เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 2000 ตอบอย่างไรดี
ตอนที่ 2,000 ตอบอย่างไรดี
หวังจงตัวสั่นเทา รู้สึกว่าในอนาคตตนเองต้องอยู่ให้ห่างจากเซียวปิงเสียแล้ว มิเช่นนั้น นายน้อยอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าเขาตั้งใจแย่งชิงน้องชายร่วมสาบานก็เป็นได้
เซียวปิงยังคงไม่ยอมแพ้ ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับด้วยความกระตือรือร้น ไม่ต่างจากยามที่หลินเป่ยเฉินได้พบหน้านักพรตหญิงชิน เด็กหนุ่มร่างอ้วนโน้มตัวเข้ามากระซิบว่า “ท่านลุง วิชาคำนับฟ้าของท่านเมื่อสักครู่ ไม่ทราบว่ากำลังมองหาผู้สืบทอดอยู่หรือไม่? ข้าน้อยคิดว่าตนเองสามารถเป็นผู้สืบทอดของท่านได้นะขอรับ…”
อากวงรีบพยักหน้าสนับสนุนอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกันนี้ เจ้าหนูอสูรก็นำกระดานชนวนออกมาขีดเขียนข้อความว่า ‘ข้ารู้ดีอยู่แล้วว่าพ่อบ้านหวังต้องเป็นยอดฝีมือเร้นกาย… คือว่า… ได้โปรดสอนวิชาการคำนับให้แก่ข้าด้วยเถอะ’
หวังจงพูดอะไรไม่ออก
เป็นเช่นนี้ไม่ถูกต้อง
ก่อนหน้านี้ หวังจงมั่นใจว่าตนเองแสดงพลังอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต สังหารจอมเทพอนันต์ชั้นสูงอย่างไร้ความเมตตา แต่ทำไมถึงไม่มีผู้ใดก้มหัวแสดงความเคารพให้กับเขาเหมือนที่ทำกับฮันปู้ฟู่เลยสักนิด?
มิหนำซ้ำ เซียวปิงกับอากวงยังคิดจะมาขโมยวิชาประจำตัวของเขาไปอีก?
หวังจงยกมือลูบคางอย่างใช้ความคิดและกล่าวว่า “ใช่ว่าข้าจะสอนพวกเจ้าไม่ได้หรอกนะ… แต่ประเด็นสำคัญคือขั้นพลังของพวกเจ้ายังอ่อนแอมากเกินไป… เดี๋ยวข้าจะลองคิดดูก็แล้วกัน บางทีอาจจะยังพอสอนวิชาอื่นให้แก่พวกเจ้าได้บ้าง”
อากวงกับเซียวปิงเบิกตาโตด้วยความดีใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“นายท่านขอรับ…”
หวังเฟิงหลิวจ้องมองมาด้วยความเศร้า
หวังจงโบกมือตัดบทด้วยความรำคาญใจ “เด็กน้อย พลังชีวิตของเจ้ายังไม่แข็งแกร่งมากพอ เจ้าฝึกวิชาเศียรทะลุฟ้าให้บรรลุก่อนเถอะ หลังจากนั้นค่อยคิดจะฝึกวิชาอื่น”
หวังเฟิงหลิวได้รับคำตอบเช่นนี้ก็ต้องชะงักกึก
เขารู้แล้วว่านายท่านไม่ต้องการสอนตนเอง นี่จึงเป็นคำปฏิเสธ เพราะไม่อยากจะทำลายน้ำใจของเขามากเกินไป
แต่ก็ได้ยินหวังจงกล่าวต่อไปว่า “แต่เจ้าอุตส่าห์เรียกข้าว่านายท่านทั้งที และยังติดตามรับใช้นายน้อยด้วยความซื่อสัตย์เป็นอย่างดี เมื่อเรื่องราวในครั้งนี้จบลง ข้าจะสอนวิชาหนึ่งให้กับเจ้าก็แล้วกัน ตราบใดที่เจ้าสามารถฝึกฝนได้สำเร็จเพียงสามกระบวนท่า เจ้าก็ไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใดในเส้นทางดาราจักรอีกแล้ว”
“ขอบคุณนายท่านมากขอรับ”
หวังเฟิงหลิวยิ้มกว้างด้วยความลิงโลดใจ
“ท่านลุงขอรับ คำพูดของท่านเมื่อสักครู่นี้ประทับใจข้าน้อยมาก”
เซียวปิงตัดสินใจตีเหล็กตอนที่ยังร้อน รีบประจบประแจงหวังจงทันที “ท่านช่วยพูดให้ข้าฟังอีกสักครั้งได้หรือไม่?”
“เป็นคำพูดประโยคใดหรือ?”
หวังจงรู้สึกตัวลอยเล็กน้อย
เซียวปิงตอบ “เป็นประโยคที่ท่านกล่าวว่าต่อให้เจ้ามีพลังค้ำฟ้า ก็ไม่ต่างจากมดปลวกตัวหนึ่งอยู่ดีเมื่อมาพบกับข้า…”
หวังจ้องมองตาเซียวปิงและพบว่าเด็กหนุ่มร่างอ้วนมีแววตาเทิดทูนเขายิ่งนัก
นับว่าเซียวปิงมีสายตาเฉียบแหลมจริง ๆ
หวังจงเรียบเรียงประโยคนี้ขึ้นตั้งนาน กว่าจะได้ถ้อยคำที่กระแทกใจคนฟัง
เขายืดอกด้วยความภาคภูมิใจและภายใต้การจ้องมองของเซียวปิงกับอากวง หวังจงก็กล่าวออกไปโดยเลียนแบบน้ำเสียงที่พูดเมื่อสักครู่ว่า “ต่อให้เจ้ามีพลังค้ำฟ้า ก็ไม่ต่างจากมดปลวกตัวหนึ่งอยู่ดีเมื่อมาพบกับข้า…”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
สายตาของเซียวปิงกับอากวงก็มองผ่านหวังจงไปทางด้านหลังด้วยความดีใจ
“พี่ใหญ่กลับมาแล้ว”
“จี๊ด”
เมื่อสองเพื่อนซี้ต่างสายพันธุ์เห็นหลินเป่ยเฉินกลับมาปรากฏตัวบนดาดฟ้าเรือเหาะอีกครั้ง พวกเขาก็รีบวิ่งเข้าไปหาด้วยความดีใจ เซียวปิงถามอย่างเป็นกังวลว่า “ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นขอรับ? ไม่ทราบว่าท่านพี่จัดการปัญหาเรียบร้อยแล้วหรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าตอบเล็กน้อย
“แก้ไขเรียบร้อยแล้ว”
เขาไม่อยากจะเปิดเผยถึงเรื่องราวที่สองแม่ลูกเฉียนเจินกับรั่วซูน้อยถูกพาตัวไป จึงตอบคำถามพอเป็นพิธีแล้วถามกลับไปว่า “ผลการประลองเป็นอย่างไรบ้าง?”
แต่ก่อนที่จะมีผู้ใดตอบคำถาม หลินเป่ยเฉินก็สังเกตเห็นถึงบรรยากาศแวดล้อมรอบกาย และบรรดากองทัพอสูรที่แสดงท่าทีขอยอมแพ้ต่อกองทัพเป่ยเฉิน… ดูเหมือนพวกเขาจะชนะแล้วสินะ
ในที่สุด การประลองครั้งนี้ก็จบสิ้นลงสักที
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้า “ข้าไม่มีเวลาแล้ว… ข้าต้องรีบเลื่อนขั้นพลังให้เร็วที่สุด ข้าต้องแข็งแกร่งให้มากกว่านี้ เพราะมีเพียงผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงเท่านั้น ถึงจะสามารถกำหนดผลแพ้ชนะของสงครามได้”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ เขาก็หันมามองหน้าหวังจงและถามว่า “จริงด้วยสิ ตาเฒ่าหวัง เมื่อสักครู่เจ้ากำลังพูดอะไรอยู่นะ เหตุใดจึงได้วางท่าใหญ่โตถึงเพียงนี้?”
หวังจงพูดอะไรไม่ออก
เขาควรตอบคำถามอย่างไรดี?
…
การต่อสู้จบลงแล้ว
การประลองในวันนี้ได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วทั้งเส้นทางดาราจักร
โดยเฉพาะการต่อสู้คู่สุดท้ายเป็นการต่อสู้ระหว่างตัวแทนของกองทัพเป่ยเฉินกับตัวแทนจากเผ่ามนุษทะเลทราย ชัยชนะและความพ่ายแพ้คือสิ่งที่จะกำหนดแนวโน้มของสงครามซึ่งจะดำเนินต่อไปหลังจากนี้
ก่อนเริ่มการประลอง ผู้คนคาดหวังที่จะได้เห็นการต่อสู้อันดุเดือด
เพราะถึงอย่างไรนี่ก็เป็นการต่อสู้ของผู้ที่มีพลังในขั้นจอมเทพอนันต์
กองทัพเป่ยเฉินเพิ่งจะก่อตั้งมาได้เพียงห้าร้อยปี
ในขณะที่กองทัพอสูรโลหิตและเผ่ามนุษย์ทะเลทรายมีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานหลายพันปี
แต่ไม่มีผู้ใดจะคาดคิดเลยว่าผลการประลองจะจบลงด้วยชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของกองทัพเป่ยเฉิน
การประลองในวันนี้ทำให้ผู้คนได้พบกับยอดฝีมือเร้นกายจำนวนมาก
สุดท้าย ราชาหยกขาวก็ต้องพ่ายแพ้ แม้แต่วิญญาณของบรรพบุรุษก็ช่วยอะไรไม่ได้
แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ ชายชราร่างอ้วนเตี้ยผู้แสดงตนเป็นคนสุดท้ายนั้นมีพลังแข็งแกร่งเกินผู้ใด เขาโค้งคำนับต่อราชาหยกขาวเพียงสี่ครั้ง ราชาหยกขาวก็ต้องถึงแก่ความตายอย่างไร้หนทางหวนคืน…
“นี่มันพลังในขั้นจอมเทพอสงไขย!”
บรรดาผู้ชมต่างก็ลงความเห็นเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ทุกคนต่างก็คิดว่าต้องเป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน
เพราะผู้ที่มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพอนันต์ ต่อให้ผนึกกำลังรวมกันหลายคน ก็ยังไม่สามารถมีพลังทำลายล้างเท่ากับการคำนับของพ่อบ้านชราร่างอ้วนเตี้ยผู้นี้เลย
แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนประหลาดใจมากที่สุดก็คือกองทัพเป่ยเฉินมีขุมกำลังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
มีจอมเทพอนันต์คอยช่วยเหลือว่าน่าประหลาดใจแล้ว นี่พวกเขาถึงกับมีจอมเทพอสงไขยเป็นกำลังเสริมเชียวหรือ?
นับเป็นขุมกำลังที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง
เมื่อข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป ทุกฝ่ายย่อมตกตะลึง
กองทัพเป่ยเฉินได้รับการส่งมอบอาณาจักรเหนียนเซียงอย่างเป็นทางการ
ขุมกำลังของพวกเขายิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น
ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ ไม่มีผู้ใดรับทราบข้อมูลอีกแล้ว
…
“ว่าไงนะ?”
สีหน้าของหลินเป่ยเฉินแสดงออกถึงความตกตะลึงสุดขีด
พี่สาวตาบอดเสียชีวิตจากการประลอง?
เขาถึงกับตั้งตัวรับข่าวร้ายไม่ทัน
“เป็นเพราะกลโกงของราชาหยกขาว ในตอนนั้นเซี่ยเต๋อจีเป็นผู้ชนะแล้ว”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงพูดเสียงแผ่วเบาผ่านโทรศัพท์ “การประลองครั้งนี้ นางอาสาเข้าร่วมเองเพราะอยากจะแสดงกระบวนท่าต่าง ๆ ให้เจ้าดูเต็มสองตา เจ้าเศษสวะ นางสามารถเอาชนะราชาหยกขาวได้แล้วแท้ ๆ แต่ผู้ใดจะคิดเลยว่า… เฮอะ นับว่าเจ้าติดหนี้บุญคุณข้าเพิ่มขึ้นก็แล้วกัน”
หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออกอยู่นานสองนาน
ทว่าในหัวใจยังคงรู้สึกเศร้าสลด
ยิ่งนึกถึงภาพการต่อสู้ของพี่สาวตาบอดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเศร้าใจมากเท่านั้น
นับตั้งแต่ที่พบกันในสุสานกษัตริย์ พี่สาวตาบอดก็ช่วยเหลือหลินเป่ยเฉินมากมาย เขาเป็นหนี้บุญคุณนางอย่างไม่มีวันชดใช้ได้หมดสิ้น นางแทบจะไม่ต่างไปจากพี่สาวในสายเลือดของเขาเลยทีเดียว
แต่กลับปรากฏว่า…
“ใช่ ข้าเป็นหนี้บุญคุณพวกท่านมากเกินไปจริง ๆ”
หลินเป่ยเฉินได้แต่พูดเงียบ ๆ
เผ่ามนุษย์ทะเลทราย!
เขาต้องแก้แค้นให้ได้
หลินเป่ยเฉินสาบานด้วยความอาฆาตแค้นอยู่ในใจ
Comments for chapter "บทที่ 2000 ตอบอย่างไรดี"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
puiphone
หลอกป่าว