เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 2002 จดหมายลับ
ตอนที่ 2,002 จดหมายลับ
แต่มีสิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ…
หลินเป่ยเฉินมั่นใจว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาต้องไม่ธรรมดาเช่นกัน
มิฉะนั้น ยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่อย่างหวังหยงจงคงไม่ยินดีมาเป็นบ่าวรับใช้ข้างกายเขายาวนานถึงเพียงนี้
ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินนึกถึงหลินถิงซานพี่สาวของตนเองขึ้นมาอีกครั้ง
หวังจงเคยบอกเอาไว้ว่าบางทีหลินจิ้นหนานผู้เป็นบิดาของหลินเป่ยเฉินอาจไม่มีตัวตนอยู่จริง ๆ แต่หลินถิงซานมีตัวตนอยู่จริง
นางมีตัวตนที่แท้จริงเป็นจักจั่นอสูรตัวหนึ่ง
เฮ้อ
แต่นางอาจจะมีความลับมากกว่านี้ก็ได้
มีแต่ความลับเต็มไปหมดเลยโว้ย!
หลินเป่ยเฉินรู้สึกเหมือนตนเองกำลังเดินไปบนเส้นทางที่มีใครสักคนกำหนดไว้
ดังนั้นคำถามใหม่จึงเกิดขึ้นอีกครั้ง
การที่ฮันปู้ฟู่ทะลุมิติมายังเส้นทางดาราจักรนั้น เป็นเพียงเหตุบังเอิญหรือมีคนตั้งใจนำตัวมาที่นี่กันแน่… เป็นไปได้หรือไม่ที่การทะลุมิติของฮันปู้ฟู่จะมีชนชั้นยอดฝีมือระดับสูงอย่างหวังหยงจงหรือคนอื่น ๆ อยู่เบื้องหลัง?
ศิษย์พี่ฮันได้เป็นถึงผู้สืบทอดสายเลือดของผู้ท่องกาลเวลาเชียวนะ
เมื่อลองคิดทบทวนดูดี ๆ การที่ฮันปู้ฟู่ทะลุมิติมาเป็นผู้สืบทอดสายเลือดแห่งผู้ท่องกาลเวลานั้น ไม่น่าจะใช่เรื่องบังเอิญเลยจริง ๆ
แต่ยิ่งหลินเป่ยเฉินคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ม่านหมอกแห่งปริศนาในใจเขาก็ยิ่งปกคลุมหนาแน่นมากขึ้นเท่านั้น
เขาอยากจะเรียกหวังจงกลับมาเพื่อสอบถามทุกอย่างให้เข้าใจเสียจริง ๆ
แต่ดูจากวิธีการรับมือของหวังจงแล้ว เกรงว่าตาเฒ่านั่นคงไม่ยอมเปิดปากพูดโดยง่าย
อีกอย่าง หวังจงคือผู้ที่ดูแลเขาเสมือนเขาเป็นบุตรชายของตนเอง หวังจงเป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่ของหลินเป่ยเฉิน แล้วเขาจะไปบังคับให้หวังจงพูดโดยไม่สมัครใจได้อย่างไร?
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เชิญเข้ามาได้”
หลินเป่ยเฉินไม่จำเป็นต้องหันไปมอง เพียงได้กลิ่นเขาก็รู้แล้วว่าเป็นผู้ใด
ฮันซางเซียงเดินเข้ามาตามคาด
“แม่ทัพฮันมาแล้ว ทำให้ห้องนอนของข้าสว่างไสวยิ่งนัก”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะแจ่มใส “ไม่ทราบว่ามีเรื่องอันใดหรือ?”
เขากลัวเหลือเกินว่าฮันซางเซียงจะตอบกลับมาว่า “สว่างไสวมารดาท่านเถอะ”
“ท่านแม่ทัพใหญ่แต่งตั้งให้ข้าเป็นผู้ดูแลกองทัพเซียนกระบี่ของท่าน”
ฮันซางเซียงตอบด้วยน้ำเสียงเป็นงานเป็นการ
หลินเป่ยเฉินและฮันปู้ฟู่เคยปรึกษาหารือกันแล้วว่าจะนำกองทัพเซียนกระบี่มาผนึกกำลังร่วมมือกับกองทัพเป่ยเฉิน บัดนี้การประลองจบสิ้นลงแล้ว ภารกิจความรุ่งเรืองของกองทัพเซียนกระบี่ก็สำเร็จลุล่วงแล้วเช่นกัน กองทัพเซียนกระบี่มีความแข็งแกร่งมากขึ้นจึงสามารถร่วมมือกับกองทัพเป่ยเฉินได้อย่างไม่มีปัญหา
แต่จะให้ฮันซางเซียงมาเป็นผู้ดูแลกองทัพเซียนกระบี่เนี่ยนะ?
ศิษย์พี่ฮัน นี่ท่านพยายามจะโยนบุตรสาวของตนเองลงในกองไฟหรืออย่างไร?
ไม่ควรเป็นเช่นนี้
หากนางมาเป็นผู้ดูแลกองทัพเซียนกระบี่ ก็ต้องใกล้ชิดหลินเป่ยเฉินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ศิษย์พี่ฮันก็รู้ดีนี่นาว่าเขาเป็นคนเสเพลขนาดไหน
หลินเป่ยเฉินสับสนมึนงงไปหมดแล้ว
แต่เขาก็สะกดกลั้นความสงสัยและพาตัวฮันซางเซียงไปยังอาณาจักรซือเว่ย
ไปยังท่าเทียบเรือแห่งกำแพงเมืองทิศเหนือและพบกับเฉียนเจินผู้เป็นยอดฝีมือผู้ดูแลกองทัพ
ฮันซางเซียงประสานงานตามฐานะของทหารประสบการณ์สูง ทุกสิ่งทุกอย่างจึงผ่านไปอย่างราบรื่น
“ผมของท่าน... เหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้?”
ก่อนเดินทางกลับ ในที่สุด เมื่อฮันซางเซียงมองเส้นผมสีขาวโพลนของหลินเป่ยเฉิน นางก็อดถามออกมาไม่ได้
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจยาวแรงและตอบว่า “อ้อ ข้าเจ็บปวดเพราะความรักน่ะ ผมก็เลยเป็นสีขาวเช่นนี้”
ฮันซางเซียงถึงกับหยุดชะงักไปเล็กน้อย
นางนึกภาพไม่ออกเลยว่าต้องเป็นผู้คนแบบใดกันที่ทำให้หลินเป่ยเฉินเจ็บปวดในความรักได้สำเร็จ?
ในโลกนี้จะมีสตรีเช่นนั้นอยู่ด้วยหรือ?
การที่เส้นผมของคนเราจะเปลี่ยนสีได้ในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน นั่นหมายความว่าคนผู้นั้นต้องพบความสะเทือนใจขั้นสูงสุด
เมื่อทั้งสองคนกลับมาถึงอาณาจักรเหนียนเซียง พวกเขาก็พบว่าฮันปู้ฟู่ได้เดินทางกลับไปที่อาณาจักรเทียนอวี่ก่อนล่วงหน้าแล้ว
ส่วนการส่งมอบดาวเคราะห์สามสิบหกดวงภายในเขตการปกครองของอาณาจักรเหนียนเซียงให้แก่เผ่าพันธุ์ปีศาจนั้นเป็นหน้าที่ในความรับผิดชอบของหลินเป่ยเฉิน
ซึ่งเขาก็โยนให้เป็นหน้าที่ของเซียวปิงกับอากวงอีกทอดหนึ่ง
ส่วนหลินเป่ยเฉินก็กลับเข้าห้องพักเพื่อเก็บตัว
เขาจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อตามเฉียนเจินกับรั่วซูน้อยกลับมาให้ได้ แต่สิ่งเดียวที่หลินเป่ยเฉินสามารถทำได้ในเวลานี้คือรอฟังข่าวและรีบเลื่อนขั้นพลังให้สำเร็จ เพื่อที่ตนเองจะได้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น
มิฉะนั้น ต่อให้เขาทราบว่าสตรีชุดขาวผู้นั้นเป็นผู้ใด แต่หลินเป่ยเฉินก็คงไม่สามารถเอาชนะนางได้อยู่ดี และนั่นหมายความว่าเขาจะไม่สามารถพาตัวภรรยาและบุตรสาวกลับคืนมาได้สำเร็จ
ก่อนอื่นเอาเป้าหมายที่ทำได้ง่าย ๆ ก่อนแล้วกัน
เลื่อนขั้นพลัง!
หลินเป่ยเฉินจ้องมองไปที่ร่างของมือกระบี่เมินฟ้า
ยอดฝีมือจากสายเลือดผู้แปรธาตุผู้นี้ น่าจะมีพลังกักเก็บอยู่ในร่างกายไม่ใช่น้อย
หลินเป่ยเฉินวางแผนเอาไว้ว่าจะดูดซับพลังจากในร่างของมือกระบี่เมินฟ้ามาเก็บไว้ในแขนซ้ายของตนเอง หลังจากนั้นถึงค่อยหลอมรวมพลังทั้งหมดเข้าด้วยกัน
เป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม ๆ ที่หลินเป่ยเฉินใช้เวลาไปกับการฝึกฝนอย่างหนัก
หรือหากจะขยายความเพิ่มเติมก็คือ นี่เป็นเวลาหนึ่งเดือนที่หลินเป่ยเฉินฝึกฝนอย่างหนักผ่านโทรศัพท์มือถือ
หนึ่งเดือนเป็นระยะเวลาอันแสนสั้นสำหรับผู้อื่น
แต่สำหรับหลินเป่ยเฉิน เพียงหนึ่งเดือนก็พอแล้ว
เขาสามารถเลื่อนขั้นพลังเป็นจอมเทพอนันต์ระดับ 2 ได้สำเร็จ
อีกก้าวเดียวก็จะขึ้นถึงระดับ 3 แล้ว
แต่จังหวะที่หลินเป่ยเฉินกำลังจะเร่งเลื่อนขั้นพลังต่อไป จดหมายฉบับหนึ่งก็ได้ถูกส่งมาขัดจังหวะการเก็บตัวของเขา
“หืม? จดหมายลับจากองค์ชายหลิงของอาณาจักรเกิงจินอย่างนั้นหรือ?”
หลินเป่ยเฉินถึงกับประหลาดใจไม่น้อย
เขารีบเปิดจดหมายอ่านข้อความด้านใน แล้วสีหน้าก็ดูแปลกพิกล
เนื้อความในจดหมายระบุว่าองค์จักรพรรดิคนปัจจุบันของอาณาจักรเกิงจินกำลังจะจัดงานประลองเพื่อค้นหาคู่ครองให้แก่องค์หญิงหลิงเฉินและสืบทอดบัลลังก์ต่อไป
องค์ชายหลิงรีบส่งข่าวมาหาเขาเพราะหวังว่าหลินเป่ยเฉินจะเข้าร่วมการประลอง
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่น
คนที่ซื่อตรงอย่างองค์ชายหลิงคงไม่โกหกเขาอยู่แล้ว
หากจะมีการจัดงานประลองเพื่อค้นหาคู่ครองให้แก่องค์หญิงหลิงเฉิน หลินเป่ยเฉินก็จะต้องไปเข้าร่วมอย่างไม่มีข้อแม้ เพราะเขาจะไม่ยอมให้ผู้ใดมาแย่งคนรักของตนเองไปเด็ดขาด
หลินเป่ยเฉินเชื่อว่าบางทีจดหมายฉบับนี้อาจเป็นหลิงเฉินส่งมาเองด้วยซ้ำ
แต่ทำไมนางถึงไม่ส่งข่าวบอกเขาด้วยตัวเองนะ?
หรือว่านางจะใช้งานแอปวีแชตในโทรศัพท์มือถือไม่เป็น?
หรือว่าบ้านเกิดของนางอยู่ห่างไกลไม่มีสัญญาณโทรศัพท์?
หลินเป่ยเฉินคิดไปคิดมาก็ตัดสินใจวางแผนการเพื่อเดินทางไปสู่อาณาจักรเกิงจิน
ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจะต้องพาหวังจงไปเข้าร่วมการประลองครั้งนี้ให้ได้
หลินเป่ยเฉินรู้สึกว่าตนเองไม่สามารถแยกจากพ่อบ้านชราได้อีกแล้ว