เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1986 ท่านชนะแล้ว
ตอนที่ 1,986 ท่านชนะแล้ว
“ช่างเป็นการประลองที่ยอดเยี่ยมนัก”
“ฮ่า ๆๆ ยิ่งสู้กันมากเท่าไหร่ ข้าก็ยิ่งตื่นเต้นมากเท่านั้น”
“ช่างเป็นการจับคู่ที่เหมาะสมจริง ๆ ฝ่ายหนึ่งก็จอมเทพอนันต์หญิงปริศนา อีกฝ่ายก็ยอดนักรบแห่งเผ่าพันธุ์อสูรโลหิต… ข้ามั่นใจเลยว่านี่ต้องเป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในรอบพันปีนี้แน่นอน”
บรรดาผู้ชมต่างก็ส่งเสียงออกมาด้วยความตื่นเต้น
นักรบอสูรจากเผ่าอสูรโลหิตพากันระเบิดเสียงคำรามไม่ต่างจากคลื่นสึนามิ
หลังจากนั้น นายทหารจากกองทัพเป่ยเฉินก็ใช้อาวุธเคาะชุดเกราะของตนเองพลางตะโกนเป็นจังหวะว่า “สงคราม สงคราม สงคราม…”
ดวงตาของทุกคนจ้องมองไปยังผู้ที่อยู่บนสังเวียนประลองทั้งสองฝ่าย
ป่าเต๋อถือขวานทองคำของมันด้วยสองมือ
บนผิวหนังสีแดงของมันปรากฏลวดลายอักขระส่องแสงระยิบระยับ
ดวงตาของมันเป็นประกายวาวโรจน์ไม่ต่างจากได้ค้นพบโลกใบใหม่
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ป่าเต๋อได้รับการฝึกสอนวิชาจากคัมภีร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเผ่าอสูรโลหิตและนั่นก็ทำให้มันกลายเป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดประจำเผ่าพันธุ์
ป่าเต๋อจ้องมองจอมเทพอนันต์หญิงหน้ากากเงินที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามและกล่าวออกมาอย่างช้า ๆ ว่า “ท่านชนะแล้ว”
“???”
เมื่อกลุ่มผู้ชมได้ยินถ้อยคำนั้น พวกเขาก็นึกว่าตนเองหูฝาดไป
ทุกคนรู้สึกเหมือนถูกสาดน้ำเย็นโดยไม่ทันตั้งตัว
ความตื่นเต้นเปลี่ยนเป็นความสับสนและลังเลใจ
พวกเขาหันมองหน้ากัน
นี่พวกเขาได้ยินถูกต้องแล้วหรือไม่?
ผู้คนพยายามค้นหาคำตอบผ่านสีหน้าของกันและกัน
แต่เกือบทุกคนก็มีสีหน้าเป็นแบบเดียวกัน
ในขณะนี้ ป่าเต๋อส่งเสียงพูดขึ้นมาอีกครั้งว่า “ข้าใช้กระบวนท่าโจมตีที่รุนแรงที่สุดของตนเองออกไปแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะท่านได้ เพราะฉะนั้น ข้าขอยอมแพ้”
บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ
ความสับสนและลังเลใจทั้งหมดสลายหายไป
ความหวังดับสูญ!
การประลองคู่ที่สามยังคงจบลงอย่างรวดเร็ว
รอยยิ้มยังคงค้างอยู่บนใบหน้าของราชาหยกขาว
ตอนแรกเขานึกว่าตนเองหูฝาด
ยะ…ยอมแพ้อย่างนั้นหรือ?
ในการประลองที่ได้รับความสนใจจากผู้คนจำนวนมหาศาล ยอดนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าอสูรโลหิตกลับเลือกที่จะยอมแพ้ต่อหน้าธารกำนัลเนี่ยนะ?
เมื่อป่าเต๋อกลับมาถึงเรือเหาะอสูร ราชาหยกขาวก็เดินเข้าไปขวางหน้าทันที
“ข้าต้องการคำอธิบาย”
ราชาหยกขาวกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
แต่ทุกคนกลับสัมผัสได้ว่าเสียงของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
“คำอธิบายอย่างนั้นหรือ?”
ป่าเต๋อตอบกลับมาอย่างแช่มช้า “เพราะว่าข้าแข็งแกร่งไม่เพียงพอ”
ราชาหยกขาวกัดฟันกรอด “นี่มันน่าขายหน้ามากเกินไป”
น้ำเสียงของป่าเต๋อพลันมีความสงบสุขุมมากกว่าเดิม “ข้าเป็นผู้เดียวที่สำเร็จวิชาการโจมตีสูงสุดของเผ่าอสูรโลหิต วิชานั้นมีอยู่ด้วยกันสามกระบวนท่า เมื่อสักครู่นี้ ข้าใช้ออกไปสองกระบวนท่าแล้วแต่ก็ยังล้มเหลว กระบวนท่าที่สามก็คงไม่ต่างกัน และนี่เป็นการร่วมมือระหว่างเผ่าพันธุ์อสูรโลหิตกับเผ่ามนุษยทะเลทราย ข้าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทุ่มเทถึงขั้นนั้น”
ราชาหยกขาวถามว่า “เจ้าคงกลัวสินะ?”
“แล้วข้ากลัวไม่ได้หรือ?”
ป่าเต๋อยิ้มมุมปาก “หากข้าตายบนสังเวียนประลอง กองทัพของข้าก็จะเกิดความวุ่นวายโกลาหล ครอบครัวของข้าก็จะต้องแตกสลาย ความพยายามของเผ่าพันธุ์ข้าตลอดหลายพันปีที่ผ่านมาจะไร้ประโยชน์ แล้วข้าไม่มีสิทธิ์กลัวหรืออย่างไร?”
ใบหน้าของราชาหยกขาวกระตุกไม่หยุด
เขาอยากจะตะโกนสวนกลับไปว่า ‘ช่างหัวเผ่าพันธุ์ของเจ้าเถอะ!’
แต่เมื่อเห็นสายตาของบรรดาอสูรโลหิตที่อยู่รอบกาย ราชาหยกขาวก็ไม่กล้าพูดคำใดออกมาอีก
“ในเมื่อเจ้ายอมแพ้ในการประลองครั้งนี้ นั่นก็เท่ากับว่าพวกเราต้องถอนกำลังออกไปจากเส้นทางของอาณาจักรเหนียนเซียง… นั่นหมายความว่าความพยายามก่อนหน้านี้ทั้งหมดของพวกเราก็ไร้ความหมายน่ะสิ”
ราชาหยกขาวพยายามเปลี่ยนคำถามใหม่
ป่าเต๋อตอบกลับมาเสียงเรียบว่า “ใช่ ความพยายามก่อนหน้านี้ทั้งหมดของพวกเราไร้ความหมาย… แต่ผู้ที่พยายามมีเพียงเผ่าอสูรโลหิตไม่ใช่หรือ? นักรบของเราต้องเสียชีวิตไปมากมาย แล้วพวกเราได้อะไรตอบแทนบ้าง? แน่นอน ข้าเข้าใจว่าเมื่อมีสงครามก็ต้องมีผู้เสียชีวิตและการเสียสละ แต่ข้าจะไม่ยอมเดิมพันอนาคตของกองทัพตนเองกับสงครามที่ไม่มีวันชนะเด็ดขาด”
ราชาหยกขาวถึงกับพูดคำใดไม่ออกไปชั่วขณะ
เขาจ้องมองแม่ทัพอสูรโลหิตที่ยืนอยู่เบื้องหน้าและอดถามตนเองอยู่ในใจไม่ได้ว่า ‘เหตุใดอสูรที่โง่เขลาเบาปัญญาตัวนี้ อยู่ดี ๆ ถึงได้ฉลาดและเยือกเย็นขึ้นมาได้นะ?’
หรือมีบางอย่างเกิดขึ้นโดยที่เขาไม่รู้?
ราชาหยกขาวได้แต่ถามตนเองอยู่ในใจ
ทันใดนั้น เสียงของท่านแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพเป่ยเฉินก็ดังกังวานไปทั่วสังเวียนประลองว่า…
“พวกเราชนะแล้ว”
ฮันปู้ฟู่จ้องมองไปยังเรือเหาะของกองทัพอสูรที่ลอยอยู่ห่างออกไปไม่ไกล เสียงของเขาดังกึกก้องไปทั่วแผ่นฟ้า “พวกเจ้าจะทำตามข้อตกลงที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่?”
เมื่อได้ยินคำถามข้อนี้ หัวใจของทุกคนก็รู้สึกตึงเครียดขึ้นมาทันที
ใช่แล้ว
กองทัพเป่ยเฉินเป็นฝ่ายชนะสามในห้าคู่ประลอง
บัดนี้ กองทัพเป่ยเฉินชนะการประลองสามคู่รวด การประลองอีกสองคู่จึงไร้ความหมายแล้ว
ผลแพ้ชนะถูกตัดสินแล้ว!
นี่คือสิ่งที่ตกลงกันไว้ก่อนเริ่มการประลอง
และนี่คือช่วงเวลาที่อันตรายมากที่สุด
กองทัพอสูรโลหิตและเผ่ามนุษย์ทะเลทรายจะยอมละทิ้งผลประโยชน์ ยอมรับความพ่ายแพ้และมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้แก่กองทัพเป่ยเฉินโดยดีหรือไม่?
ราชาหยกขาวค่อย ๆ เดินออกมาข้างหน้า แล้วร่างของเขาก็ไปปรากฏตัวบนสังเวียนประลอง
“การประลองมีด้วยกันทั้งหมดห้าคู่ นี่เพิ่งผ่านไปเพียงสามคู่เท่านั้น ยังเหลือการประลองอีกสองคู่”
สีหน้าของเขาเยือกเย็นไร้อารมณ์ น้ำเสียงราบเรียบ “เรามาประลองอีกสองคู่ที่เหลืออยู่ให้ครบก่อนเถอะ หลังจากนั้นค่อยมาพูดคุยกัน ถึงพวกท่านจะชนะไปแล้ว แต่พวกเราก็มีสิทธิ์ประลองอีกสองคู่ที่เหลือเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของตนเองไม่ใช่หรือ?”
ยังจะต้องการต่อสู้อีกหรือ?
บรรดาผู้ที่รับชมการประลองต่างก็รู้สึกประหลาดใจ
ในเมื่อตนเองพ่ายแพ้แล้ว ยังจะต้องการประลองต่อไปอีกสองคู่เพื่อรักษาศักดิ์ศรีอันใดกันอีก?
แต่ในไม่ช้า ทุกคนก็ได้เข้าใจอะไรบางอย่าง
นี่คือการประลองระหว่างจอมเทพอนันต์ เป็นโอกาสดีที่ฝ่ายกองทัพอสูรโลหิตและเผ่ามนุษย์ทะเลทรายจะได้สังหารยอดฝีมือของกองทัพเป่ยเฉิน
เผ่ามนุษย์ทะเลทรายมีจอมเทพอนันต์อยู่ด้วยกันมากมาย
หนึ่งในผู้ที่โด่งดังที่สุดก็คือราชาหยกขาว
ในทางกลับกัน จำนวนจอมเทพอนันต์ในกองทัพเป่ยเฉินนั้นมีน้อยมาก
หากเผ่ามนุษย์ทะเลทรายใช้โอกาสนี้กำจัดจอมเทพอนันต์จากกองทัพเป่ยเฉินได้ถึงสองคน นี่ก็จะเป็นการสร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้แก่กองทัพของฝ่ายตรงข้าม และเป็นโอกาสดีที่ราชาหยกขาวและกองทัพอสูรจะกลับมาบุกโจมตีอาณาจักรเหนียนเซียงอีกครั้ง!!