เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 2005 คำสั่งประหาร
ตอนที่ 2,005 คำสั่งประหาร
“หากรู้เช่นนี้ ข้าก็คงอยู่ที่จักรวรรดิเป่ยไห่ต่อไป ไม่มีทางกลับมาที่นี่เด็ดขาด”
นางถอนหายใจ
ทันใดนั้น ประตูรั้วของสวนดอกไม้ก็ถูกเปิดออก
ชินหลันซูหันไปมองนาฬิกา
อ้อ ได้เวลาส่งอาหารประจำวันแล้ว
หัวหน้าขันทีชราผมขาวในชุดแดงปักลวดลายอสรพิษเดินเข้ามาพร้อมกับขันทีผู้ติดตามอีกสี่คน
หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยหญิงรับใช้ที่เดินหิ้วกล่องบรรจุอาหารตามหลังมาถึงแปดคน
หืม?
ชินหลันซูขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
ปกติหญิงรับใช้ที่จัดส่งอาหารให้กับนางมีเพียงสี่คนเท่านั้น แต่วันนี้กลับมีผู้คนมากมายผิดปกติ
“องค์จักรพรรดิมีพระราชโองการมาถึงท่าน ชินหลันซู ได้โปรดเตรียมตัวรับราชโองการ”
ขันทีชราผมขาวกล่าวด้วยน้ำเสียงแหลมเล็ก ฟังดูไม่ต่างจากเสียงขู่ของงูพิษที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด ทำให้ผู้ที่ได้ยินรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว
ชินหลันซูรีบคุกเข่าลงรับพระราชโองการ
ขันทีผมขาวกล่าวว่า “องค์จักรพรรดิมีรับสั่งให้ประหารมารดาขององค์หญิงไข่มุกขาว ณ บัดนี้”
“ว่าไงนะ?”
ชินหลันซูได้ยินดังนั้นก็ต้องอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง “ประหารข้าอย่างนั้นหรือ?”
ขันทีเฒ่ากล่าวด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “เพราะว่าท่านไม่ใช่มารดาทางสายเลือดขององค์หญิงไข่มุกขาว แต่ก่อนที่จะประหาร องค์จักรพรรดิได้มอบอาหารมื้อที่ดีที่สุดให้แก่ท่าน โปรดรับประทานก่อนเถอะ เมื่ออิ่มหนำเรียบร้อยดีแล้ว ก็จงดื่มยาพิษไปซะ ท่านจะได้ไม่ต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน”
ชินหลันซูเงยหน้าขึ้นและถามกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “ทำไมพวกท่านถึงต้องฆ่าข้าด้วย?”
ขันทีผมขาวตอบเสียงเรียบ “นี่ก็เพื่อตัวขององค์หญิงไข่มุกขาวเอง หากท่านไม่ตาย องค์หญิงจะมีปัญหาเอาได้”
ชินหลันซูถึงกับหยุดชะงัก
ความคิดแรกที่ปรากฏขึ้นมาคือเกิดเรื่องขึ้นกับหลิงเฉิน
“เกิดอะไรขึ้นกับเฉินเอ๋อร์?”
นางกล่าวเสียงเครียด “ขะ…ข้าอยากจะพบนาง ให้ข้าพบเฉินเอ๋อร์สักครั้งเถอะนะ ถือว่าให้ข้าได้พบบุตรสาวเป็นครั้งสุดท้าย”
ชินหลันซูลุกขึ้นพยายามจะวิ่งหนีออกไปนอกประตูรั้ว
แต่ขันทีสองคนก็จับตัวนางกลับมาได้อย่างง่ายดาย
ผู้ที่สามารถเข้ามาทำงานในวังหลวงได้ต้องมีฝีมือแข็งแกร่งไม่ธรรมดา
ชินหลันซูไม่สามารถตอบโต้ขัดขืนได้เลย
ขันทีผมขาวกล่าวเสียงแหลมเล็กต่อไปว่า “ชินหลันซู องค์จักรพรรดิทรงเมตตาท่านมากพอแล้ว อย่าได้จองหองไปมากกว่านี้อีกเลย ในเมื่อท่านคิดสร้างปัญหาเช่นนี้ แม้แต่อาหารรสเลิศเหล่านี้ ท่านก็จะไม่ได้ทานแล้ว… เด็ก ๆ นำสุราออกมา”
ขันทีอีกสองคนเดินหิ้วไหสุราพร้อมกับจอกสุราเข้ามา
ชินหลันซูพยายามขัดขืน แต่ก็ไม่สามารถสลัดหลุดได้อีกแล้ว
“ชินหลันซู ท่านจงไปสู่สัมปรายภพด้วยจิตใจที่สงบสุขเถอะ เมื่อท่านตายแล้ว องค์หญิงก็จะปลอดภัย หากท่านไม่อยากให้เกิดเหตุร้ายกับบุตรสาวของตนเอง ท่านก็ต้องดื่มสุราผสมยาพิษนี้อย่างเชื่อฟัง” หัวหน้าขันทีเทของเหลวสีเหลืองใสจากในไหสุราใส่ลงไปในจอกสุราอย่างช้า ๆ
ดวงตาของชินหลันซูพลันมีแต่ความหมดหวัง
แต่อย่างน้อยนางก็สบายใจได้ว่าบุตรสาวของตนเองจะปลอดภัย
จอกสุราถูกยื่นมาที่ริมฝีปากของนางแล้ว
ขันทีผมขาวกำลังเอียงข้อมือเตรียมตัวเทสุรากรอกใส่ปากของชินหลันซู
วูบ!
ลำแสงกระบี่พลันสาดประกาย
แล้วมือที่ถือจอกสุราของขันทีผมขาวก็ถูกตัดจนขาดเสมอข้อก่อนจะตกลงสู่พื้นดิน
“ผู้ใด?”
หัวหน้าขันทีพยายามอดทนต่อความเจ็บปวดและหันไปมองยังประตูทางเข้าสวนดอกไม้
บุรุษหนุ่มผมขาวแปลกหน้าผู้หนึ่งค่อย ๆ เดินเข้ามาอย่างแช่มช้า ตามมาด้วยชายวัยกลางคนร่างกายล่ำสัน หัวหน้าขันทีจำได้ดีว่าชายวัยกลางคนผู้นั้นเป็นหนึ่งในเชื้อพระวงศ์ของอาณาจักรเกิงจิน มีนามว่าองค์ชายหลิงหวงฉี
“เจ้าทำอะไรอยู่ไม่ทราบ?”
เมื่อองค์ชายหลิงหวงฉีเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ถึงกับหยุดชะงักโดยทันที “ยังไม่รีบปล่อยนางอีก รีบปล่อยตัวนางเดี๋ยวนี้”
หัวหน้าขันทีกัดฟันข่มความเจ็บปวด ผงกศีรษะอย่างช้า ๆ และกล่าวว่า “บ่าวจะปล่อยตัวเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ…”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
หัวหน้าขันทีก็หันกลับไป ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยจิตสังหาร ก่อนจะกระแทกฝ่ามือใส่ชินหลันซูด้วยความเร็วสายฟ้าฟาด
หัวหน้าขันทียังคงตั้งใจจะฆ่าคน
แต่ในจังหวะนั้นเอง สายตาก็เห็นเพียงแสงสว่างวูบวาบ
แล้วบุรุษผมขาวก็มาปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าชินหลันซูราวกับเป็นวิญญาณตนหนึ่ง เขายกมือขึ้นมาคว้าจับข้อมือของหัวหน้าขันทีได้อย่างง่ายดาย
นิ้วมือของบุรุษหนุ่มผู้นี้แข็งแกร่งมาก แม้หัวหน้าขันทีจะมีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักราระดับ 5 แต่ก็ไม่สามารถโคจรพลังปราณได้อีกแล้ว
“เจ้า…”
ความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหัวหน้าขันที “เจ้าเป็นใครกันแน่ รู้หรือไม่ว่าการบุกรุกวังหลวงเช่นนี้…”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
กร๊อบ!
เสียงกระดูกแตกดังขึ้น
แล้วแขนข้างนั้นของหัวหน้าขันทีก็หักงอผิดรูปผิดร่าง
ความเจ็บปวดทำให้ใบหน้าของขันทีเฒ่าบิดเบี้ยว แต่เขาก็ยังคงไม่ส่งเสียงกรีดร้องออกมา
เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี ขันทีคนอื่น ๆ ก็หมุนตัวเตรียมหลบหนี แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเท้า ลำแสงกระบี่ก็พุ่งทะลวงสองขาของพวกเขา
“เป็นเจ้าเองหรือ?”
ขณะนี้ ชินหลันซูจดจำหลินเป่ยเฉินได้แล้ว
นางจึงรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
เจ้าเด็กผู้นี้สามารถเดินทางออกจากแผ่นดินตงเต้า… มายังอาณาจักรเกิงจินได้จริง ๆ หรือ?
นี่หมายความว่าขั้นพลังของเขา…
ต้องสูงส่งและแข็งแกร่งเพียงใดกันนะ
“เยว่หมู่ ท่านยังปลอดภัยดีใช่ไหมขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินยิ้มกว้างพร้อมกับสะบัดหลังมืออีกครั้ง
พลั่ก!
แล้วร่างของหัวหน้าขันทีก็ไม่ต่างจากตะปูตัวหนึ่งที่ถูกตอกลงไปบนพื้นดินจนเหลือเพียงส่วนของศีรษะเท่านั้นที่โผล่พ้นพื้นดินขึ้นมา พลังในการต่อสู้สูญหาย ดูน่าขบขันเป็นอย่างยิ่ง
บรรดาขันทีและหญิงรับใช้ที่เหลืออยู่ต่างก็ตื่นกลัวจนไม่กล้าขยับตัวอีกแล้ว
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
ชินหลันซูถามด้วยความสงสัย
ด้วยความที่นางไม่ได้รับรู้ข่าวสารของโลกภายนอก ชินหลันซูจึงไม่ทราบเลยว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง
ครั้งสุดท้ายที่นางได้พบกับหลิงเฉิน บุตรสาวก็ไม่เคยพูดถึงหลินเป่ยเฉินเลยแม้แต่คำเดียว
“เรื่องมันยาวมากขอรับ”
หลินเป่ยเฉินจ้องมองไปที่พวกของหัวหน้าขันทีและกล่าวว่า “แต่เยว่หมู่ขอรับ ดูเหมือนสถานการณ์ของท่านจะไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่ หากข้ามาช้ากว่านี้เพียงนิดเดียว เกรงว่าคงเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับท่านเป็นแน่แท้”