เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1993 สายเกินไป
ตอนที่ 1,993 สายเกินไป
“เชี่ย เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย?”
ใบหน้าที่หล่อเหลาของหลินเป่ยเฉินกำลังแสดงออกถึงความตกตะลึงและร้อนใจ
เขาค้นพบว่าตนเองไม่สามารถเข้าสู่สุสานกษัตริย์ได้
หลินเป่ยเฉินใช้ทักษะเปิดประตูมิติเพื่อกลับสู่สุสานกษัตริย์ แต่เมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นมา เด็กหนุ่มก็พบว่าตนเองอยู่ในอาณาจักรซือเว่ยตรงบริเวณที่ควรจะเป็นทางเข้าของสุสาน
แต่ไม่มีสุสานกษัตริย์ให้เข้าไป
ไม่ว่าลองพยายามกี่ครั้งก็ล้มเหลว
แม่งเอ๊ย!
หลินเป่ยเฉินทั้งร้อนรนและโกรธแค้น
เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นในตอนนี้ได้อย่างไร?
หลินเป่ยเฉินไม่ต่างจากพญาราชสีห์ที่กำลังเดือดดาล เขาขี่มอเตอร์ไซค์ พยายามมองหาทางเข้าสุสานกษัตริย์
เพียงพริบตาเดียว เวลาก็ผ่านไปหนึ่งก้านธูป
หลินเป่ยเฉินบอกให้ตนเองใจเย็น ๆ ลง
เฉียนเจินกำลังจะคลอดบุตร
ทารกในครรภ์ของนางมีความแปลกประหลาดพิสดารมากเกินไป
และบัดนี้ เขาก็กลับเข้าสู่สุุสานกษัตริย์ไม่ได้
สรุปว่าปัญหาคืออะไรกันแน่?
หรือเป็นเพราะว่าเมื่อทารกในครรภ์ถือกำเนิดออกมาก็ได้ปลดปล่อยพลังทำลายล้างจนทำให้สุสานกษัตริย์สลายหายไป?
หรือมีใครบางคนปิดกั้นทางเข้าสุสานกษัตริย์?
หลินเป่ยเฉินพยายามโทรไปผ่านทางแอปวีแชตหลายครั้ง
แต่เขากลับไม่สามารถติดต่อใครในสุสานกษัตริย์ได้เลย
หลินเป่ยเฉินยิ่งร้อนใจมากกว่าเดิม
ไม่ทราบว่าผ่านไปนานเพียงใด
ครืด!
โทรศัพท์สั่นสะเทือนขึ้นอีกครั้ง
มีสายเรียกเข้า
จากเฉียนเหมย
หลินเป่ยเฉินรีบกดรับสายด้วยความดีใจ
“นายท่าน ทำไมนายท่านถึงไม่กลับมา… พี่เฉียนเจินจากไปแล้ว”
เฉียนเหมยส่งเสียงร้องไห้ออกมาจากโทรศัพท์
เลือดในกายหลินเป่ยเฉินเย็นเฉียบ จนเขาถึงกับหยุดชะงัก
เด็กหนุ่มไม่ได้ยินอีกแล้วว่าเฉียนเหมยกล่าวอะไรต่อไป
กลับไป!
ต้องรีบกลับไป!!
หลินเป่ยเฉินพยายามเปิดประตูมิติเพื่อกลับสู่สุสานกษัตริย์อีกครั้ง…
วูบ!
แสงสว่างเป็นประกายระยิบระยับ
ลมหายใจต่อมา หลินเป่ยเฉินปรากฏตัวขึ้นในสุสานกษัตริย์
สำเร็จแล้ว
หลินเป่ยเฉินรีบพุ่งตรงไปยังตำหนักใหญ่ซึ่งเป็นที่พักของเฉียนเจินทันที
“อยู่ที่ไหน? คนอยู่ที่ไหน?”
หลินเป่ยเฉินตะโกนอย่างบ้าคลั่งและรีบวิ่งไปยังห้องพักของเฉียนเจิน
เตียงนอนว่างเปล่า
“คนอยู่ที่ใด?”
หลินเป่ยเฉินเห็นเฉียนเหมยยืนอยู่ข้างเตียงจึงขยับเข้าไปเขย่าไหล่และตะโกนถามว่า “เฉียนเจินอยู่ที่ไหน? นางเป็นอย่างไร? รีบพาตัวนางออกมา ข้าต้องมีวิธีช่วยชีวิตนางแน่นอน ต่อให้นางตายแล้ว ข้าก็สามารถชุบชีวิตได้ เร็วเข้าสิ… เจ้ามัวยืนเฉยอยู่ทำไมอีก?”
รุ่ยเอ๋อและคนอื่น ๆ ได้ยินหลินเป่ยเฉินกล่าวเช่นนี้ หัวใจของพวกนางก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที
บรรดาหญิงรับใช้เหล่านี้ต่างก็นึกว่าหลินเป่ยเฉินจะเป็นห่วงทารกมากที่สุด แต่ปรากฏว่าเขาเป็นห่วงแม่นางเฉียนเจินมากที่สุดต่างหาก
“นายท่าน...”
เฉียนเหมยยกมือปาดน้ำตาและกล่าวว่า “พี่เฉียนเจินจากไปแล้วและท่านจะไม่มีวันได้พบนางอีก”
“ข้าไม่เชื่อ ข้ามีวิธีช่วยชีวิตนางได้”
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงคำรามอย่างคุ้มคลั่ง
“กราบเรียนนายท่าน”
รุ่ยเอ๋อขยับออกมาข้างหน้าพร้อมกับกล่าวว่า “ท่านอย่าเพิ่งเป็นกังวลไป แม่นางเฉียนเจินยังคงมีชีวิตอยู่ ทั้งมารดาและบุตรสาวปลอดภัยดี…”
หลินเป่ยเฉินหันขวับกลับมามองหน้ารุ่ยเอ๋อ “เจ้า… พูดจริงหรือ?”
หลังจากนั้น เขาก็หันมาจ้องมองเฉียนเหมยและกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ “เจ้าเด็กโง่… ทำไมเจ้าถึงพูดว่าเฉียนเจินจากไปแล้ว? ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เฉียนเหมยร้องไห้สะอึกสะอื้น ต้องเสียเวลานานทีเดียวกว่าจะสามารถอธิบายเรื่องราวทั้งหมดได้เสร็จสิ้น
“นางถูกพาตัวไปอย่างนั้นหรือ?”
อารมณ์ของหลินเป่ยเฉินเหมือนคนที่ขึ้นรถไฟเหาะตีลังกา สลับสับเปลี่ยนระหว่างน้ำแข็งกับเปลวไฟตลอดเวลา
แต่เมื่อเทียบกับความตาย การให้เฉียนเจินถูกพาตัวไปนั้นย่อมดีกว่ากันหลายเท่า
“พี่เฉียนเจินได้ทิ้งของสิ่งนี้ไว้ให้กับนายท่านเจ้าค่ะ”
เฉียนเหมยนำวัตถุบางอย่างออกมาส่งมอบให้แก่หลินเป่ยเฉิน
มันคือศิลาบันทึกภาพ
หลินเป่ยเฉินหยุดชะงัก ก่อนจะโคจรพลังปราณใส่ลงไป
แล้วภาพที่ถูกบันทึกไว้ก็ได้รับการฉายออกมาเบื้องหน้าเขา
เฉียนเจินแต่งกายด้วยชุดหญิงรับใช้สีขาวกำลังอุ้มทารกน้อยอยู่ในอ้อมแขน ทารกน้อยกำลังหลับใหลอย่างมีความสุข
ทารกน้อยกำลังนอนดูดนิ้ว นางเป็นทารกเพศหญิง นางไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง คิ้วของนางยังไม่ขึ้น ผิวพรรณของนางยังไม่ได้เป็นสีขาวผ่อง ทารกน้อยเพิ่งคลอดออกมาจากครรภ์ของมารดา ดูไม่ออกว่าเติบโตขึ้นแล้วนางจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร
แต่สำหรับหลินเป่ยเฉิน เขารู้สึกว่าทารกน้อยผู้นี้เป็นเด็กหญิงที่น่ารักที่สุดในโลก
เฉียนเหมยจ้องมองตรงมาที่ ‘กล้อง’ แววตาเป็นประกายบอกถึงอารมณ์ความรู้สึกอันลึกซึ้ง แต่นางก็ไม่ได้พูดคำใดออกมา
เฉียนเจินเพียงพยายามยิ้มอย่างยากลำบาก แล้วหางตาก็มีหยดน้ำใส ๆ ไหลออกมา…
หัวใจของหลินเป่ยเฉินรู้สึกเจ็บปวดเหมือนถูกอะไรบางอย่างทิ่มแทง
เขาเองก็เห็นสตรีปริศนาในชุดสีขาวอยู่ในภาพเช่นกัน
นางเป็นสตรีร่างสูง มีผ้าคลุมใบหน้าปิดบังโฉมหน้าที่แท้จริง จึงทำให้มองเห็นใบหน้าได้ไม่ชัดเจน
แต่เขาก็รีบนำโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายภาพนางเก็บเอาไว้
เขาจะไม่มีวันลืมเลือนสตรีผู้นี้เด็ดขาด
“นายท่านได้โปรดลงโทษข้าน้อยเถอะเจ้าค่ะ”
รุ่ยเอ๋อและบรรดาหญิงรับใช้รีบคุกเข่าลงยอมรับผิด
การปล่อยให้ผู้อื่นนำตัวมารดาและบุตรสาวออกไปจากที่นี่ได้ ถือเป็นความผิดของพวกนางอย่างไม่ต้องสงสัย
ต่อให้ต้องตาย พวกนางก็ไม่มีคำแก้ตัว
หลินเป่ยเฉินโบกมือและกล่าวว่า “ข้าไม่โทษพวกเจ้าหรอก... พวกเจ้าจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ”
รุ่ยเอ๋อรีบลุกขึ้นด้วยความดีใจก่อนจะล่าถอยออกไปจากห้องพักอย่างพร้อมเพรียงกัน
เฉียนเหมยยกมือปาดน้ำตา ก้มศีรษะลงและกล่าวว่า “นายท่านเจ้าค่ะ ข้าน้อยขอโทษ ข้าน้อยไม่สามารถทำตามที่ให้คำสัญญาเอาไว้ได้ ข้าน้อยไม่สามารถปกป้องคุ้มครองท่านพี่เฉียนเจินและรั่วซูน้อยเอาไว้ได้ดีมากพอ”
“รั่วซูน้อยอย่างนั้นหรือ?”
หลินเป่ยเฉินชะงักกึก
เฉียนเหมยกล่าวต่อไปว่า “ท่านพี่เฉียนเจินเป็นคนตั้งชื่อบุตรสาว ตอนแรกนางตั้งใจจะให้ท่านกลับมาตั้งชื่อ แต่นางไม่สามารถรอได้อีกแล้ว นางจึงกล่าวว่าจะจากไปโดยไม่ตั้งชื่อบุตรสาวไม่ได้ ตราบใดที่ท่านรู้จักชื่อบุตรสาว ท่านก็ยังมีโอกาสตามหาได้พบเจอ นายท่านเจ้าค่ะ นี่คือชื่อบุตรสาวของท่าน รั่วซู… หลินรั่วซู”