เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1978 เจ้าคนโกหก
ตอนที่ 1,978 เจ้าคนโกหก
เสียงพูดของบุรุษในชุดขาวดังกังวานไปทั่วแผ่นฟ้าเข้าถึงหูของทุกผู้คน
ราชันจอมโจรเงาอย่างนั้นหรือ?
ไม่เคยได้ยินมาก่อน
นี่เป็นฉายานามของผู้ใดกัน?
“รีบไปตรวจสอบเร็วเข้า”
บรรดาคนใหญ่คนโตของทุกฝ่ายต่างก็รีบออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว
มือกระบี่เมินฟ้ายืนตัวแข็งทื่อ สีหน้าปรากฏรอยยิ้มเหยียดหยาม “ที่แท้ก็เป็นเพียงชนชั้นไร้ชื่อเสียงผู้หนึ่ง”
บัดนี้ เขารู้สึกโล่งใจยิ่งนัก
ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ใช่อวี้เหวินซิวเซียน มือกระบี่เมินฟ้าก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวผู้ใดอีกแล้ว
โดยเฉพาะถ้าอีกฝ่ายเป็นจอมเทพอนันต์ที่มีพลังต่ำกว่าระดับ 5 ลงไป
การต่อสู้ในวันนี้ มือกระบี่เมินฟ้ามั่นใจว่าตนเองต้องชนะ
เขารู้สึกลิงโลดใจ ยกมือขึ้นและระเบิดพลังปราณออกไปเต็มอัตรา
หลังจากนั้น มวลอากาศก็เต็มไปด้วยลำแสงกระบี่
ลำแสงกระบี่ปกคลุมหนาแน่น
ไร้จุดสิ้นสุด
นี่ไม่ต่างจากมหาสมุทรกระบี่
กระบี่เมินฟ้าเป็นผู้ใช้สายเลือดผู้แปรธาตุ เพียงตั้งสมาธิใช้พลังจิต พลังปราณจากร่างกายของเขาก็สามารถหลอมรวมออกมาเป็นกระบี่ลำแสงได้จำนวนมากมายมหาศาล นอกจากมีหน้าตาสวยงามแล้ว ยังมีอันตรายถึงชีวิตอีกด้วย
วูบ! วูบ! วูบ!
ลำแสงกระบี่พุ่งเข้าหาหลินเป่ยเฉินไม่ต่างจากพายุฝน
หลินเป่ยเฉินยืนหยัดอยู่ตรงนั้น ยกมือขึ้นโบกสะบัดชายเสื้อเพียงเล็กน้อย
แล้วลำแสงกระบี่ที่พุ่งเข้ามาหาเขาราวกับห่าฝนก็สลายหายไป
“หืม?”
มือกระบี่เมินฟ้าหยุดชะงักด้วยความประหลาดใจ “วิชาการเคลื่อนย้ายวัตถุ? ร้ายกาจถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะสู้ได้สักเท่าไหร่… วิชาวายุกระบี่สายฟ้าพิฆาต!”
ทันใดนั้น พายุกระบี่ลำแสงที่หายไปก็กลับมาปรากฏขึ้นอีกครั้งในจำนวนมากกว่าเดิมหลายเท่า
และกระบี่ลำแสงแต่ละเล่มก็มีพลังทำลายล้างเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอย่างน่าสะพรึงกลัว
หลินเป่ยเฉินถูกปกคลุมด้วยม่านฝนกระบี่ลำแสงอีกครั้ง
นี่คือภาพที่ทำให้ทุกคนต้องเบิกตาโต
การประลองจะจบลงแล้วหรือ?
ราชันจอมโจรเงาจะต้องพ่ายแพ้ให้แก่มือกระบี่เมินฟ้าในรูปแบบนี้จริง ๆ หรือ?
แต่ในอึดใจต่อมา จังหวะที่ม่านฝนกระบี่ลำแสงเหล่านั้นกำลังจะเข้าถึงตัวหลินเป่ยเฉิน พวกมันก็ต้องอันตรธานหายไปกลางอากาศอีกครั้ง
และกระบี่บางส่วนที่ไม่ได้หายไปก็หยุดค้างอยู่กลางอากาศ
กระบี่ลำแสงเหล่านั้นลอยตัวอยู่ห่างจากร่างของราชันจอมโจรเงาเพียงไม่กี่คืบเท่านั้น
พวกมันหยุดชะงักไม่ต่างจากสัตว์ร้ายที่ถูกสะกด
และแล้ว…
กระบี่ลำแสงเหล่านั้น…
ก็หันปลายของมันอย่างช้า ๆ
กระบี่ทุกเล่มหันไปหามือกระบี่เมินฟ้าที่ยืนอยู่ห่างออกไป
“ข้าบอกแล้วไง”
หลินเป่ยเฉินพูดผ่านหน้ากากที่ไร้ใบหน้า “ในโลกนี้ ไม่มีกระบี่เล่มใดที่จะปฏิเสธข้าได้”
“???”
มือกระบี่เมินฟ้าถึงกับหยุดชะงักด้วยความตกตะลึงสุดขีด
“เป็นเจ้าเองหรือ?”
ขนทุกเส้นบนร่างกายของมือกระบี่เมินฟ้าลุกชันด้วยความสะพรึงกลัว
เขาพลันรู้สึกเหมือนตนเองกำลังจะหายใจไม่ออก
แย่แล้วสิ!
พลาดท่าเสียได้!!
อยู่ต่อไม่ได้แล้ว!!!
ต้องรีบหนี!!!!!!!
ใบหน้าของมือกระบี่เมินฟ้ากลายเป็นสีเขียวปัด สัญชาตญาณแห่งการเอาชีวิตรอดร้องบอกให้เขารีบหลบหนีไปให้เร็วที่สุด
ให้ตายเถอะ
“อย่าเพิ่งหนีสิ”
หลินเป่ยเฉินยกมือโบกสะบัด “เรายังสู้กันไม่จบเลยนะ”
“เจ้าคนโกหก…”
มือกระบี่เมินฟ้าไม่เหลียวหน้ากลับมามองเลยแม้แต่น้อย “ข้าจะเปิดโปงเจ้าให้ทุกคนรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเจ้านั้นคือ…”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
หลินเป่ยเฉินเพียงระเบิดพลังออกมาจากร่างกายเล็กน้อย
แล้วในพริบตาต่อมา ทั้งเขาและมือกระบี่เมินฟ้าต่างก็หายตัวไปจากสังเวียนประลองในเวลาเดียวกัน
หลงเหลือเพียงจุดสีฟ้าอ่อนจุดเล็ก ๆ สองจุดบนสังเวียน ซึ่งแทบจะไม่มีผู้ใดสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าอีกแล้ว
เกิดอะไรขึ้น?
ทันใดนั้น ผู้คนที่รับชมการประลองจากรอบทิศทางต่างก็แสดงสีหน้าพิศวงสงสัยออกมา
เมื่อสักครู่นี้ จอมเทพอนันต์ทั้งสองฝ่ายกำลังต่อสู้กัน แล้วเหตุใดอยู่ดี ๆ จึงได้หายตัวไปเช่นนี้?
นี่ช่างเป็นสิ่งที่ยากหาคำอธิบาย
แต่คำถามสำคัญก็คือผู้คนหายไปไหน?
เกิดอะไรขึ้นกับจอมเทพอนันต์ทั้งสองคนนั้น?
หรือนี่จะเป็นเคล็ดวิชาลับบางอย่าง?
หรือเป็นผลจากการใช้อาวุธเล่นแร่แปรธาตุ?
บรรดาคนใหญ่คนโตบนเรือเหาะยักษ์ทั้งหลายต่างก็หันมองหน้ากัน
พวกเขารู้สึกว่าการประลองในวันนี้แปลกประหลาดมากเกินไป
ท่านแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพเป่ยเฉินเป็นผู้สืบสายเลือดของผู้ท่องกาลเวลา สามารถจัดการพญาเหยี่ยวอสูรได้ในฝ่ามือเดียว นับเป็นการต่อสู้ที่จบลงอย่างรวดเร็วและน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก แต่ถึงกระนั้น มันก็เป็นการต่อสู้ที่ไร้รสชาติมากเกินไป บรรดาผู้ชมการประลองในวันนี้ล้วนแต่หวังจะได้รับชมการต่อสู้ที่ดุเดือดเลือดพล่านกันทั้งสิ้น
ดังนั้น พวกเขาจึงตั้งความหวังเอาไว้ว่าการประลองในคู่ที่สองจะทำให้ตนเองสมความปรารถนา
แต่ผู้ใดจะไปคิดเลยว่าการต่อสู้กลับจบลงเร็วกว่าคู่แรกเสียอีก
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
การต่อสู้จบลงจริง ๆ แน่หรือ?
ไม่น่าเป็นไปได้…
เหล่ายอดฝีมือจากสำนักต่าง ๆ เริ่มใช้เคล็ดวิชาของตนเองจ้องมองสังเวียนประลองด้วยความพินิจพิเคราะห์
ในที่สุด ก็มีผู้คนสังเกตเห็นเบาะแส
“พวกท่านเห็นจุดสีฟ้าอ่อนเล็ก ๆ บนสังเวียนประลองหรือไม่? นี่คือร่องรอยของการใช้เคล็ดวิชาบางอย่าง… คู่ประลองทั้งสองคงหลุดเข้าไปอยู่ในอาณาเขตของใครสักคนเป็นแน่แท้”
“นี่คือการใช้เคล็ดวิชาลับอย่างนั้นหรือ?”
“เป็นเคล็ดวิชาของผู้ใดกัน?”
สุดท้าย ทุกฝ่ายก็เริ่มสังเกตเห็นจุดสีฟ้าเล็ก ๆ นั้น
และพวกเขาก็ได้ทราบว่าการต่อสู้ครั้งนี้ยังไม่จบลง
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปในอาณาเขตปริศนา
นั่นคงเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดยิ่งนัก
เสียดายที่ไม่มีผู้คนสามารถรับชมได้
นี่เองจึงทำให้บรรดาผู้คนที่เสียเงินก้อนโตซื้อตั๋วเข้ามารับชมการประลองในวันนี้ถึงกับนึกเสียใจไม่น้อย
พวกเขาจะสามารถทำเรื่องขอคืนเงินกับผู้ใดได้บ้าง?
…
ณ อาณาเขตสนธยา
หลินเป่ยเฉินได้เปรียบเรื่องความแข็งแกร่งของพลังชั่วคราว
เขากระชับกระบี่ปลิดปลิวในมือและกล่าวว่า “ขอบอกเลยนะว่ากระบี่ของเจ้าช่างเหมาะมือข้าเหลือเกิน”
มือกระบี่เมินฟ้าพยายามวิ่งหนี
หลินเป่ยเฉินวิ่งตาม
มือกระบี่เมินฟ้าหอบหายใจ
หอบหายใจอย่างรุนแรง
ร่างกายมีโลหิตไหลโชก
บนร่างกายปรากฏบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่ง
นับเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จอมเทพอนันต์สักคนหนึ่งจะมีสภาพเช่นนี้
แต่สิ่งที่ทำให้มือกระบี่เมินฟ้าเจ็บใจและอับอายมากที่สุดก็คือบาดแผลบนร่างกายของเขาล้วนเกิดขึ้นจากกระบี่ปลิดปลิวทั้งสิ้น
มันคือกระบี่ที่ติดตามรับใช้เขามาอย่างยาวนาน เขาเคยดูแลมันราวกับเป็นบุตรในไส้ เขาถ่ายทอดพลังปราณให้แก่มันทุกค่ำคืน เขาดูแลมันอย่างดีให้สมกับฐานะอาวุธวิเศษระดับสูง แต่สุดท้าย กระบี่ปลิดปลิวกลับทรยศเขา นอกจากจะทิ้งเขาไปแล้ว ยังย้อนกลับมาทำร้ายเขาอีกด้วย
และสิ่งที่ทำให้มือกระบี่เมินฟ้าเจ็บใจและโกรธแค้นมากยิ่งขึ้นก็คือตนเองกำลังถูกรุมทำร้าย
ใช่แล้ว!
ในเวลานี้ เขาไม่ใช่กำลังต่อสู้อยู่กับอวี้เหวินซิวเซียนเพียงลำพัง
แต่ยังคงมีอวี้เหวินซิวเอ๋ออีกด้วย!!!