เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1994 หลินรั่วซู
ตอนที่ 1,994 หลินรั่วซู
หลินเป่ยเฉินถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
ให้ตายเถอะ
ชื่อของเด็กน้อยมีความหมายว่าสีขาว
เฉียนเจินตั้งชื่อลูกน้อยว่ารั่วซูเพราะเห็นหลินเป่ยเฉินชอบสวมชุดสีขาว
ยิ่งไปกว่านั้น คำว่ารั่วซูยังมีความหมายถึงความสงบสุขอีกด้วย
หมายความว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทุกอย่างก็จะจบลงด้วยดี
เฉียนเจินจำเป็นต้องติดตามสตรีปริศนาในชุดขาวไปโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองกำลังจะต้องพบเจอสิ่งใดบ้างในอนาคต นางหวังเพียงแต่ว่าเมื่อได้อยู่กับบุตรสาว บุตรสาวจะช่วยทำให้จิตใจของนางสงบร่มเย็น
หลินรั่วซู
นี่คือบุตรสาวของเขา!
ไม่ต้องห่วง หลินเป่ยเฉินจะต้องตามตัวเฉียนเจินและบุตรสาวกลับมาให้ได้แน่นอน
หลินเป่ยเฉินสาบานอยู่ในใจครั้งแล้วครั้งเล่า
ผ่านไปเนิ่นนาน เด็กหนุ่มก็ถอนหายใจออกมายาวแรง พยายามรวบรวมความคิดที่ฟุ้งซ่านหันมากล่าวกับเฉียนเหมยว่า “เจ้าบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มาให้หมดอีกครั้ง อย่าให้พลาดรายละเอียดแม้แต่นิดเดียวเป็นอันขาด”
เฉียนเหมยยกมือเช็ดน้ำตา ทบทวนเรื่องราวและบอกเล่าโดยละเอียด
นางกล่าวอย่างเชื่องช้า
บางครั้งหลินเป่ยเฉินก็จะถามคำถามแทรกขึ้นมา
ในที่สุด สีหน้าของหลินเป่ยเฉินก็ประหลาดพิกลยิ่งนัก
สตรีปริศนาผู้นั้นเป็นผู้ที่แข็งแกร่งจนน่าประหลาดใจ คงมีขั้นพลังอยู่ในระดับจอมเทพอนันต์เป็นอย่างน้อย… หรืออาจจะสูงมากกว่านั้นด้วยซ้ำ
เพราะตัวหลินเป่ยเฉินเองอยู่ในขั้นจอมเทพอนันต์ แต่เขาก็ยังไม่มั่นใจเลยว่าหากตนเองต้องเผชิญหน้ากับสตรีชุดขาวเพื่อช่วยเหลือสองแม่ลูก ตนเองจะรับมือกับนางได้หรือไม่
สตรีปริศนาผู้นั้นสามารถเข้าสู่สุสานกษัตริย์ได้อย่างง่ายดาย
นางยังสามารถปิดกั้นสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ทำให้แอปวีแชตใช้งานไม่ได้ชั่วคราว
นางทำให้หลินเป่ยเฉินไม่สามารถเข้าสู่สุสานกษัตริย์
ฟังจากปากคำของเฉียนเหมยแล้ว เรื่องราวในครั้งนี้เกิดขึ้นจากการวางแผนมาเป็นอย่างดี ไม่ใช่เรื่องบังเอิญโดยเด็ดขาด
สำหรับสตรีที่มีความสามารถในระดับนี้…
หลินเป่ยเฉินรู้จักอยู่เพียงผู้เดียวเท่านั้น
แต่ความเป็นไปได้ที่จะเป็นนางค่อนข้างต่ำ
จะเป็นนางจริงหรือ?
ไม่น่าใช่
ไม่มั้ง?!
หวังว่าจะไม่ใช่!
ต้องไม่ใช่อย่างแน่นอน!!!
หลินเป่ยเฉินพยายามสะกดความสงสัยในหัวใจ
เขานั่งใช้ความคิดอยู่บนขอบเตียง
เหตุการณ์ในครั้งนี้ได้ทำให้เขารู้ซึ้งถึงสิ่งหนึ่งที่สำคัญ…
สุสานกษัตริย์ไม่ได้ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว
สตรีชุดขาวผู้นั้นสามารถเข้าออกที่นี่ได้อย่างง่ายดายราวกับเป็นสวนหลังบ้านของตนเอง
ครั้งนี้ นางมาพาตัวเฉียนเจินสองแม่ลูกไป หมายความว่านางสามารถกลับมาที่นี่เพื่อทำทุกอย่างที่ต้องการอีกได้ทุกเมื่อ
ก่อนหน้านี้ หลินเป่ยเฉินใช้สุสานกษัตริย์เป็นจุดพักระหว่างผู้คนจากแผ่นดินตงเต้าและเส้นทางดาราจักร เขาถึงกับใช้ที่นี่เป็นฐานบัญชาการของกองทัพเซียนกระบี่ เพื่อเตรียมตัวทุกคนให้พร้อมสำหรับการทำสงครามครั้งใหญ่…
แต่ดูเหมือนเขาคงต้องเปลี่ยนแผนการเสียแล้ว
“นายท่านเจ้าคะ นายท่านจะออกตามหาท่านพี่เฉียนเจินกับรั่วซูน้อยหรือไม่?”
เฉียนเหมยจ้องมองมาที่เขาด้วยความคาดหวัง
หลินเป่ยเฉินพยักหน้ายืนยันหนักแน่น “ข้าจะต้องพาตัวพวกนางกลับมาแน่นอน”
ไม่ว่าสตรีชุดขาวจะเป็นผู้ใด ไม่ว่าจะต้องเสียสละอะไรบ้าง แต่หลินเป่ยเฉินจะต้องพาตัวสองแม่ลูกกลับคืนมาให้จงได้
ขณะนี้ คำถามสำคัญที่กวนใจหลินเป่ยเฉินก็คือ ‘ทำไมหญิงปริศนาชุดขาวจึงต้องทำอย่างนี้ด้วย?’
หลินเป่ยเฉินรู้สึกสับสนยิ่งนัก
แต่เขาก็รู้ดีอีกเช่นกันว่าในฐานะแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพเซียนกระบี่ และตนเองก็เป็นความหวังสูงสุดของผู้คนที่ดำรงชีวิตอยู่ในแผ่นดินตงเต้า เขาจะต้องรีบหาทางแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด
“เฉียนเหมย พยายามปิดข่าวไว้ก่อนนะ อย่าให้ผู้ใดรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ นอกจากพวกรุ่ยเอ๋อ”
หลินเป่ยเฉินเริ่มต้นวางแผนในใจ
เขาออกคำสั่งอีกหลายอย่าง
การฝึกฝนของกองทัพเซียนกระบี่หยุดลงชั่วคราว
ขั้นตอนการฝึกฝนและแผนการทั้งหมดถูกยกเลิก
ถ้าหลินเป่ยเฉินยังหา ‘ฐานบัญชาการ’ แห่งใหม่ไม่พบ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องหยุดชะงักไปก่อน
บัดนี้ ฐานบัญชาการเดียวที่เขานึกออกก็คือแผ่นดินตงเต้า
ที่นั่นเป็นอาณาเขตส่วนตัวของหลินเป่ยเฉิน ต่อให้เป็นผู้มีพลังสูงกว่าขั้นจอมเทพอนันต์ ก็ยังไม่สามารถเข้าไปได้หากเขาไม่อนุญาต
เพราะฉะนั้น หลินเป่ยเฉินจึงต้องรีบฟื้นฟูแผ่นดินตงเต้าให้กลับคืนสู่ความสมบูรณ์โดยเร็ว
แต่ในเวลาเดียวกันนี้ หลินเป่ยเฉินก็ต้องปรับให้สภาพแวดล้อมและพลังปราณในอากาศมีความหนาแน่นไม่แพ้กับเส้นทางดาราจักร ซึ่งถือว่าไม่ใช่เรื่องง่าย
เมื่อจัดระเบียบความคิดเรียบร้อย หลินเป่ยเฉินก็สั่งให้เฉียนเหมยออกไปกระจายคำสั่ง
ตัวเขายังคงอยู่ในห้องนอนต่อไป
หลินเป่ยเฉินนั่งอยู่บนขอบเตียงนอนของเฉียนเจิน
ในหูของเขาถึงกับได้ยินเสียงร้องของเด็กน้อยผู้มีนามว่าหลินรั่วซู
หลินเป่ยเฉินกำหมัดแน่น
รั่วซูเป็นบุตรสาวคนแรกของเขา
เป็นลูกคนแรกของเขาในสองชีวิตนี้!
แต่เมื่อทารกน้อยคลอดออกมา นางก็ถูกพาตัวไปที่อื่นเสียแล้ว
พ่อลูกยังไม่มีโอกาสได้พบหน้ากันเลยด้วยซ้ำ
มิหนำซ้ำ ภรรยาที่ให้กำเนิดบุตรสาวก็ถูกพาตัวไปเช่นกัน
แม้หญิงสาวในชุดขาวจะไม่ได้แสดงท่าทีความโหดร้ายอำมหิตใด ๆ แต่หลินเป่ยเฉินก็อดเป็นกังวลไม่ได้
เขานั่งทบทวนคำพูดของเฉียนเหมยและสร้างเป็นภาพเหตุการณ์ในห้วงคิด
การต้องพลัดพรากกับบุตรสาวที่เพิ่งถือกำเนิดคือความเจ็บปวดที่ทรมานที่สุดในโลก
ในชาติภพที่แล้ว หลินเป่ยเฉินเคยดูละครทีวีมากมายที่เกี่ยวกับการลักพาตัวเด็กและก็รู้สึกสะเทือนใจเสมอ
และวันนี้ เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในละครทีวีได้เกิดขึ้นในชีวิตจริงของเขา
ความคิดมากมายปั่นป่วนอยู่ในหัวสมองของหลินเป่ยเฉิน
สีหน้าของเขาเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยววิตกกังวลเดี๋ยวอำมหิต
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า
หลินเป่ยเฉินนั่งอยู่เพียงลำพัง เขาไม่สามารถระงับความตื่นตระหนกของตนเองได้เลย
แสงจันทร์สาดส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง
เพียงพริบตาเดียวก็เป็นเวลากลางคืนแล้ว
หลินเป่ยเฉินนั่งนิ่งไม่เคลื่อนไหว
ในไม่ช้าก็ดึกสงัด
เฉียนเหมยรีบกลับเข้ามาในห้องพัก
นางเพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจในการถ่ายทอดคำสั่งของหลินเป่ยเฉิน
เฉียนเหมยอยากจะรีบกลับมาปลอบโยนนายท่าน
แต่เมื่อนางเดินมาถึงกลางห้อง สาวรับใช้ก็ต้องหยุดชะงัก ดวงตาจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยความตกตะลึง
“นายท่าน นายท่านเป็นอะไรไป?”
ดูเหมือนนางจะพบเห็นสิ่งที่น่าตื่นตระหนกยิ่งนัก สายตาของนางที่จ้องมองหลินเป่ยเฉินเต็มไปด้วยความตกตะลึงและสะเทือนใจ