากการต่อสู้ หากไม่มีม่านพลังเหล่านี้ ก็คงไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใกล้สังเวียนประลองได้เด็ดขาด
เพราะผู้ที่อยู่ในขั้นจอมเทพอนันต์นั้นมีพลังทำลายล้างรุนแรงมากเกินไป
มือกระบี่เมินฟ้าสวมใส่ชุดเสื้อคลุมสีแดง ก้าวเดินออกมาอย่างช้า ๆ
เขามีร่างกายที่สูงใหญ่และดูดี ผมสีทองยาวสลวย แม้แต่ขนคิ้วก็เป็นสีทองเช่นกัน
พลังกดดันมหาศาลแผ่ออกมาจากร่างของมือกระบี่เมินฟ้าในยามนี้
แม้แต่ผู้รับชมการถ่ายทอดสดที่อยู่ห่างไกลออกไปหลายพันลี้ ก็ยังอดสะพรึงกลัวไปกลับมวลพลังเหล่านั้นไม่ได้
หากไม่ได้มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพอนันต์ ก็คงไม่มีทางรับมือคนผู้นี้ได้เด็ดขาด
ขอบเขตจอมเทพอนันต์คือเป้าหมายของผู้ฝึกยุทธ์ทุกคน
แต่เส้นทางที่จะไปให้ถึงความฝันนั้นไม่เคยง่ายดาย ผู้คนมากมายไม่สามารถเลื่อนขั้นพลังได้สำเร็จและนั่นก็ยิ่งทำให้ผู้ที่มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพอนันต์แตกต่างจากผู้คนทั่วไปมากขึ้น
แม้ว่ามือกระบี่เมินฟ้าจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับพญาเหยี่ยวอสูร แต่เขาก็มีความอำมหิตไม่แพ้กัน
มิหนำซ้ำ ยังมีภาพลักษณ์ดีกว่าพญาเหยี่ยวอสูรด้วยซ้ำ
เหตุผลหลัก ๆ น่าจะเป็นเพราะชาติกำเนิด
มือกระบี่เมินฟ้าได้รับการยกย่องให้เป็นยอดอัจฉริยะจากเผ่ามนุษย์ทะเลทราย
ดังนั้น ภาพลักษณ์ของเขาในสายตาของสาธารณชนจึงดูสูงส่งมากกว่าพญาเหยี่ยวอสูรหรือราชาหินดำเสียอีก
“กองทัพเป่ยเฉิน ไม่ทราบว่าผู้ใดจะเป็นคู่ประลองของข้า?”
มือกระบี่เมินฟ้าระเบิดเสียงคำราม เสียงของเขาก้องกังวานไปทั่วแผ่นฟ้า มวลอากาศปั่นป่วนเป็นระลอกคลื่น
ทันใดนั้นเอง
ร่างในชุดสีขาวก็ค่อย ๆ ทิ้งตัวลงมาบนสังเวียนประลอง
คนผู้นี้สวมใส่หน้ากากปิดบังใบหน้า ร่างกายสูงใหญ่ สวมใส่เสื้อคลุมสีขาวราวหิมะ
สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างรวดเร็ว
ท่าทางยามเคลื่อนไหวมีสง่าราศีไม่ต่างจากเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์
คนผู้นี้เป็นใครกัน?
ทุกฝ่ายล้วนเกิดคำถามนี้ขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง พวกเขาต่างก็จ้องมองไปยังสังเวียนประลองด้วยความพิศวง
พวกเขาทราบว่ากองทัพเป่ยเฉินมีผู้ใดบ้างที่อยู่ในขั้นจอมเทพอนันต์
แต่ไม่เคยมีผู้ใดรู้จักคนคนนี้มาก่อน
แม้จะเป็นยอดฝีมือที่มาช่วยเหลือจากนอกกองทัพ แต่ก็ไม่สมควรมีความลึกลับเป็นปริศนาถึงเพียงนี้
ไม่สมควรที่อยู่ดี ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมา
และที่น่าประหลาดใจก็คือ ถึงคนผู้นี้จะสวมใส่หน้ากากปิดบังใบหน้า แต่ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด ทุกคนกลับสามารถรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่า ใบหน้าที่แท้จริงของคนผู้นี้คงจะต้องหล่อเหลามากเป็นแน่…
“เขามาจากไหนกันนะ?”
หลายฝ่ายเริ่มคาดเดาถึงตัวตนที่แท้จริงของบุรุษปริศนา
การปรากฏตัวบนสังเวียนประลองเช่นนี้ได้ ย่อมยืนยันว่าคนผู้นี้มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพอนันต์
แล้วทำไมพวกเขาถึงไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของจอมเทพอนันต์ที่ชอบสวมใส่ชุดสีขาวมาก่อน?
“หรือว่าจะเป็นเขา?”
ดวงตาของฟางซื่อหลี่เป็นประกายระยับด้วยความคาดหวัง
ในใจของเขากำลังนึกถึงใครบางคน
และในเวลาเดียวกันนี้ แววตาของผู้คุมสภาจากสภาศักดิ์สิทธิ์ก็แสดงถึงความสงสัยออกมาเช่นกัน
“บันทึกภาพการประลองครั้งนี้เอาไว้ด้วย”
เขากระซิบออกคำสั่ง
แล้วผู้ติดตามของท่านผู้คุมสภาก็เริ่มต้นบันทึกภาพจากสังเวียนประลองโดยทันที
ห่างออกไปไม่ไกล บนเรือเหาะที่บรรทุกคณะทูตจากอาณาจักรเกิงจิน องค์ชายหลิงกำลังยืนยกมือจับคางอย่างใช้ความคิด เพราะเขารู้สึกคุ้นเคยกับบุรุษชุดขาวผู้นี้อย่างประหลาด… แต่มันไม่น่าเป็นไปได้ เนื่องจากองค์ชายหลิงได้รับทราบมาว่าคนผู้นั้นอยู่ห่างไกลจากที่นี่พอสมควร
…
บนสังเวียนประลอง
เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ มือกระบี่เมินฟ้าก็มีความตึงเครียดขึ้นมาทันที
ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด เขากลับรู้สึกคุ้นเคยกับคู่ต่อสู้อย่างประหลาด
คู่ต่อสู้ผู้นี้มีความคล้ายคลึงกับอวี้เหวินซิวเซียนอยู่หลายส่วน
ไม่ต้องกลัว!
ต้องไม่ใช่คนผู้นั้นอย่างแน่นอน!!
อีกอย่าง เมื่อเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามสวมใส่หน้ากาก มือกระบี่เมินฟ้าก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
นี่ต้องไม่ใช่อวี้เหวินซิวเซียนอย่างแน่นอน
เพราะว่าอวี้เหวินซิวเซียนมีใบหน้าที่หล่อเหลา และเขาก็ภูมิใจกับความหล่อเหลาของตนเองเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีทางที่อวี้เหวินซิวเซียนจะปิดบังหน้าตาของตนเองเด็ดขาด
แต่ที่สำคัญก็คือ มือกระบี่เมินฟ้าได้รับการยืนยันมาแล้วว่าอวี้เหวินซิวเซียนกำลังซ่อนตัวอยู่ในอาณาจักรเทียนอวี่
ดังนั้น คู่ต่อสู้ที่อยู่เบื้องหน้าเขาคนนี้…
จะเป็นใครก็ไม่สำคัญอีกแล้ว!!!
นั่นเป็นเพราะว่ามือกระบี่เมินฟ้าพบว่าอีกฝ่ายมีพลังไม่แข็งแกร่งสักเท่าไหร่
“ข้าจะไม่ฆ่าคนที่ตนเองไม่รู้จัก”
มือกระบี่เมินฟ้าระเบิดพลังกดดันออกมาจากร่างกายรุนแรงมากยิ่งขึ้น มวลอากาศปั่นป่วน ก่อนที่มือกระบี่เมินฟ้าจะระเบิดเสียงหัวเราะและกล่าวว่า “เจ้าเป็นตัวแทนจากกองทัพเป่ยเฉิน จงบอกนามอันต่ำต้อยของเจ้าออกมาซะ”
บัดนี้
หลินเป่ยเฉินกำลังจับสังเกตสีหน้าของมือกระบี่เมินฟ้าและมั่นใจว่าอีกฝ่ายจดจำเขาไม่ได้จริง ๆ
ทั้งที่เพิ่งจะผ่านไปเพียงครึ่งเดือนเท่านั้น
ตาเฒ่านี่คงต้องเป็นโรคความจำเสื่อมแน่ ๆ
หลินเป่ยเฉินยืดหน้าอกขึ้นและหัวเราะเสียงดังกังวาน
“นามของข้าอย่างนั้นหรือ? จงฟังเอาไว้ให้ดี… หึ ๆ”
หลินเป่ยเฉินเริ่มสร้างบุคลิกใหม่ให้แก่ตนเองขณะลดเสียงลง กระซิบออกมาว่า “จงจำชื่อของข้าไว้ให้ดีเพราะว่านับจากนี้เป็นต้นไป ชื่อนี้จะคอยหลอกหลอนพวกเจ้าทุกคน ข้ามีนามว่าราชันจอมโจรเงา!”